Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1416 ผลเก้าทำนองกายาอมตะ
“ท่านเย่หยวน? เขา…ถึงเขาจะทรงพลังยิ่งก็จริง ทว่าก็ยังมิใช่เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า เช่นนั้นจะต่อกรกับพวกนั้นได้อย่างไร?” ไป๋เฉินขึ้นด้วยความสงสัย
ในศึกชิงตำแหน่งประมุขวังนี้ หากปราศจากขุมกำลังระดับอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า เกรงว่าเป็นเรื่องยากเกินไปที่จะต่อกรรับมือด้วยได้ แค่เย่หยวนเพียงคนเดียวกลับไม่มีน้ำหนักพอที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น
การสวรรคตของท่านประมุขวังคนก่อนก็ยังกะทันหันเกินไปและยังไม่ทันมอบอำนาจให้ไป๋เฉินว่าการแทนอย่างเต็มตัว ดังนั้นหากไร้ซึ่งขุมกำลังอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าอยู่ข้างกาย เกรงว่าทำอะไรไม่ได้เช่นกัน! คนเดียวที่เขาสามารถพึ่งพาได้ในตอนนี้คงมีแต่โม่หยุนเท่านั้น
หาใช่เรื่องเท็จที่ความแกร่งกล้าของเย่หยวนในป่าพฤกษารกร้างตอนนั้น เป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อยิ่ง แต่ท้ายที่สุดนี้ เขาก็เป็นแค่เซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุดคนหนึ่งเท่านั้น
เพียงว่าทุกคนที่ได้เห็นต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวได้ว่า ที่เย่หยวนเหนือกว่าทุกคนเป็นเพราะความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งดาบของเขาอยู่ในระดับที่สูงมาก ต่อให้เผชิญหน้ากับเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขนานแท้สักคน นั้นก็ยังไม่คณามือเขาเลย แต่สถานการณ์ในตอนนี้กลับแตกต่างออกไป เหล่าผู้อาวุโสพวกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าระดับเจนจัดโชกโชนมากประสบการณ์ ต่อหน้าพวกเขาทั้งหมด ไม่ว่าอย่างไรเย่หยวนก็ไม่มีทางต้านรับได้ไหวแน่!
โม่หยุนกล่าวว่า “ข้าเองก็ไม่มั่นใจนัก แต่ข้าเพียงรู้สึกได้ว่า ท่านเย่หยวนคนนี้มิได้ง่ายดั่งผิวเผิน! และที่เราเห็นไปทั้งหมดยังไม่ใช่พลังที่แท้จริงของเขา! บางที…ท่านคนนี้อาจถูกส่งมาจากสวรรค์เพื่อช่วยเหลือพวกเราโดยเฉพาะ! การสวรรคตของท่านประมุกวังคนก่อนเป็นเรื่องใหญ่หลวงสำหรับนายน้อยก็จริง แต่สิ่งนี้ก็ช่วยดึงท่านให้เต็บโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน! ยามนี้ไม่มีท่านประมุขวังคอยอยู่ปกป้องอีกต่อไป ไม่ช้าก็เร็วพวกเราก็ต้องเผชิญหน้ากับพวกนั้นอยู่ดี!”
สีหน้าการแสดงออกของไป๋เฉินดูเคร่งเครียดรวนเรอย่างหนัก แต่ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ตกลง เช่นนั้นข้าจะไปหาท่านเย่หยวน แล้ว…แล้วข้าจะทำอย่างไรดี?”
โม่หยุนกล่าวตอบทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยว่า “โขกศีรษะยอมรับท่านเย่หยวนเป็นอาจารย์ของเจ้าซะ!”
ไป๋เฉินตกตะลึงอย่างมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาโพล่งกล่าววาจาสวนกลับไปทันที “ยอมรับเขาเป็นอาจารย์? แล้วท่านล่ะ?”
โม่หยุนยิ้มและกล่าวว่า “ข้าไม่มีอะไรจะสอนเจ้าแล้วในตอนนี้ แต่หากเป็นท่านเย่หยวนกลับต่างออกไป! ความเข้าใจของเขาต่อเต๋าเหนือชั้นกว่าข้าหลายขุมนัก! หากเจ้าสามารถทำให้เขายอมรับเจ้าเป็นศิษย์ได้ เราชายชราขอการันตี ความสำเร็จของเจ้าในอนาคตจะไร้ขีดจำกัด!”
…
ณ เรือนพักของเย่หยวนอันแสนเงียบสงบปราศจากเรื่องภายในวังเข้ามารบกวน ไป๋เฉินเคาะประตูเรียกหาเย่หยวนด้วยวาจาแสนสุภาพ “ท่านเย่หยวน เมื่อวานนี้ท่านนอนหลับพักเต็มอิ่มดีหรือไม่?”
ไป๋เฉินถูฝ่ามือจวนเหงื่อโชกไปมาอย่างประหม่า สีหน้าท่าทางของเขาในยามนี้ทั้งดูกังวลและไม่สบายเนื้อสบายตัวยิ่ง
“เต็มอิ่มเลยทีเดียว แต่ไม่มีเวลาคุยกับเจ้าเลยทั้งวัน อ่อ…ข้าขอแสดงความเสียใจด้วย” เย่หยวนกล่าวตอบ
เมื่อได้ฟังคำกล่าวนี้ไป หัวใจของไป๋เฉินคล้ายดูขุ่นมัวขึ้นเจียนแทบหลั่งน้ำตา แต่ยามนี้ระลึกนึกถึงคำสั่งของอาจารย์โม่หยุน เขาก็เร่งระงับความโศกเศร้าภายในใลงทันทีและฝืนยิ้มกว้างกล่าวว่า
“ขอบพระคุณอย่างมากท่านเย่หยวน! แต่เดิมไป๋เฉินคนนี้เพียงต้องการเชิญท่านมาเป็นอาคันตุกะพาเที่ยวพักผ่อน แต่ไม่นึกเลยว่าจู่ๆจะเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ ข้า…ข้าต้องขออภัยด้วยจริงๆ”
เย่หยวนเหลือบมองอีกฝ่ายปราดตาหนึ่งและกล่าวเสียงเย็นตัดบทขึ้นทันที
“มีอะไรก็กล่าวออกมาเถอะ ข้าไม่ชอบตีพุ่มล้อมต้นไม้”
เรื่องจำพวกเล่ห์เหลี่ยมเล่นวาจา ไป๋เฉินมิค่อยฉลาดเฉลียวเท่าไหร่นัก เย่หยวนแค่มองผ่านแวบเดียวก็รู้ถึงจุดประสงค์แล้ว ทั่วทั้งร่างของไป๋เฉินสั่นสะท้านอย่างหนัก เขาค้นพบว่าเรื่องฝีปากคมคายที่อาจารย์โม่หยุนสอนไปกลับเปล่าประโยชน์ยิ่งต่อหน้าเย่หยวนผู้นี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น พร้อมทิ้งคู่เข่ากระแทกพื้นอย่างแรงและก้มหัวกราบแทบเท้าเย่หยวนโดยไม่ลังเลใดๆ
“ท่านเย่หยวน ไป๋เฉินถูกต้อนจนสิ้นไร้ไม้ตอกแล้ว ท่านผู้สูงส่งโปรดช่วยเหลือผู้ต่ำต้อยด้วยเถิด! นี่คือผลเก้าทำนองกายาอมตะที่ข้าได้รับจากเสด็จพ่อ แต่เดิมสิ่งนี้มีไว้เพื่อช่วยให้ข้าทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าได้ง่ายขึ้น แต่ตอนนี้ขอมอบมันให้แก่ท่านผู้สูงส่ง! ได้โปรดเถิดท่าน…โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถิด! และช่วย…ช่วยให้ขึ้นขึ้นกลายเป็นประมุขวังคนต่อไปด้วยเถิด!” ไป๋เฉินก้มศีรษะจรดพื้นดินพร้อมกล่าวทั้งน้ำตา
ตามผิวเผินเย่หยวนยังคงสงบเยือกเย็นไม่แสดงสีหน้าอันใดออกมา ทว่าภายในใจกลับมีคลื่นลูกใหญ่ถาโถมเข้าใส่เต็มแรง หนึ่งในภารกิจที่เขาได้รับคือ การตามหาผลเก้าทำนองกายาอมตะ ซึ่งเขาก็ไม่คิดว่ามันจะเผยตัวขึ้นมาต่อหน้าต่อตาเขาอย่างง่ายดายปานนี้ ตราบเท่าที่เขาตอบตกลง เย่หยวนจะสามารถทำภารกิจนี้ได้สำเร็จทันที
ตามข้อมูลภารกิจที่บันทึกไว้ในป้ายตราสถานศึกษาของเขา ระบุไว้ว่า ผลเก้าทำนองกายาอมตะเป็นผลไม้วิญญาณฟ้าดินเพียงแค่เซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุดกินมันลงไป จะมีโอกาสถึงสามในสิบส่วนที่จะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าเต็มขั้นได้โดยตรง และหากเป็นเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าครึ่งขั้นจะมีโอกาสสูงถึงหกในสิบส่วนเลยทีเดียว!
สำหรับเหล่าเซียนพวกนี้ที่ติดอยู่ในปัญหาคอขวดมาอย่างยาวนานและไม่สามารถทะลวงผ่านได้สักที ผลเก้าทำนองกายาอมตะนับเป็นผลไม้มหัศจรรย์อย่างไม่ต้องสงสัยและหากนำมันไปหลอมกลั่นเพื่อสร้างโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง ประสิทธิภาพของมันยิ่งน่ากลัวขึ้นเป็นทวีเท่า
แต่สำหรับตัวเย่หยวน ผลเก้าทำนองกายาอมตะกลับมิได้อยู่ในสายตาเขาเลย ไม่ว่าสิ่งนี้จะมีสรรพคุณดีเลิศเพียงใด เขาก็ไม่คิดจะสนใจเช่นกัน
เย่หยวนรับผลเก้าทำนองกายาอมตะมา แต่ยังติดเล่นตัวหวังแกล้งอีกฝ่ายอีกเสียหน่อย จึงยิ้มกล่าวว่า
“ที่จริงแล้ว ตัวเจ้าในตอนนี้ก็ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งประมุขวังจริงๆ แล้วไฉนข้าต้องเอาตัวเองไปพัวพันกับเรื่องราวยุ่งเหยิงเช่นนี้ด้วย?”
ไป๋เฉินคนนี้อ่อนแอและยังไม่เด็ดขาดพอ เขาเป็นชายหนุ่มที่ใส่ซื่อบริสุทธิ์เกินไป ความแกร่งกล้าก็ยังไม่มากนัก ต่อให้ขึ้นกลายเป็นประมุขวังได้จริงๆ สักวันย่อมถูกล้มล้างลงมาแน่นอน ณ จุดนี้เย่หยวนตระหนักทราบมาสักพักใหญ่แล้ว
คนที่มีนิสัยสันดานอย่างไป๋ชง หากเป็นเย่หยวนเขาคงระเบิดหัวตั้งแต่ในป่าทึบนั้นไปนานแล้ว แต่กระทั่งช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ไป๋เฉินยังทำใจฆ่าอีกฝ่ายไม่ลงด้วยซ้ำ คนที่อ่อนแอและไม่เด็ดขาดพอ ย่อมไม่มีทางรับมอบหมายงานสำคัญได้เลย
ไป๋เฉินกัดฟันแน่นกล่าวว่า “ข้า…ข้าจักเติบโตขึ้นมากกว่านี้! ท่านอาจารย์โม่หยุนเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่า แม้ท่านผู้สูงส่งค่อนข้างอ่อนเยาว์ ทว่าความคิดความอ่านกลับเป็นผู้ใหญ่ยิ่งกว่าเขาเสียอีก! ยิ่งไปกว่านั้นความเข้าใจของท่านต่อเต๋ายังคงลึกล้ำเกินหยั่งถึง ไม่มีใครไม่เคยเริ่มจากศูนย์ ข้าจะเฝ้าติดตามเรียนรู้จากท่าน! หาก…หากท่านไม่เห็นด้วย ข้าขอสละตำแหน่งและออกพเนจร ไม่ขอหวนย้อนกลับมาที่นี่อีก!”
เย่หยวนย่างสามขุมเดินซ้ายเวียนขวาวนไปมาราวกับกำลังครุ่นคิดอยู่
อารมณ์ของไป๋เฉินในตอนนี้เปรียบเสมือนถังไม้ที่เต็มไปด้วยน้ำเจ็ดจากแปดใบหล่นลงมาพร้อมกัน
ชั่วครู่ต่อมา เย่หยวนเก็บผลเก้าทำนองกายาอมตะลงทันทีและกล่าวขึ้นว่า “เอาล่ะ เรื่องนี้ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
ไป๋เฉินสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยก่อนเผยสีหน้าสุดอิ่มเอมใจจนล้นปรี่ เขาก้มกราบเย่หยวนทันทีพร้อมกล่าวว่า
“ศิษย์ไป๋เฉินคาราวะท่านอาจารย์เย่!”
เย่หยวนหยิบขวดหยกขนาดเล็กใบหนึ่งออกมา และโยนให้ไป๋เฉินและกล่าวว่า “สิ่งนี้ถือเป็นของขวัญชิ้นแรกสำหรับศิษย์”
ไป๋เฉินค่อนข้างมึนงงเล็กน้อย เขาไม่รู้เรื่องโอสถเหล่านี้เลยแม้สักนิด
“ท่านอาจารย์เย่ ข้า…เอ่อ…ศิษย์คนนี้สงสัยว่าเราควรทำอย่างไรต่อไปดี?” ไป๋เฉินเอ่ยขอคำปรึกษาทันที
เย่หยวนกล่าวตอบอย่างใจเย็นว่า “เจ้ากลับไปเฝ้างานเสด็จพ่อต่อเถอะ เดี๋ยวก็รู้ว่า…พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น!”
…
ไป๋เฉินจากเรือนพักเย่หยวนกลับมาเข้าพบโม่หยุนด้วยความงุนงง ประโยคสุดท้ายที่เย่หยวนกล่าวตอบ เขายังคงมึนงงจวบจนตอนนี้
“เป็นเช่นไรบ้าง? ท่านเย่หยวนยอมรับเจ้าเป็นศิษย์หรือไม่?” โม่หยุนรีบกล่าวถามทันทีที่พบหน้าไป๋เฉิน
ไป๋เฉินพยักหน้าแข็งทื่อประดุจท่อนไม้และกล่าวสั้นว่า “ยอม”
โม่หยุนอดรู้สึกดีใจมิได้เมื่อได้ยินพร้อมโพล่งกล่าวขึ้นว่า “วิเศษ! วิเศษจริงๆ! ข้าว่าแล้ว! การที่เขายอมรับเจ้าแสดงว่าจะต้องช่วยเหลือพวกเราอย่างแน่นอน แล้วเขาบอกกล่าวอะไรเจ้าบ้างต่อจากนั้น?”
ไป๋เฉินทวนคำพูดประโยคสุดท้ายที่เย่หยวนทิ้งไว้ให้ซ้ำอีกรอบ ก่อนเอ่ยถามโม่หยุนอย่างงุนงงว่า
“ท่านอาจารย์โม่หยุน ท่านคิดว่าท่านอาจารย์เย่หมายความอย่างไรกัน?”
โม่หยุนที่ได้ยินเช่นนั้นยิ่งตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุดพร้อมกล่าวว่า “เจ้าเด็กคนนี้มันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ! ความหมายในคำกล่าวของท่านเย่หยวนชัดแจ้งดีอยู่แล้ว เขาต้องการจะสื่อว่า ตนเตรียมการวางแผนไว้พร้อมแล้ว เจ้าสบายใจได้เลย! พวกเรามีหน้าที่เข้าหารือปรึกษาเหมือนดังเดิม ที่เหลือปล่อยให้เขาจัดการเอง!”
ไป๋เฉินที่ได้ยินแบบนั้นยังคงเข้าใจเพียงครึ่งเดียวพลางทำหน้ามึนงงไม่คลายอ่อน โม่หยุนที่เห็นแบบนั้นพลางถอนหายใจคล้ายเพลียใจและกล่าวถามว่า “ผลเก้าทำนองกายาอมตะ ท่านเย่หยวนได้รับไว้หรือไม่?”
ไป๋เฉินพยักหน้าและกล่าวตอบว่า “เขารับไว้ แล้วก็ยังมอบโอสถให้ข้าอีกขวดหนึ่ง เขาบอกนี่คือของขวัญชิ้นแรกสำหรับศิษย์”
ขณะที่กล่าวบอก ไป๋เฉินก็หยิบขวดหยกใบนั้นที่ได้รับมาให้แก่โม่หยุนดู
โม่หยุนรับขวดหยกนั้นไว้และเทโอสถออกมาเม็ดหนึ่งพร้อมพินิจตรวจสอบโดยละเอียด ทันใดนั้นเอง สีหน้าการแสดงออกของเขาพลันเปลี่ยนไปราวกับเห็นผี! “นี่…นี่มัน…”
ไป๋เฉินจ้องมองโม่หยุนอย่างว่างเปล่าขณะเอ่ยถามขึ้นว่า “มีอะไรอย่างนั้นรึท่านอาจารย์โม่หยุน? หรือโอสถเม็ดนี้มีอันใดผิดแปลก?”
โม่หยุนเหลียวมองพลันปั้นสีหน้าซับซ้อนหนัก ไม่นานเขาก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “โอสถพวกนี้…หากข้าจำไม่ผิดมันน่าจะถูกเรียกว่าโอสถศักดิ์สิทธิ์! ยิ่งไปกว่านั้นประสิทธิภาพยังสูงมาก ควรจัดได้ว่าเป็นขั้นเทวะ!”
“โอสถศักดิ์สิทธิ์!! นี่…นี่คือโอสถศักดิ์สิทธิ์ในตำนานน่ะรึ?” ไป๋เฉินอุทานลั่นด้วยความตกใจ
เนื่องจากข้อจำกัดของศาสตร์แห่งสวรรค์ภายในดินแดนนภาบรรพต จึงทำให้ผู้คนบนดินแดนแห่งนี้ไม่สามารถหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ได้โดยสิ้นเชิง แต่เพราะดินแดนนภาบรรพตแห่งนี้เองมักจะมีเหล่าเซียนจากมหาพิภพเดินทางเข้ามาฝึกปรือทำภารกิจอยู่บ่อยครั้ง พวกเขาจึงมีความรู้เกี่ยวกับโอสถศักดิ์สิทธิ์ของมหาพิภพถงเทียนอยู่บ้าง นี่คือโอสถศักดิ์สิทธิ์ในตำนานที่ว่านั้น!
โม่หยุนพยักหน้าพลางกล่าวพร้อมสีหน้าอารมณ์สุดซับซ้อนขึ้นว่า “หลายปีก่อน ท่านประมุขวังคนก่อนก็เคยสังหารเซียนต่างแดนที่มาจากพิภพภายนอกเช่นกัน และได้รับโอสถศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้มาเช่นกัน!”
………………………………………..