Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1420 มีข้าอยู่เคียงข้าง จงทำตามใจอิสระ!
เหนือน่านฟ้า มีผู้คนกว่าหลายสิบร่างทะยานเหินฝ่าเมฆาชักนำกลิ่นอายสุดปั่นป่วนหอบใหญ่ การจะปรากฏภาพฉากที่เหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้าเคลื่อนพลออกโรงจำนวนมากมายขนาดนี้พร้อมกัน นับเป็นเหตุการณ์ที่พบเห็นได้ยากยิ่งในดินแดนนภาบรรพต เหล่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไปต่างคาดเดากันไปต่างๆ นานา อนึ่งอาจเกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่สั่นสะเทือนไปทั้งผืนพิภพ จึงเป็นสาเหตุให้ขุมกำลังระดับชั้นนี้ออกโรงพร้อมกันเป็นจำนวนมาก
กำลังทัพเซียนอาณาจักรพระเจ้าเดินทางไกลนับหลายหมื่นลี้ด้วยความเร็วเพียงพริบตา สามวันต่อมา ฝ่ายวังเทวะรัตติกาลฉายก็เผชิญพบกับพวกวังเทวะพิรุณร่วงโรยในท้ายที่สุด!
บุคคลหนึ่งที่ยืนอยู่เบื้องหน้าสุดของฝ่ายวังเทวะพิรุณร่วงโรยเป็นชายชราผู้หนึ่ง เมื่อผู้คนของวังเทวะรัตติกาลฉายเห็นบุคคลนี้ก็อดแปลกใจมิได้เช่นกัน
บุคคลนี้ได้รับรายงานมาว่า ประมุขวังรัตติกาลเทวะไป๋เย่ไห่ถูกวางยาจนสวรรคตไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงชักนำเหล่าเซียนกลุ่มใหญ่เพื่อมาล้างบางชำระ เพียงว่าทางเขาเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่า คนของวังเทวะรัตติกาลฉายเองก็เคลื่อนทัพตอบโต้ไวขนาดนี้เช่นกัน บุคคลนั้นกวาดสายตามองเหล่าเซียนที่ยืนประจันหน้าอยู่ตรงข้าม เขาเอ่ยปากกล่าวพลางหัวเราะคำโตขึ้นว่า
“ตาแก่ไป๋เย่ไห่ไปไหนเสีย? ไฉนเจ้านั้นถึงไม่ออกมาต้อนรับข้า? ช่างเสียมารยาทจริงๆที่ส่งเด็กน้อยมาแทน มาหาที่ตายหรืออย่างไร? ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ไป๋เฉินที่ได้ฟังดังนั้นโกรธเกรี้ยวจนตัวสั่นเทา เขาชี้นิ้วใส่หน้าอีกฝ่ายและคำรามปนโทสะจุดเดือดดาลขึ้นว่า “ฮั่วเทียนหยาง แกมันไร้ยางอายสิ้นดี!”
ฮั่วเทียนหยางผู้นี้คือประมุขวังเทวะพิรุณร่วงโรยรุ่นปัจจุบัน ทั้งยังเป็นเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดอีกด้วย! ทั้งเรื่องคนทรยศและเรื่องราวความขัดแย้งภายในวังเทวะรัตติกาลฉายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ล้วนได้รับการวางแผนอย่างแยบยลโดยเขาเพียงคนเดียว กลยุทธ์สร้างความร้าวฉานจากภายในนี้มิอาจกล่าวได้ว่าไม่โหดเหี้ยม ไม่เพียงทำให้ไป๋เย่ไห่พินาศวอดวายเท่านั้น กระทั่งถึงขั้นเปิดศึกชิงดีชิงเด่นกันอีกหลังจากนั้น
วังเทวะรัตติกาลฉายในปัจจุบันก็ไม่ต่างอะไรจากมังกรไร้หัว พวกเขาย่อมคว้าโอกาสนี้เพื่อโค่นล้มวังเทวะรัตติกาลฉายให้สิ้นซากโดยธรรมชาติ ไป๋เฉินยังไม่เติบโตพอที่จะรับตำแหน่งนี้ได้ในตอนท้าย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ระบบทุกอย่างพังพินาศไปหมด
เมื่อแปดผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลังเห็นสถานการณ์ดังกล่าว พวกเขาก็แอบส่ายหัวเล็กน้อย ในเวลาแบบนี้ต้องเป็นพวกเขาที่ควรแสดงให้อีกฝ่ายเห็นถึงความสงบเยือกเย็นจนผิดวิสัย และปล่อยให้ฮั่วเทียนหยางสับสนจนไม่สามารถตัดสินใจอันใดได้ต่อ มีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่จะขู่ให้อีกฝ่ายกลัวและถอนทัพกลับไป อย่างน้อยก็ซื้อเวลาให้พวกเขาเตรียมกลยุทธ์ตอบโต้ได้อีกสักพัก
ทันทีที่ฮั่วเทียนหยางเห็นท่าทางการแสดงออกของไป๋เฉิน เขาก็ยิ่งได้ใจระเบิดหัวเราะเยาะลั่นและกล่าวว่า “หลานชายผู้มีเกียรติของข้า ไม่ได้เจอกันเสียนาน ดูเหมือนว่าตอนนี้เจ้าจะกลายเป็นประมุขวังคนใหม่ไปเสียแล้ว! แต่น่าเสียดายนัก…เจ้าคงดำรงตำแหน่งนี้เป็นวันสุดท้าย!”
ไป๋เฉินสวนตอบกลับไปอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ฮั่นเทียนหยางอย่าคิดลำพองใจนัก! วันนี้แม้ข้าสู้จนตัวตายก็ขอลากแกลงนรกไปด้วย!”
ฮั่วเทียนหยางยิ่งระเบิดหัวเราะเยาะเสียงดังลั่น แลดูชอบอกชอบใจนักเมื่อได้ยินเช่นนั้น กล่าวว่า “ลากข้าลงนรก? ฮ่าๆๆ…เกรงว่านรกยังไม่พร้อมรับข้า! พอไม่มีไป๋เย่ไห่คอยปกป้อง ผู้คนกลับหลงทิศเหล่าทัพทหารกลับหลงทาง ถึงขั้นที่ว่าประเคนหาที่ตายถึงทีในวันนี้! วังเทวะรัตติกาลฉายของเจ้าจักต้องถูกลบออกจากหน้าประวัติศาสตร์ของดินแดนนภาบรรพต!”
ฮั่วเทียนหยางผู้นี้เจนจัดมากประสบการณ์ มีระดับความคิดอ่านที่สูงมาก ทุกวาจาคำกล่าวเปี่ยมล้นเล่ห์เหลี่ยมรอบคอบ ขณะเดียวกันขุมพลังแห่งอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดพลันถูกปลดปล่อยออกมาทันที สีหน้าการแสดงออกของเหล่าเซียนฝ่ายวังเทวะรัตติกาลฉายต่างแปรเปลี่ยนกันไปตามๆ กัน
ภายใต้แรงกดดันนี้ สีหน้าไป๋เฉินซีดเซียวลงโดยไม่รู้ตัว เขาเหลียวมองเย่หยวนทันทีด้วยความเคยชิน อย่างไรก็ตามแต่ เย่หยวนยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงประดุจไร้ความรู้สึก เขาจงใจไม่ให้คำแนะนำใดๆกับไป๋เฉินเลย เห็นดังนั้นจำต้องพึ่งพาตัวเอง ไป๋เฉินรวบรวมสมาธิแน่วแน่เร่งโคจรพลังทั้งหมดยกขึ้นต้านทานแรงกดดันนี้ให้จงได้
ทันใดนั้นเอง ไป๋เฉินพลันเบี่ยงสายตาไปหาไป๋ซิ่วที่อยู่ด้างหลังและกล่าว่า “ไป๋ซิ่ว หากข้าต้องตายในวันนี้จริงๆ เจ้าจงรับสืบทอดตำแหน่งประมุขวังเทวะรัตติกาลฉายต่อจากข้าทันที! และช่วยพาทุกคนถอยทัพกลับไปโดยสวัสดิภาพ อย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาแม้แต่คนเดียว เจ้าต้องเหลือเป็นคนสุดท้าย อย่าคิดหดหัวอย่างไร้เกียรติ!”
ไป๋ซิ่วที่ได้ยินแบบนั้นพลันสั่นสะท้านทั่วร่าง เขาไม่คิดเลยว่าไป๋เฉินจะกล่าวอะไรเช่นนี้ออกมาจริงๆ
ภาพของไป๋เฉินเริ่มผุดขึ้นภายในใจของไป๋ซิ่วขยายใหญ่ขึ้น ในคราแรก ที่เขาถูกบีบให้เห็นด้วยกับเรื่องไป๋เฉินขึ้นเป็นประมุขวัง ทั้งหมดเป็นเพราะเขาหวาดกลัวในตัวเย่หยวน แต่ตอนนี้เพียงคำพูดประโยคเดียวของไป๋เฉิน กลับกระตุ้นจิตวิญญาณนักสู้ของเขาจะลุกโชนขึ้นทันที! ในความเป็นจริงแล้ว แม้เย่หยวนจะสามารถเอาชนะพวกเขาไปได้ แต่ไป๋ซิ่วก็ไม่คิดว่ากุ้ยหยุนจะสามารถโค่นฮั่วเทียนหยางลงได้ อย่างมาก มีกำลังสำคัญอย่างกุ้ยหยุนมาเพิ่มก็ทำได้เพียงช่วยเพิ่มความมั่นใจแก่พวกเขาเล็กน้อย
คู่ดวงตาไสวของเย่หยวนสว่างพราวขึ้น นัยน์ตาสะท้อนทอประกายเผยถึงความพึงพอใจอย่างชัดเจน
ใครจะไปรู้ว่าประโยคนี้ของไป๋เฉินได้ซื้อใจของไป๋ซิ่วไปมากขนาดไหน
ดวงตาคู่นั้นของไป๋ซิ่วแลดูมุ่งมั่นจริงจังขึ้นหลายส่วน ผิดจากก่อนหน้าลิบลับ เขากัดฟันแน่นพร้อมกล่าวว่า “โปรดมั่นใจได้ท่านประมุขวัง! ข้าไป๋ซิ่วขอสู้จนตัวตายเคียงข้างท่าน! ไป๋หรง! เจ้าเองก็คนสกุลไป๋ หากทั้งตัวข้าทั้งท่านประมุขวังเกิดเป็นอะไรไป ฝากเจ้ารับช่วงต่อสืบทอดตำแหน่งประมุขวังคนต่อไป! วันนี้เป็นตายไม่ทราบ แต่พวกเราขอสัประยุทธ์สู้ขาดใจ!”
ไป๋หรงยามนี้ซาบซึ้งกินใจสุดพรรณนา เขาคำรามลั่นน้ำเสียงสั่นคลอดังว่า “พวกเราขอสู้จนถึงที่สุด! จะไม่มีวันเหลียวหลังกลับเด็ดขาด!”
“ข้าเองก็เช่นกัน! ขอสู้จนถึงที่สุด! จะไม่มีวันเหลียวหลังกลับเด็ดขาด!”
“ข้าก็ด้วย! ขอสู้จนถึงที่สุด! จะไม่มีวันเหลียวหลังกลับเด็ดขาด!”
…
วาจาประโยคนี้สนั่นกึกก้องดังสะเทือนขวัญทั่วพิภพ! เจตจำนงอันร้อนแรงเช่นนี้ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนกับพวกเขาวังเทวะรัตติกาลฉาย
เมื่อเห็นภาพฉากเหล่านี้ สีหน้าการแสดงออกของฮั่วเทียนหยางพลันแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน เขาไม่นึกเลยว่า เจ้าเด็กคนนี้ที่เอาแต่พึ่งร่มเงาคนอื่นคล้ายมีพลังวิเศษเหนือธรรมชาติสามารถกล่าวปลุกใจพวกตาเฒ่าที่ไม่ถูกขี้หน้าเหล่านี้ได้จริงๆ ขุมกำลังที่เปี่ยมล้นไปด้วยจิตวิญญาณแห่งต่อสู้ ย่อมเหนือชั้นนำชัยชนะที่ยิ่งใหญ่มาได้เสมอ
เพราะทหารเหล่านั้นไม่กลัวตาย! ศึกครั้งนี้กลับมิใช่เรื่องง่ายที่จะชนะเสียแล้ว! อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ยังไม่ประจักษ์ คงต้องดูแนวโน้มหลังจากนี้!
ฮั่วเทียนหยางไม่เชื่อว่าขุมกำลังอันแกร่งกล้าที่เขาสั่งสมมาทั้งชีวิต ผนวกกับขุมพลังอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดในมือ พวกมันหรือจะสามารถพลิกสวรรค์ได้?
อย่างไรก็ตามแต่ ก่อนที่เขาจักตอบสนองใดๆ ไป๋เฉินหวดกระบวนทวนยาวกระหน่ำจู่โจมใส่เขาโดยไม่ลังเล “ฆ่า! ฆ่าให้หมด!!”
ไป๋เฉินคำรามลั่นสุดเสียงจิตวิญญาณโหมเดือดลุกโชน คู่แววตามุ่งมั่นดุจหินผาปราศจากความครั่นคร้าม พุ่งเข้าใส่ฮั่วเทียนหยาง
ในเวลานี้เอง ขอบเขตความเข้าใจของไป๋เฉินพลันลึกล้ำขึ้นอีกระดับ! เพลงทวนของเขาเชี่ยวชาญช่ำชองเพิ่มอีกขั้น! เว้นเสียว่า เขาที่เป็นแค่เซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าจะไปทำอันตรายอีกฝ่ายได้อย่างไร? ท้ายที่สุดไป๋เฉินก็ไม่มีทางต้านรับการโมตีของฮั่วเทียนหยางได้แม้แต่กระบวนเดียว
“ท่านประมุขวัง อย่า!!”
ไป๋ซิ่ววิตกหนัก เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าไป๋เฉินจะใจเด็ดกล้าพุ่งเข้าใส่ฮั่วเทียนหยางไปตรงๆแบบนั้น
หากการโจมตีนี้มิได้รั้งรอแผนรับมือไว้ เกรงว่าไป๋เฉินอาจล่วงลับไปพร้อมกับความมุ่งมั่นนั้น! คำกล่าวก่อนหน้าของไป๋เฉินมิได้แค่เพื่อปลุกใจพวกเขา แต่เขากลับแสดงความตั้งใจจริงของตนเป็นประจักษ์ชัดแก่ทุกสายตา สิ่งนี้ยิ่งกระตุ้นจิตวิญญาณนักสู้ในกายพวกเขาจนเดือดพล่าน!
บูมมม!!
ขณะฝ่ามืออัดลูกกระสุนพลังของฮั่วเทียนหยางกำลังจะปะทะชนกับทวนยาว ทันใดนั้นกลับมีกรงเล็บปีศาจนิรนามพุ่งเข้าแทรกกะทันหัน
สีหน้าการแสดงออกของฮั่วเทียนหยางเปลี่ยนไปโดนพลัน ยามนี้หันควับจ้องเขม็งมองกุ้ยหยุนประหนึ่งว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ
“ยะ หยุดแล้ว! เหลือเชื่อ…เหลือเชื่อจริงๆ!”
ไป๋ซิ่วอุทานขึ้นลั่นทันทีที่เห็นภาพเหตุการณ์ เงาสายตาที่สาดสะท้อนเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ภูตเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นปลายตนนี้ สามารถต้านรับการโจมตีของเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดได้อย่างง่ายดาย! เฉพาะเวลานี้ ไป๋ซิ่วและเหล่าผู้อาวุโสพึงตระหนักได้ว่า ที่ผ่านมาเย่หยวนแสดงเมตตาต่อพวกเขามากแล้ว! หากให้เย่หยวนเอาจริง ปานนี้พวกเขาคงตายไปนานแล้ว!
“ขะ แข็งแกร่ง!”
“ปรากฏว่ากรงเล็บปีศาจก่อนหน้า ภูตเซียนตนนี้ออมมือให้พวกเรามากแล้ว!”
“หากมีภูตเซียนแกร่งกล้าขนาดนี้อยู่ฝ่ายเรา ตอนนี้ก็สามารถต่อกรกับประมุขบัดซบนั้นได้สูสีแล้ว!”
…
เหล่าขุมกำลังทางฝ่ายวังเทวะพิรุณร่วงโรยที่เฝ้ามองสถานการณ์ไม่วางตา ยามนี้แต่ละคนสีหน้าแปรเปลี่ยนดูรวนเรไม่แน่ใจ บางคนถึงกับอุทานลั่นตื่นตะลึงสุดขีด ศึกสัประยุทธ์ที่แทบรับประกันชัยชนะในคราแรก ตอนนี้กลับเกิดเหตุการณ์พลิกผันจากหน้าเป็นหลังมือ! และฝ่ายของวังเทวะรัตติกาลฉายเองก็เห็นทุกภาพฉากที่เกิดขึ้น แต่ละคนเผยสีหน้าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก!
ฮั่วเทียนหยางเปรียบเสมือนภูเขาไท่ซานขนาดมหึมาลูกใหญ่ที่กดทับร่างพวกเขาไว้แทบหายใจไม่ออก ทว่าภูเขาขนาดมหึมานี้กลับถูกใครบางคนยกออกไปแล้ว!
“ข้าเคยกล่าวไปแล้ว ตอนนี้ยังมีข้าอยู่ข้างกาย จงทำตามที่ใจอิสระ!”
ทั่วร่างของไป๋เฉินสั่นสะท้านหนัก เย่หยวนโผล่ขึ้นจากด้านหลังของเขาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด
……………………………………………………………