Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1434 กลุ่มหนูทดลอง
“นั้นเขา?” หวูเฉินเอ่ยขึ้นพร้อมท่าทีประหลาดใจ
“ข่าวลือที่แพร่ออกไปคราก่อน ทุกคนล้วนบอกว่าเป็นฝีมือของวังเทวะพิรุณร่วงโรย แต่นั่นมันดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นัก! สิ่งเดียวที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือ ต้องมีใครบางคนทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของข้า และต้องการให้ข้าตาย! ก่อนหน้านี้ข้ายังแค่สงสัยเพราพกลิ่นอายเปลี่ยนไปมาก ทว่าตอนนี้ข้ามั่นยิ่งแล้วว่าเป็นฉินเทียนไม่ผิดแน่!” เย่หยวนกล่าวตอบ
หวูเฉินคล้ายเข้าใจได้ในทันทีและกล่าวว่า “เมื่อคิดแบบนั้น ก็เป็นอย่างที่เจาว่าจริงๆ! ดูเหมือนว่าสถานศึกษาหวูเมิ่งจะไร้ความน่าเชื่อถือแล้ว!”
เย่หยวนคลี่ยิ้มสุดเย็นชา “ดูท่าเจ้าเมืองของเราจะใจกว้างเกินไปสำหรับตระกูลฉิน!”
หวูเฉินสงบปากลงทันที การปรากฏตัวของฉินเทียนในครั้งนี้ ได้ทำให้เย่หยวนสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีต่อเจ้าเมืองหลวงหวู่เฉินจนหมดสิ้น ตอนนี้มีทั้งเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าต้วนเฟย เซียนอาณัจกรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดฮั่นเทียนหยาง รวมไปถึงเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าอีกคนอย่างฉินเทียน! การเดินทางเข้าสู่ซากอักขระเทวะครั้งนี้อันตรายเป็นอย่างยิ่ง! ทั้งสามคนนี้กล่าวได้ว่าน่ากลัวเสียยิ่งกว่าภัยอันตรายที่ซุกซ่อนภายในซากอักขระเทวะเสียอีก!
“ถ้าเช่นนั้นเจ้ายังอยากเข้าไปในนั้นอยู่หรือไม่?” หวูเฉินเอ่ยถาม
“ไฉนเขาจะไม่เข้าไปล่ะ? ยามนี้ไม่เหลือเวลาให้รออีกต่อไปแล้ว! ที่แห่งนี้เปิดทุกๆพันปี เพื่อศิลาชีวิตนิจนิรันดร์ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องเข้าไป!” เย่หยวนลงน้ำเสียงหนักแน่นด้วยความมุ่งมั่น
บูมมม!
ในเวลานั้นเอง ภูเขาไฟที่กำลังคุกรุ่นอยู่ตลอด ในที่สุดมันก็ปะทุขึ้น! หินหนืดร้อนพุ่งออกมาราวกับน้ำพุพ่นออกมาไม่หยุดหย่อน พินิจมองจากภาพฉากนี้ค่อนข้างสวยงาม ทุกคนในขณะนี้ค่อนข้างอยู่ห่างจากจุดปะทุ ทว่าภายใต้ผลกระทบดังกล่าวทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนหนัก แผ่นดินไหวจนผู้คนโซซัดโซเซ ยืนไม่มั่นคงเจียนล้ม
ทุกคนต่างเร่งระดมพลังปราณเทวะผนึกเป็นเกราะครอบคลุมร่างกาย เพื่อต้านทานคลื่นไอร้อนเหล่านี้
ทันใดนั้นเองต้วนเฟยพลันรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง หันศีรษะควับเข้าจับจ้องเย่หยวนโดยไว เห็นเพียงว่า ยามคลื่นความร้อนเหล่านั้นเข้าโถมปะทะเข้ารัศมีรอบตัวเย่หยวน คลื่นไอร้อนนี้กลับแยกออกเป็นสองทางซ้ายขวาจากกัน เลี่ยงไม่โดยตัวเย่หยวนราวกับพวกมันกำลังหวาดกลัว สายตาทอประกายผิดประหลาด จากนั้นต้วนเฟยค่อยฟันศีรษะกลับดังเดิม
ไม่ทราบเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดแรงปะทุของภูเขาไฟก็หยุดลง ทุกอย่างกลับมาปกติเฉกเช่นเดิม คลื่นไอร้อนอันน่าสะพรึงอันตรธานหาย อุณหภูมิเย็นตัวลง
“ได้เวลาแล้ว!” ต้วนเฟยส่งเสียงดังฟังชัด ขณะเดียวกันปรากฏเปลวแสงกะพริบน่าอัศจรรย์ส่องประกายอยู่ในมือเขา เปลวแสงนั้นพุ่งเข้าโจมตีเปลวเพลิงโดยรอบบริเวณโดยตรง!
ทุกคนเห็นเพียงริ้วแสงสีขาวประกายสว่างฉีกผ่านขอบฟ้า ทะยานตรงไปยังทางเข้าปล่องภูเขาไฟ ในที่สุดเปลวเพลิงธรรมชาติโดยรอบบริเวณก็ออกกำลังลงฮวบ จนเปิดช่องว่างให้ลอดเข้าไปได้
เมื่อลงมือจัดการเสร็จสรรพ ต้วนเฟยก็หันมาทางวังเทวะรัตติกาลฉายและกล่าวเสียงเย็นชืดว่า
“วังเทวะรัตติกาลฉายเข้าไปก่อน ส่วนวังเทวะอื่นๆเข้าสมทบตามทีหลัง!”
เจตนาเล่นงานกันชัดๆ!
ซากอักขระเทวะแห่งนี้ไม่เคยเปิดมาเป็นเวลาพันปีเต็ม ใครจะรู้ว่ามีขุมกำลังหรือภัยอันตรายอันใดซ่อนอยู่บ้างการปล่อยให้วังเทวะรัตติกาลฉายเข้าไปก่อน มันไม่ต่างอะไรกับส่งพวกเขาเป็นหนูทดสอบเพื่อเปิดเส้นทางเลย การกระทำเช่นนี้ส่อให้เห็นถึงเจตนาชัดเจนเกินไป! เหล่าผู้คนของฝ่ายวังเทวะรัตติกาลฉายกล้าที่จะพิโรธโกรธเคือง แต่กลับไม่กล้าเอ่ยปากคัดค้านใดๆ ไป๋เฉินยามนี้โมโหจัดจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง
ในขณะที่วังเทวะแห่งอื่นๆต่างลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก และปล่อยให้ผลไปเป็นตามนั้น เมื่อการตัดสินใจจนี้มิได้ส่งผลกระทบต่อฝ่ายตน ก็ทำได้แต่ยินดีต่อความโชคร้ายของฝ่ายอื่นแทน
เย่หยวนเหลียวมองต้วนเฟยอยู่เล็กน้อย ก่อนพบว่าอีกฝ่ายก็ขยับขยายสายตาสนใจตนอยูเช่นกัน ทันทีทันใดเย่หยวนเอ่ยปากอย่างเฉยเมยทันทีว่า “ไปกันเถอะ!”
“ผู้อาวุโสสูงสุด!” ไป๋ซิ่วกล่าววาจาดูท่าไม่เต็มใจนัก
สีหน้าเย่หยวนมืดขรึมลงขณะกล่าวตอบว่า “ไป!”
ณ ปัจจุบัน บารมีของเย่หยวนนับว่าสูงที่สุดในวังเทวะรัตติกาลฉายทั้งปวง ถึงคนอื่นๆ จะไม่พอใจเพียงใด แต่ทำได้เพียงกลืนวาจาคำสบถลงไปด้วยความฝืนทน กอนก้มหน้าก้มตาเดินเข้าปล่องภูเขาไฟไป
เมื่อเห็นภาพฉากนี้ สีหน้าของต้วนเฟยเผยสะท้อนความประหลาดใจอยู่ไม่น้อย เขาคิดว่า เนื่องจากเย่หยวคนนี้ยังเด็กจึงอาจพานำปัญหามาสู่เขาได้ แต่คาดไม่ถึงเลยว่า เย่หยวนจะยอมทนกับการตัดสินใจจเช่นนี้จริงๆ
บนมุมปากของฮั่นเทียนหยางพลันแสยะยิ้มฉีกขึ้นเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจ พอมีท่านประมุขวังคนก่อนอยู่ด้วย อะไรๆต่างก็ดูง่ายดายในทันที หวังว่าหลังจากนี้จะมีโอกาสบดขยี้พวกมันจนจมดิน!
“ผู้อาวุโสสูงสุด พวกมันทำเกินไปแล้ว!” ไป๋ซิ่วคำรามเสียงต่ำอย่างไม่พอใจนัก
“ถูกต้องท่านอาจารย์! ไฉนเราจำต้องกลืนคำสบประมาท แล้วทนอยู่เฉยๆแบบนี้?” ไป๋เฉินกล่าวเสริมทันที สีหน้าการแสดงออกดูไม่สุขใจอย่างยิ่ง
เย่หยวนเอ่ยตอบเสียงเรียบ “แล้วจะให้ทำอย่างไร? พวกเจ้าสั่งให้เขาเสี่ยงชีวิตเดินนำหน้าได้หรือไม่?”
ทุกคนอดสำลึกมิได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น สั่งให้ยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเดินนำหน้า? นี่ไม่รนหาที่ตายเกินไปหรอกรึ?
“แต่เมื่อสังกัดอยูในวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์แล้ว มีกฎว่าห้ามยุ่งเกี่ยวอันใดอีกกับกลุ่มอิทธิดั่งเดิม!” ไป๋ซิ่วขุ่นเคืองยิ่ง
เย่หยวนยิ้มเมื่อได้ยินและกล่าวตอบไปว่า “รองประมุขวัง ชายชราอายุมากขนาดนั้นจะไร้เดียงสาอย่างที่คิดได้อย่างไร? หากเจ้าเป็นอีกฝ่าย แต่ก็คงมีเยื้อใยช่วยเหลือกันบ้างจริงหรือไม่?”
ไป๋ซิ่งชะงักค้างไปชั่วขณะแต่มิได้กล่าวอันใดตอบ แน่นอนว่าเขาต้องช่วยฝ่ายตัวเองเป็นธรรมดา!
“ดังนั้นอย่าโทษความลำเอียง! เจ้าโทษน่ะโทษได้ แต่ไม่สามารถเอ่ยปากด่าต่อหน้าคนของวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์! ที่วังนภาบรรพศักดิ์สิทธิ์ตั้งกฎเช่นนี้ขึ้นมา ก็เพื่อรักษาสมดุลโดยรวมของดินแดนนภาบรรพต แต่การจะตัดสัมพันธ์ถาวรย่อมเป็นไปไม่ได้! ดึงดันหาเรื่องอีกฝ่ายอย่างไรกลับไม่มีประโยชน์ รั้งแต่จะทำให้อับอายเท่านั้น!” เย่หยวนเอ่ยอธิบายเสียเย็นสะท้าน
ต่อหน้าวาจาเหล่านี้ ทุกคนต่างพูดโต้เถียงไม่ออก เห็นได้ชัดแจ้ง เย่หยวนอ่านสถานการณ์ขาดกว่าพวกเขามากสำหรับต้วนเฟยที่กล้าทำเช่นนี้ แสดงว่าเตรียมแผนฉุกเฉินมารอแล้วเช่นกัน ตราบใดที่พวกเย่หยวนกล้าปฏิเสธ เขาย่อมหาเหตุผลอื่นเพื่อลงโทษไม่ก็ให้เดินนำอยู่ดี ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะตามน้ำไปก่อน หากไม่คับขันจริง คงไม่ยอม!
อย่างน้อยต่อหน้าสาธารณชน ต้วนเฟยไม่กล้าฆ่าคนโดยไม่มีเหตุผลรองรับแน่นอน หลังจากนั้นไม่นาน จู่ๆพลันมีดวงตาหลายสิบคู่โพล่งโตเข้าจับจ้อง!
เย่หยวนเหาะทะยานเข้ามาก่อนเป็นคนแรก ส่วนที่เหลือค่อยติดตามเดินมา ไม่ทราบว่านานแคไหน ในที่สุด เย่หยวนก็หาที่ร่อนลงจอดสองเท้าแตะพื้น สิ่งแรกที่เห็นในระยะสายตาคือหินหนืดทั่วทั้งบริเวณ พร้อมปรพะกายไฟบินว่อนดูระทึกทุกทิศทาง
“ระวังผู้อาวุโสสูงสุด!” ไป๋ซิ่วตะโกนไล่หลังเอยเตือน
ยังไม่ทันสองเท้าแตะพื้นสนิท กลับมีบางสิ่งปราดพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วเต็มสูบ
หวีดด!
อย่างไรก็ตาม คมดาบของเย่หยวนก็เร็วกว่ามัน! เย่หยวนใช้ญาณสัมผัสถึงภัยอันตรายได้นานแล้ว เพียงยกมือฟาดฟันสยบดาราออกไปทันที!
บูมมมม!!
ลูกไฟถูกสับผ่าครึ่งกระเด็นไปชนกำแพงหินหนืดโดยรอบ
“นั้นมันอสูรปีศาจโลกันตร์! อสูรปีศาจระดับศักดิ์สิทธิ์! แย่แล้ว โดยปกติพวกมันจะออกล่ากันเป็นกลุ่ม!”
สีหน้าการแสดงออกของไป๋ซิ่วแปรเปลี่ยนไปทันที
สุ่มเสียงของไป๋ซิ่วเพิ่งดังกังวานออกไป วิสัยทัศน์เบื้องหน้าทุกคนพลันเบลอหนัก ปรากฏลูกไฟจำนวนมากพุ่งเข้าใส่นับไม่ถ้วน! พวกมันเป็นอสูรปัศาจโลกันตร์อย่างแม่นยำ! โดยสรุปจำนวนของมันมีไม่ต่ำกว่าร้อยตัว!
อสูรปีศาจระดับศักดิ์สิทธิ์มีไม่ต่ำกว่าร้อยตัว ยามนี้บรรยากาศพากันตึงเครียดเฉียบพลัน
สีหน้าเย่หยวนมืดทมิฬลงทันใด เขากล่าวว่า “ระวังให้ดี เหล่าผู้อาวุโสสกัดรอบนอก! ส่วนที่เหลือสกัดวงใน!”
ในบรรดาผู้อาวุโสทั้งเก้า มีเพียงสามคนเท่านั้นที่ออกเดินทางมาในครั้งนี้ หากเพิ่มเย่หยวนกับไป๋ซิ่วเข้าไป ทั้งหมดก็จะมีเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าทั้งหมดห้าคน
ภายใต้คำสั่งการของเย่หยวน ทุกคนต่างระดมตีตัวเป็นวงกลมกรอบนอกและในทันที เพื่อตั้งขบวนป้องกัน
ปีศาจโลกันตร์ทรงพลังมาก แม้จะถูกโจมตีโดยเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า แต่นั้นก็สร้างความเสียหายได้เพียงชั้นผิวหนังเท่านั้น แม้แต่เย่หยวนเองยังไม่กล้าประมาทสักนิด
ชวิ้ง! ชวิ้ง! ชวิ้ง! ชวิ้ง!…
นอกจากที่ปีศาจอสูรพวกนี้จะเร็วแล้ว พวกมันยังมีพละกำลังมหาศาลมาก แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตั้งรับป้องกัน ในพริบตาเดียวพวกมันก็ล่อนเวลาพุ่งมาถึงตรงหน้า
“โจมตี!” เย่หยวนส่งเสียงร้องคำรามลั่น มือข้างหนึ่งยกขึ้นปลดปล่อยสยบดาราฉีกห้วงอากาศออกไป
บูมม! บูมม! บูมม!
พวกมันนับหลายตัวถูกซัดกระเด็นออกไป
ไป๋เฉินซ่อนตัวอยู่วงใน เพียงเห็นภาพเบลอต่อหน้า คลื่นไอร้อนกลับพุ่งโจมตีเข้าถึงเขาเสียแล้ว ต่อให้อยากป้องกันเพียงใดกลับสายเกินไป!
…………………………………