Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1437 ฉืนเทียนเผยตัว!
หวีด!
หวีด!
หวีด!
…
เหล่ายักษ์หินโลกันตร์ซัดกระหน่ำครั้งแล้วครั้งเล่า คลื่นพลังที่ปลดปล่อยออกไปกวาดล้างทั่วทั้งบริเวณทั้งหมด
ในทำนองเดียวกัน ยักษ์หินโลกันตร์อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าตรงหน้า ต้วนเฟยทำได้แค่เลี่ยงหลบเท่านั้น หาได้หาญกล้าเข้าเผชิญหน้ากับมันโดยตรงเลย
ยักษ์หินโลกันตร์ตนนี้แข็งแกร่งเกินไป แต่ละหมัดที่พวยพุ่งออกไปล้วนกอปรไปด้วยศาสตร์แห่งไฟอันลึกล้ำยิ่ง ซึ่งมันทรงพลังอย่างหาทีเปรียบไม่
“ให้ตาย! เย่หยวน ยามใดที่ข้าจับตัวเจ้าได้ จ้าจะฉีกแขนขาของเจ้าออกมาเป็นชิ้นๆ!”
ต้วนเฟยยามนี้รังเกียจเย่หยวนถึงขีดสุด
แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่ความคิด ยักษ์หินโลกันตร์ที่อยู่ตรงหน้าเขาทรงพลังมากเกินไป
ต้วนเฟยถูกสกัดเคลื่อนไหวไปไหนมิได้ กล่าวได้ว่าไม่เหลือเวลาให้ทำอย่างอื่นเลย
โดยรอบบริเวณเคียงข้าง ปรากฏเสียงกรีดร้องดังระงมไม่หยุดหย่อน
ทุกคนต่างถูกพวกยักษ์หินโลกันตร์ปิดล้อมทั่วทุกมุม และมีจำนวนผู้คนไม่น้อยที่เริ่มพลาดท่าเสียทีแก่พวกมัน
ชวิ้งง!
ในเวลานั้นเองร่างเงาดำสายหนึ่งพุ่งฝ่าออกจากใจกลางกรอบที่ตีล้อมของพวกยักษ์หินโลกันตร์ออกมา ก่อนที่ร่างแปรเปลี่ยนเป็นประกายไสวกระตุกวูบหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
สีหน้าของต้วนเฟยมืดทมิฬลงเป็นคำรบสอง เขาตะโกนลั่นด้วยความโกรธจัดอีกคราว่า
“ประมุขวังเทวะสัมปรายภพ! เจ้าเองก็ต้องการเป็นศัตรูกับวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน?!”
อย่างไรก็ตาม‘ประมุขวังสัมปรายภาพ’กลับหาได้ใส่ใจฟังไม่ และอันตรธานหายลับสายตาของเขาไปโดยตรง
ต้วนเฟยโมโหจัดแทบสมองแทบระเบิด
ลืมเรื่องวังเทวะรัตติกาลฉายไปได้เลย นามนี้แม้แต่ประมุขวังเทวะสัมปรายภพยังหาญกล้าไม่ฟังคำพูดของเขาแล้วเช่นกัน
นี่มันมากเกินไปแล้ว!
“ให้ตาย! หลังจากที่กลับไปคราวนี้ ข้าจะต้องคิดบัญชีกับวังเทวะรัตติกาลฉาย กับวังเทวะสัมปรายภพให้เบ็ดเสร็จเลยคอยดู! เจ้าพวกนี้หยิ่งผยองเกินไป!”
ต้วนเฟยครุนพินิจเดือดดาลอยู่ภายในใจ
ภายในหัวของฉินเทียนมีแต่เรื่องฆ่าเย่หยวน ดังนั้นในตอนนี้มีหรือจะมีเวลาไปสนใจตวนเฟย?
วังเทวะสัมปรายภพจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้หรือจะลงเอยอย่างไร มันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย
ความแกร่งกล้าของฉินเทียนสำเร็จถึงอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าครึ่งขั้นแล้ว นอกจากนี้ขอบเขตความเข้าใจของเขายังสูงส่งมาก เมื่อเทียบแล้วระดับพลังค่อนข้างใกล้เคียงกับคนในวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์
ดังนั้นแค่การตีฝ่าออกจากวงล้อมของพวกยักษ์หินโลกันตร์เหล่านี้จึงหาใช่เรื่องยากอันใด
เข้าแฝงตัวอยู่ในดินแดนนภาบรรพตมาเป็นเวลาสิบปีเต็มโดยมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือ การฆ่าเย่หยวน
และเมื่อมีโอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาจะปล่อยมันไปเฉยๆได้อย่างไร?
…
กลุ่มคนของวังเทวะรัตติกาลฉายกำลังติดตามเย่หยวนซึ่งเป็นผู้นำ ตรงเข้าสำรวจเส้นทางเบื้องหน้าอย่างแช่มช้าระมัดระวัง
“ผู้อาวุโสสูงสุด ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง! เดินทางเข้ามาในซากอักขระเทวะครั้งนี้ดูจะอันตรายกว่าครั้งใดๆ ที่ผ่านมา!”
ไป๋ซิ่วเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม
เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า
“หากข้าเดาไม่ผิด มันน่าจะเป็นเพราะภายในนี้น่าจะมีสมบัติล้ำค่า!”
“สมบัติล้ำค่ากำลังจะปรากฏขึ้นมา!”
เมื่อได้ยินคำกล่าวเหล่านี้ ทุกคนต่างเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความยินดี
สมบัติล้ำค่ากำลังจะปรากฏขึ้นมา แล้วใครจะสงบใจลงได้?
บางทีนี้อาจกลายเป็นโชคดีของพวกเขาที่มีครั้งเดียวในชีวิต!
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทีของพวกเขา เย่หยวนพลันแสยะยิ้มบางและกล่าวว่า
“พวกเจ้าทุกคน ยังเร็วเกินไปที่จะดีใจจเชนนั้น จะเป็นโชคชะตาหรือหายนะของชีวิตกลับมีใครทราบ! หากประเมินไจนไม่ระวัง พวกจ้าทุกคนอาจตายไม่รู้ตัว!”
เสมือนถูกเย่หยวนสาดน้ำเย็นเข้าใส่อย่างจัง แต่ก็เห็นได้ชัดว่า นั้นมิอาจดับความตืนเต้นของพวกเขาลงได้ทั้งหมด
คำเตือนเหล่านี้ทุกคนต่างตระหนักทราบดี เพียงว่ายามเผชิญหน้ากับสมบัติสุดล้ำค่า พวกเขาจะสงบสติอารมณ์ลงได้อย่างไร?
ทันนั้นทุกคนก็ตรงมาถึงพื้นที่เปิดโล่ง คลื่นพลังไร้ขอบเขตทำเอาทุกคนดวงตาสว่างไสวขึ้นฉับพลัน
“ผลเก้าทำนองกายาอมตะ! แถมยังมีเยอะมาก!”
“มีจำนวนไม่น้อยที่โตเต็มที่แล้ว! ประสบโชคดีครั้งใหญ่แล้ว!”
ตรงหน้าพวกเขาปรากฏเป็นสวนผลเก้าทำนองกายาอมตะมากมาย บริเวณโดยรอบที่แห่งนี้มีมันอยู่เกลือนเต็มไปหมด
ผลเก้าทำนองกายาอมตะจะถูกแบ่งออกเป็นสองระดับ คือ กึ่งสุกกับโตเต็มที่ ซึ่งผลที่ไป๋เฉินมอบให้เย่หยวนเป็นแบบกึ่งสุก
ในความเป็นจริงแล้ว แม้แต่ในวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ก็มีผลเก้าทำนองกายาอมตะแบบโตเต็มที่อยู่เพียงเล็กน้อยเช่นกัน
ผลเก้าทำนองกายาอมตะแบบโตเต็มที่จะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า หากให้เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าบริโภคเข้าไป มันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเลื่อนระดับขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้า
ดังนั้นเมื่อทุกคนเห็นผลเก้าทำนองกายาอมตะเหล่านี้ ทุกคนจึงเกิดความต้องการอย่างหาสิ้นสุดไม่
“ผู้อาวุโสสูงสุด พวกเรา…สามารถเก็บเกี่ยวพวกมันเข้ากระเป๋าเลยได้หรือไม่?”
ไป๋ซิ่วอดใจเอ่ยปากถามมิได้
ตามกฎของวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์แล้ว ศิลาชีวิตนิจนิรันดร์ ผลเก้าทำนองกายาอมตะ และทรายม่วงทอง สิ่งของจำพวกเหล่านี้ล้วนมีอภิสิทธิ์แค่คนของวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สามารถเก็บเกี่ยวได้
หลังจากนั้นวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์จะตอบแทนตบรางวัลให้เล็กน้อยเป็นครั้งคราว ตามผลงานของวังเทวะแต่ละแห่ง
ผลเก้าทำนองกายาอมตะเหล่านี้ ไปเฉินเองก็อยากจะได้เก็บไว้เช่นกัน
แต่อิทธิพลอำนาจที่วังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ได้สั่งสมเอาไว้กลับแผ่ไพศาลเกินไป ดังนั้นต่อให้เป็นไป๋ซิ่ว ผู้เปรียบดั่งจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ก็มิกล้าหุบของพวกนี้เอาไว้โดยพลการ
เย่หยวนอดหัวเราะมิได้ขณะกล่าวว่า
“หากพวกเราเก็บเกี่ยวพวกมันมิให้เหลือซาก แล้วต้วนเฟยและคนอื่นๆจะทราบได้อย่างไรว่าที่นี่มีผลเก้าทำนองกายาอมตะ? ตราบใดที่ข้าไม่พูด เจ้าไม่พูด แล้วใครจจะไปรู้? หรือชั่วชีวิตนี้พวกเจ้าจะอยู่ใต้การกดขี่ของพวกมันไปตลอด?”
พวกเขาสะดุ้งเฮือกทันทีที่ได้ยิน ก่อนเอ่ยถามอีกครั้งอย่างอดมิได้
“เช่นนั้น…ไปเก็บเกี่ยวกันเลย?”
ไป๋ซิ่วเอ่ยถามพร้อมท่าทีค่อนข้างตื่นเต้นอย่างยิ่ง
“ลุย!”
เย่หยวนเอ่ยตอบให้สัญญาณทันทีโดยไม่มีลังเล
ภายใต้คำสั่งการของเย่หยวน ทุกคนราวกับถูกฉีดกระตุ้นคึกคักอย่างยิ่ง พร้อมพุ่งไปเก็บเกี่ยวผลเก้าทำนองกายาอมตะเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว
ไป๋ซิ่วถือผลที่โตเต็มที่มาจำนวนหนึ่ง พร้อมเดินตรงไปหาเย่หยวนและยิ้มกล่าวว่า
“ผู้อาวุโสสูงสุด หากไม่ได้ท่านช่วยเอาไว้ พวกเราคงไม่มีทางได้รับผลเก้าทำนองกายาอมตะจำนวนมากขนาดนี้เป็นแน่ ผลโตเต็มที่เหล่านี้ท่านควรรับไว้! แล้วผลกึ่งสุกทั้งหมดล้วนเป็นของผู้อาวุโสสูงสุด!”
แต่เย่หยวนเอื้อมไปหยิบแค่ผลเดียวกลับมาและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“อย่างน้อยเจ้ายังมีสำนึกรู้คุณ! แต่ข้ามิได้ต้องการสิ่งพวกนี้เลย ขอแค่ผลเดียวนับว่าเพียงพอ ส่วนที่เหลือแจกจ่ายให้แก่ทุกคนต่างสมควร!”
เหล่าเซียนของวังเทวะรัตติกาลฉายยามนี้เสมือนโจรป่า เข้าทำความสะอาดสวนผลเก้าทำนองกายาอมตะซะจนเกลี้ยง
คล้อยหลังไม่นาน พวกเขาก็เก็บเกี่ยวผลเก้าทำนองกายาอมตะทั้งหมดจนไม่เหลือซาก ไม่ทิ้งร่องรอยเหลือเลยแม้สักนิด
แต่ทันใดนั้นสีหน้าเย่หยวนพลันมิดทมิฬลงทันที ยามเห็นชายชุดคลุมดำสวมหน้ากากผีค่อยๆ ย่างก้าวตรงเข้ามาในพื้นที่เปิดโล่ง
เขาไม่คิดเลยนว่าสหายคนนี้จะรีบลงมือชำระแค้นว่องไวถึงปานนี้
“ฉินเทียน ดูเหมือนว่าข้ายังประเมินเจ้าต่ำเกินไป!”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวน้ำเสียงสุดเคร่งขรึม
เมื่อได้ยินวาจาคำกล่าวเหล่านั้น ฉินเทียนพลันรู้สึกประหลาดใจไม่ต่าง ก่อนจะถ่อยๆถอดหน้ากากออกมาและกล่าวว่า
“เจ้าทราบตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นข้า! ดูเหมือนว่าไหวพริบของเจ้าค่อนข้างน่าประทับใจจริงๆ ไม่น่าแปลกใจว่าไฉนท่านลุงหยวนหลงถึงต้องยอมจำนนในเงื้อมมือเจ้า!”
เย่หยวนแสยะยิ้มสุดเยือกเย็นและกล่าวว่า
“เหอะ พวกตระกูลฉินมันครองน่านนภาได้ด้วยมือข้างเดียวจริงๆ!”
ฉินเทียนยิ้มและกล่าวตอบไปว่า
“ดูเหมือนว่าเจ้าะโกรธข้าไม่น้อย ดี! ข้ามีความสุขยิ่งที่เห็นเจ้าเป็นแบบนี้! อย่าได้ถือโทษ หากต้องกลับชาติมาเกิดใหม่!”
“ลืมไปเถอะ ต่อให้กลับชาติมาเกิดใหม่ในตระกูลฉิน ข้าก็ขอกัดลิ้นตายดีกว่า!”
เย่หยวนกล่าวเย้ยหยันวาจาเป็นคำตอบ
สีหน้าการแสดงออกของฉินเทียนเย็นชาลงในทันใด เขากล่าวน้ำเสียงขรึมเข้มว่า
“ฝีปากเฉียบคมไม่เปลี่ยน! เจ้ามิอาจเลี่ยงหลบโทษที่ก่อไว้ได้! ความอัปยศอดสูที่เจ้ามอบให้ข้า เตรียมชำระต้นดอกในวันนี้ด้วยเลือดสดในกายเจ้า!”
ขณะทีเอย่ออกมา ฉินเทียนค่อยๆ ปลดผลึกขุมกำลังที่ซ่อนแฝงเอาไว้โดยตลอดออกมา ทั่วกายาระเบิดพลังพุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตรงขึ้สู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าครึ่งขั้นโดยตรง!
เหล่าเซียนของวังเทวะรัตติกาลฉายยังคงงุนงงไม่เข้าใจสถานการณ์
จวบจนตอนนี้ ยามสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แท้จริงของฉินเทียน ทุกคนต่างหน้าถอดสีในบัดดล!
“ผู้บุกรุก! มันคือผู้บุกรุกต่างแดน!”
ไป๋ซิ่วร้องคำรามลั่นด้วยความตกใจ
เมื่อรัศมีกลิ่นอายของฉินเทียนพุ่งทะยานถึงขีดสุด เคล็ดวิชาที่ใช้ผนึกเต๋าของตนก็ยิ่งคลายอ่อนลง ส่งผลให้ฉินเทียนถูกศาสตร์แห่งสวรรค์ของดินแดนนภาบรรพตปฏิเสธทันที
แต่สิ่งที่เหล่าผู้คนของวังเทวะรัตติกาลฉายตืนตะลึงที่สุดหาใช่เรื่องของฉินเทียน แต่เป็นเย่หยวน!
ทุกคนต่างเหลือบตามองเย่หยวนด้วยความไม่อยากจะเชื่อสายตา
จากบทสนทนาก่อนหน้า แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้ว่าเย่หยวนกับฉินเทียนรู้จักกันมาก่อย หากอีกฝ่ายเป็นผู้บุกรุกต่างแดน ก็แสดงว่าเย่หยวนเองก็เป็นผู้บุกรุกต่างแดนเช่นกัน!
…………………………………