Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1456 ขุมพลังที่แท้จริงของตระกูลฉิน
“เย่หยวน เจ้ากล้าก่อโศกนาฏกรรมต่อหน้าสาธารณชนบนพื้นถนนได้อย่างไร?!”
เสียงคำรามกู่ลั่นจากทางไกล ฉินเทียนหนานพุ่งกระโจนเข้าใส่เขาราวกับหมาบ้า
กลิ่นอายแห่งขุมพลังอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเข้าครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่ พลังวิญญาณโดยรอบไร้เสถียรกระเพื่อมสั่นไหว
เขาเห็นว่าเย่หยวนอยู่ตัวคนเดียว เช่นนั้นจึงหวังเร่งตัดตอนรวบฆ่าเย่หยวนทันทีในอึดใจ กระบวนจู่โจมถาโถมดุจสายฟ้าแทบไม่มีโอกาสให้ปิดหู
หากฆ่าเย่หยวนที่อยู่นอกอาณาเขตหอมหาสมบัติได้ นี่เท่ากับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวพันอันใดกับหอมหาสมบัติเช่นกัน
เย่หยวนหัวเราะเล็กน้อย ก่อนที่ร่างของเขาจะเหาะลอยขึ้นฟ้าไป
ฉินเทียนหนานเปรียบเสมือนเสืออันหิวโหยที่กำลังตะครุบเหยื่อ แต่น่าเสียดายที่พลาดไป
เย่หยวนทราบดีว่า ด้วยวิชาขี่ดาบนี้ ทำให้เขายืนอยู่ในตำแหน่งที่ผู้ใดก็ไม่อาจโจมตีเขาโดยได้
ทอดสายตาเสาะหาภายในเมืองหลวงหวูเมิ่งนี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสัมผัสตัวเขาได้
เย่หยวนยืนตระหง่านนิ่งบนท้องนภาอย่างภาคภูมิและกล่าวสีหน้าเจือรังเกียจว่า
“ฉินเทียนหนาน กลับเป็นตระกูลฉินของเจ้าที่เป็นฝ่ายแหกกฎก่อน! เย่คนนี้เข้าร่วมงานชุมนุมร้อยเมือง ในขณะที่เจ้าส่งเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าและพรรคพวกตามล่าข้า แต่สุดท้ายกลับล้มเหลว เรื่องนี้ข้าทนได้! แต่คราวล่าสุด ข้าได้ออกไปทพภารกิจนอกดินแดน เจ้ากลับฝ่าฝืนกฎส่งฉินเทียนไปตามล่าข้า ทั้งยังส่งสมาชิกตระกูลฉินวางแผนชั่วดักทำร้ายพี่ชายข้าจนพิการ!”
เสียงของเย่หยวนในปัจจุบันเปรียบดั่งระฆังยักษ์กึกก้องทั่วมุมเมือง ผู้คนทั่วท้องถนนที่ได้ยินต่างระเบิดความโกลาหลขึ้นในทันใด
“พวกตระกูลฉินนี่มากเกินไปแล้ว ใช้กำลังรังแกผู้อ่อนแอกว่า แถมยังใช้วิธีน่ารังเกียจเช่นนี้ลอบทำร้ายศิษย์ของสถานศึกษา”
“ที่เมืองหลวงหวูเมิ่งได้รับชัยชนะจากงานชุมนุมร้อยเมืองครั้งนี้ ทั้งหมดต้องยกความดีความชอบให้เย่หยวน จนทำให้ท่านเจ้าเมืองได้รับรางวัลเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์สี่ดาว ทว่าคนพวกนี้กลับใช้วิธีสกปรกจัดการกับเย่หยวน ใจคอพวกมันทำด้วยอะไรกัน!”
“เหอะ ตระกูลฉินมีอำนาจบาตใหญ่ ปกคลุมท้องฟ้าด้วยมือข้างเดียว แต่ท่านเจ้าเมืองกลับนิ่งเฉยไม่ยอมออกมาแทรกแซงช่วยเหลือ สิ่งนี้น่าผิดหวังที่สุดแล้ว”
…
ตระกูลฉินเห็นแก่ตัวทั้งยังเอาแต่ใจตนเองมานานหลายปีแล้ว จึงมีหลายต่อหลายคนที่รู้สึกไม่พอใจเป็นทุนเดิม
ยิ่งได้ฟังคำกล่าวของเย่หยวน ยิ่งไปกระตุ้นความเกลียดชังในใจของสาธารณชนเข้าไปใหญ่ ผู้คนจำนวนมากต่างคาดเดาพฤติกรรมของตระกูลฉินได้ทันที
อย่างไรก็ตามแต่ ฉินเทียนหนานกลับหาได้ใส่ใจฟังเรื่องพวกนี้เลย สายตาของเขาจ้องเย่หยวนเขม็งและเอ่ยน้ำเสียงขรึมว่า
“เจ้าเจอเทียนเอ่อแล้วจริงๆ! ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”
เย่หยวนแสยะยิ้มกล่าวว่า
“คิดว่าอย่างไร? ข้ากลับมาแต่เขากลับหายสาบสูญ ยังไม่รู้สึกตัวอีกรึ?”
“เป็นไปไม่ได้! ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าจะฆ่าเทียนเอ๋อได้อย่างไร?”
ฉินเทียนหยานคำรามลั่น
เขาเก็บซ่อนความหวังไว้ลึกๆมาโดยตลอดว่า ฉินเทียนอาจจะล่าช้าเพราะติดปัญหาอะไรบางอย่างเท่านั้น
ทว่าตอนนี้เย่หยวนกลับเอ่ยปากพูดออกมาเอง แน่นอนว่าฉินเทียนหนานทำใจเชื่อไม่ลงแน่นอน และพลางคิดไปว่า เย่หยวนจงใจยั่วโทสะเขาเสียมากกว่า
เย่หยวนยิ้มเยาะเล็กน้อยและกล่าวเสียงเย็นว่า
“ในความเห็นของเจ้าคิดว่าอย่างไร? ข้าสังหารหลินซิ่งกับฉินเจิ้ง ทั้งยังพวกที่เหลือได้ภายในเศษเสี้ยวเวลา ความจริงก็คือความจริง พวกของเจ้าได้ตายสิ้นแล้ว!”
คล้อยหลังได้ยินคำกล่าวเหล่านี้ สีหน้าของฉินเทียนหนานพลันซีดขาวสลดในทันใด ความหวังสุดท้ายที่เขารั้งได้ถูกเย่หยวนสะบั้นขาดสิ้นแล้ว
“ฉินเทียนตายแล้วจริงๆ! สวรรค์! เย่หยวนทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?”
“ฟังว่าฉินเทียนระงับระดับพลังของตนมานานมากแล้ว ตราบใดที่เขาพอใจ ย่อมสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าได้ทุกเมื่อ! เย่หยวนคนนี้น่ากลัวเกินไปจริงๆ!”
“แม้ว่าหลินซิ่งจะเป็นที่รู้จักในนามอันดับสองของสถานศึกษา ทว่านางก็อยู่ต่างระดับจากความแกร่งกล้าของฉินเทียนโดยสิ้นเชิง!”
“ตอนนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว! เหล่าเยาวชนเสาหลักที่แกร่งกล้าที่สุดแห่งตระกูลฉิน ล้วนถูกเย่หยวนเด็ดหัวจนเกลี้ยง!”
…
ฉินเทียนได้ชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งแห่งสถานศึกษาหวูเมิ่งมานานหลายร้อยปีแล้ว เขาได้รับยกย่องว่าเป็นบุคคลที่มีโอกาสสูงสุดที่จะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้ในรอบหนึ่งแสนปี ความแกร่งกล้าเขาเป็นอย่างไรสามารถเห็นได้ในทันที
แต่ยอดอัจฉริยะระดับชั้นนั้นยังต้องตายลงด้วยเงื้อมมือของเย่หยวน!
ในเงื้อมมือของเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นเท่านั้น!
ผลลัพธ์เช่นนี้ต่างไม่มีใครคาดถึง
แต่สิบปีผ่านไป เย่หยวนเป็นเพียงคนเดียวที่กลับมายืนอยู่ ณ จุดนี้ได้ สิ่งนี้บ่งบอกได้ถึงความเป็นไปได้มากมาย
และหนึ่งในความเป็นไปได้ที่มีโอกาสสูงสุดคือ ฉินเทียนน่าจะตายลงแล้ว!
“เด็กเด็กน้อยผู้เย่อหยิ่ง กล้าปีนเกลียวขึ้นศีรษะตระกูลฉินของข้าเชียวรึ?!”
ในเวลานั้นเอง รัศมีแรงกดดันอันไร้เทียมทานพลันปะทุขึ้นสู่ท้องนภากลางฝูงชน กลิ่นอายสุดน่าสะพรึงเข้าจับตัวเย่หยวนไว้ในทันที
การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำให้เย่หยวนไม่สามารถป้องกันได้โดยสมบูรณ์
ท่ามกลางฝูงชนของตระกูลฉิน ปรากฏร่างหนึ่งเหาะทะยานออกมา!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นั้นคือท่านบรรพบุรุษของตระกูลฉิน!
อาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้น ช่างทรงพลังเกินไปนัก!
เย่หยวนไม่มีพละกำลังใดที่จะต่อกรกับยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นแม้แต่น้อย
“พร๊วดดด!”
ท่านบรรพบุรุษของตระกูลฉินยังไม่ทันลงมือ เย่หยวนก็กระอักพ่นเลือดสดคำโตภายใต้แรงกดดัน
ปัจจุบัน เย่หยวนบาดเจ็บสาหัสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เจอแรงกดดันระดับชั้นนี้เข้าไปย่อมไม่สามารถทนไหวเป็นธรรมดา
ทว่าทันใดนั้นเอง กลับปรากฏกลิ่นอายอันไร้เทียมทานอีกขุมหนึ่งปราดพุ่งออกมาจากหอมหาสมบัติ!
บูมมม!
แรงกดดันอันทรงพลังทั้งสองขั้วเข้าปะทะท้าชนรุนแรงกลางห้วงเวหา ก่อให้เกิดคลื่นลมระเบิดกระจายออกไป
เย่หยวนซึ่งอยู่ใจกลางระหว่างสองขั้วพลังถูกคลื่นลมนี้ซัดกระเด็นออกไปกระแทกเข้าไปหลังคาของหอมหาสมบัติ
“ฉินจ้าวหยุน เจ้ากำลังฆ่าคนหน้าทางเข้าของหอมหาสมบัติ หรือเป็นไปได้ไหมว่า เจ้าไม่มีความเคารพต่อประมุขหอคนนี้แล้ว?”
ห่านเทียนยืนตระหง่านฟ้าสองหมือไหล่หลัง หันไปทางฉินจ้าวหยุน รัศมีแรงกดดันมิได้อ่อนแอกว่าแม้แต่น้อย
สีหน้าการแสดงออกของฉินจ้าวหยุนมืดลงเล็กน้อย เขากรนเสียงเย็นกล่าวขึ้นว่า
“ห่านเทียน เจ้ากล้าต่อต้านตระกูลฉินของข้าเพื่อเด็กคนหนึ่งงั้นรึ?”
ห่านเทียนเหลือบมองเย่หยวนเล็กน้อยก่อนลอบถอนหายใจเล็กน้อย
เด็กคนนี้ก่อปัญหามากมายเกินไป ด้วยเหตุนี้ทำให้เกิดรูโหว่เหนือเมืองหลวงหวู่เมิ่งโดยแท้
ห่านเทียนผิวหน้าสงบเยือกเย็น แต่ภายในใจกลับค่อนข้างกังวลนัก
เขาเฝ้าดูสถานการณ์จากภายนอกมาโดยตลอด ความในใจล้วนขัดแย้งกันไปมาเสมอ
เป็นเช่นนี้ตลอดจนกระทั่งฉินจ้าวหยุนโผล่หัวออกมา เช่นนั้นจึงตัดสินใจได้ทันที!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เย่หยวนมีคุณค่าต่อหอมหาสมบัติมากมายมหาศาลเพียงใด!
ก่อนหน้านี้ ซือฝางรายงานมาว่า เย่หยวนได้ใช้โอสถชนิดหนึ่งที่ขนาดตนยังไม่รู้จักกับเซี่ยะจิ้งอวี๋ จากนั้นอีกฝ่ายก็ฟื้นชีวิตกลับมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
นี่แสดงให้เห็นถึงสิ่งใด?
สูตรโอสถชนิดใหม่ในมือเย่หยวนมิได้มีเพียงสูตรสองสูตร แถมทั้งหมดยังมีประสิทธิภาพอันน่าอัศจรรย์ยิ่ง!
แม้เขายังลังเลอยู่เล็กน้อยภายในใจ แต่สีหน้าพื้นผิวก็มิได้เผยออกมาอันใด เขากล่าวเสียงเย็นตอบกลับไปว่า
“เย่หยวนเป็นอาคันตุกะนักหลอมโอสถของหอมหาสมบัติ เจ้าหรือมีสิทธิ์แตะต้องคนของข้า?”
สีหน้าการแสดงออกของฉินจ้าวหยุนมืดลงทันใด เขากล่าวน้ำเสียงขรึมว่า
“เด็กคนนี้ฆ่าทั้งเทียนเอ๋อ เจิ้งเอ๋อและเป่ยเอ๋อ มันไม่สามารถอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกับตระกูลฉินได้! ข้าไม่สนอะไรทั้งนั้น หากเจ้ากล้าปกป้องมันในวันนี้ เราชายชราเองก็กล้าฆ่ามันเช่นกัน!”
เห็นได้ชัดว่า ยามนี้ฮินจ้าวหยุนบ้าดีเดือดไปกันใหญ่แล้ว ตั้งแต่ได้ยินว่าฉินเทียนถูกฆ่าตาย
เมื่อห่านเทียนได้ยินเช่นนั้นจึงกรนเสียงเย็นสะท้านตอกว่า
“อาศัยเพียงเจ้า?”
ความแกร่งกล้าของเขาก็ไม่มากไม่น้อยเช่นกัน แค่ฉินจ้าวหยุนคนเดียวทำอะไรเขาไม่ได้แน่
แล้วจะไปฆ่าเย่หยวนได้อย่างไร?
ทว่าใครจะไปทราบว่า ฉินจ้าวหยุนกลับตะคอกเสียงเย็นชากลับไปว่า
“ห่านเทียน เจ้ากำลังประเมินความแข็งแกร่งของตระกูลฉินต่ำเกินไป!”
สีหน้าการแสดงออกของห่านเทียนแปรเปลี่ยนไปทันที กองทหารจำนวนนับไม่ถ้วนโผล่มาจากไหนมิทราบ เข้าปิดล้อมทั่วทั้งถนนทุกสายทันที
ทันทีทันใดรัศมีกลิ่นอายอันไร้เทียมทานอีกขุมหนึ่งพลันปรากฏขึ้น ร่างหนึ่งสวมชุดเกราะเต็มยศสีดำทมิฬเหาะทะยานขึ้นมา
“ท่านประมุขหอห่าน หอมหาสมบัติกับเมืองหลวงหวูเมิ่งก็แบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันอยู่เสมอ ต่างฝ่ายตรงสุขใจ แล้วไฉนต้องแตกหักเพียงเพราะเด็กคนหนึ่ง?”
ผู้ที่ส่งเสียงเอ่ยกล่าวขึ้นมาคือ แม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงจ่าวอี้!
จ่าวอี้คนนี้เองก็เป็นยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นเช่นกัน!
การปรากฏตัวของคนๆนี้ ได้เพิ่มแรงกดดันให้แก่ห่านเทียนอย่างมหาศาล
แต่มันยังไม่จบแค่นั้น!
ทันทีทันใด กลับมีรัศมีแรงกดดันอีกหนึ่งพุ่งทะยานเสียดนภาสูงขึ้นมา หยุดอยู่ข้างกายฉินจ้าวหยุน หันหน้าเข้าเผชิญกับห่านเทียน
ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าอีกคนหนึ่ง!
เพียงว่าสีหน้าของเขาคนนี้ค่อนข้างรวนเรซับซ้อน พร้อมทอดสายตามองเย่หยวนด้วยความสงสาร
เขาคนนี้มิใช่ใดอื่นนอกเสียจาก อาจารย์ใหญ่แห่งสถานศึกษาหวูเมิ่ง เหวินอี้หยาง!
…………………………………………………………..