Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1462 ล้างบางเสร็จสรรพ
กลุ่มทหารชุดเกราะดำเข้าปิดล้อมเย่หยวนและคนอื่นๆโดยไว
พลังงานขุมใหญ่สุดน่าสยดสยองพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของคนพวกนั้น ปรากฏว่าพวกมันคือเผ่าปีศาจ
“ฮิฮิ… มีใครบางคนจุดไฟใต้หุบเขาอัญเชิญปีศาจของเราจริงๆ ทำไปโดยมิได้นึกถึงผลที่ตามมาเลยกระมัง!”
“ปรากฏว่าเป็นกลุ่มทหารกระจอกของเผ่ามนุษย์นี่เอง ไม่ว่ายุงจะตัวเล็กเพียงใด แต่ก็เป็นเนื้อสัตว์ จัดการพวกมันให้หมด!”
สีหน้าการแสดงออกของเหลียงเฟิงมืดทมิฬลงทันที เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่า กลุ่มตนเองจะวิ่งชนเข้ากับเผ่าปีศาจจริงๆ! นอกจากนี้อีกฝ่ายมีนับร้อย เทียบอัตราส่วนเท่ากับหนึ่งต่อห้า!
ยิ่งไปกว่านั้นคือ กลุ่มของอีกฝ่ายมีเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าถึงห้าตน ไม่ว่าจะมองอย่างไรฝ่ายของเผ่าปีศาจก็ได้เปรียบกว่ามาก
ทว่าสายตาของเหล่าทหารที่ได้ยินไปเช่นนั้น ต่างก็อดเหลียวมองเย่หยวนมิได้
หากมิใช่เพราะเย่หยวนรนหาที่ตายเอง โดยการจุดไฟย่างเนื้อ พวกเผ่าปีศาจเองก็ไม่มีทางรู้ตัวและบุกมาที่นี่ได้เช่นกัน
“สหายน้อย เจ้ายังจะกินอยู่อีกงั้นรึ?!”
ทหารคนหนึ่งกัดฟันแน่นกล่าวขึ้นด้วยความโกรธ
ถึงจะถูกปิดล้อมโดยเผ่าปีศาจนับร้อยตน ทว่าปฏิกิริยาแรกตอบสนองของเย่หยวนกลับนิ่งเฉย และกัดเคี้ยวเนื้อกระต่ายต่ออย่างสบายใจ
ต่อหน้าการกระทำเช่นนี้ ยิ่งทำให้สีหน้าการแสดงออกของฝ่ายมนุษย์มืดทมิฬยิ่งกว่าเดิม พวกเขาต่างกัดฟันแน่นจับจ้องเย่หยวนด้วยความเกลียดชัง
เหลียงเฟิงกล่าวน้ำเสียงขรึมว่า
“อย่าได้กล่าวเรื่องไร้สาระอันใดอีก! สถานการณ์ยามนี้ไม่ถูกต้อง หุบเขาอัญเชิญปีศาจ มีธารน้ำขนาดใหญ่ที่มีสนามแม่เหล็กดึงดูดกำลังสูง ต่อให้เป็นพวกปีศาจอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า หากตกลงไปภายในนั้น ร่างก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆได้เช่นกัน ดังนั้นแล้ว หากกล่าวตามหลักเหตุผล พวกปีศาจไม่น่าจะมาลาดตระเวนแถวนี้ได้! ข้าว่าเรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลัง! จ้าวปิง วรยุทธเคลื่อนไหวของเจ้ารวดเร็วที่สุด เร่งฝ่าวงล้อมออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และรายงานเรื่องนี้ให้ทุกคนทราบ!”
“ไม่หัวหน้า ข้าไม่ไป…”
“หุบปาก! นี่คือคำสั่ง! หากเจ้าไม่ไป พวกเราคงตายอย่างไร้ประโยชน์ จงใช้สตินึกคิดให้ดี!”
ขณะที่จ้าวปิงกำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธ เหลียงเฟิงก็แหกปากคำรามลั่นอย่างเดือดดุ
ในเวลาเดียวกัน หัวหน้าของฝ่ายเผ่าปีศาจพลันหัวเราะเยาะคำโต กล่าวเย้ยหยันขึ้นว่า
“เจ้าฉลาดหลักแหลมนัก แต่พวกเราค้นพบวิธีว่าทำอย่างไรจึงจะเอาชนะสนามแม่เหล็กบ้านั้นได้แล้ว ในไม่ช้า เมืองกระแสพิรุณจักตกเป็นของพวกเรา! ส่วนพวกเจ้า…ตายลงไปเสีย!”
สีหน้าการแสดงออกของเหลียงเฟิงมืดทมิฬถึงขีดหยุด เมืองกระแสพิรุณนับเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญไม่แพ้เมืองอื่น
หุบเขาอัญเชิญปีศาจ ไม่เพียงมีอสูรศักดิ์สิทธิ์สามดาวจำนวนมากมายเท่านั้น แต่ด้านหลังของหุบเขายังมีธารน้ำยาวกว่าหนึ่งแสนลี้
ภายในธารน้ำเหล่านี้มีสนามแม่เหล็กแรงสูงอยู่ เว้นเสียแต่อาณาจักรราชันพระเจ้าขึ้นไป พวกที่เหลือย่อมไม่มีทางก้าวข้ามผ่านธารน้ำนี้ไปได้ ซึ่งนี่ถือเป็นแนวป้องกันสำคัญของเมืองกระแสพิรุณแห่งนี้
ดังนั้นทุกคนจึงออกลาดตระเวนไม่นานหนัก ก่อนจะกลับไปรายงานความคืบหน้าและเป็นเช่นนี้อยู่ประจำ
ทว่าตอนนี้เผ่าปีศาจกลับเสาะพบวิธีก้าวข้ามผ่านสนามแม่เหล็กเหล่านั้นไปได้เสียแล้ว ซึ่งนี่หาใช่ข่าวดีของเผ่ามนุษย์เลย
ร่องรอยความแน่วแน่สาดสะท้อนออกจากนัยน์ตาของเหลียงเฟิง เขากล่าวขึ้นว่า
“คงไม่ต้องให้ข้าสอนแล้วกระมัง?”
“รับทราบ!”
แววตาสุดเคร่งขรึมเจือโศกเศร้าฉายสว่างวาบฉายผ่านใบหน้าของคนอื่นๆ และเข้าประจำที่ในทันที
หลังจากนั้นเหลียงเฟิงพลันลอบมองเย่หยวนที่กำลังแทะเนื้อกระต่ายเล็กน้อย สีหน้าการแสดงออกช่างดูซับซ้อนนัก ก่อนกล่าวว่า
“เจ้าหนู เจ้านี่มันโชคดีจริงๆ! ส่วนจะรอดชีวิตออกไปได้หรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับดวงแล้ว”
ในเวลานี้เอง เย่หยวนก็กินแทะเนื้อกระต่ายหมดพอดี เขาดูดนิ้วเล็กน้อยอย่างพึงพอใจและกล่าวว่า
“ผ่อนคลายเถิด ข้าดูแลตัวเองได้”
“ฮิฮิ…ยังมีมนุษย์หน้าโง่อยู่ด้วย”
“หึ! เด็กคนนั้นยังไม่เข้าใจสถานการณ์เลยด้วยซ้ำ!”
“ช่างเถอะ มู่เฟย เด็กนั้นฝากเจ้าจัดการที รีบปิดฉากให้เสร็จโดยไว!”
“ผ่อนคลาย แค่เด็กน้อยไร้เดียงสาคนหนึ่ง แค่สามกระบวนท่าก็จบแล้ว!”
พวกเผ่าปีศาจเองก็ตระหนักชัดแจ้งว่า เย่หยวนหาใช่พรรคพวกกลุ่มเดียวกับทหารมนุษย์เหล่านั้น
ในสายตาของพวกมันเองก็ไม่ต่างจากเหลียงเฟิงเลย เย่หยวนน่าจะเป็นศิษย์สาวกไม่ก็นายน้อยจากตระกูลใหญ่ แม้อาณาจักรพลังจะสูง แต่ไร้ซึ่งประสบการณ์ต่อสู้จริงๆ
มู่เฟยก้าวย่างออกมาจากตำแหน่งที่เดิมยืนอยู่ช่างแช่มช้า พร้อมจับจ้องเย่หยวนคลี่ยิ้มแสยะเย็นกล่าวขึ้นว่า
“เจ้าเด็กนี้ เนื้อของเจ้าช่างดูน่าอร่อยนัก เดี๋ยวท่านปู่มู่เฟยคนนี้จะช่วยให้เจ้าไปสบายเอง มั่นใจได้เลย ท่านปู่มู่เฟยคนนี้มือเบา ตายทันทีไม่เจ็บไม่คัน!”
เนื้อของเหล่าเซียนมนุษย์นับเป็นยาชูกำลังชั้นเยี่ยมสำหรับเผ่าปีศาจ
จึงเป็นที่แน่นอนว่า ไฉนเผ่าปีศาจถึงชอบเข่นฆ่าเผ่ามนุษย์นักหนา
ทั้งนี้ยังมีบางวรยุทธบ่มเพาะพลังของเผ่าปีศาจ ที่ต้องใช้เลือดเนื้อของมนุษย์สดเป็นตัวช่วยอีกด้วย
“ระวังอาวุธลับ!”
เย่หยวนยิ้มกว้างสุดน่าผิดแปลก พร้อมโยนกระดูกที่เหลือในมือออกไปโดยตรง
ฟุบ!
มู่เฟยที่กำลังคิดพินิจพึงพอใจนักหนากับตนเอง ไม่ทันระวังตัว คิดไม่ถึงว่าเย่หยวนจะโจมตีจริงๆ
เขาต้องการเลี่ยงหลบตามสัญชาตญาณ ทว่ากระดูกชิ้นนั้นกลับปราดพุ่งมาเร็วเหินไป เขาไม่สามารถหลบได้พ้น!
ผัวะ!
กระดูกชิ้นนั้นฟาดใบหน้าของมู่เฟยอย่างจัง
ความรู้สึกสุดอัปยศเช่นนี้ ทำให้มู่เฟยเดือดดาลโมโหจัด
“ฮ่าๆๆๆ”
ภาพฉากนี้ช่างน่าขันนักจนทำให้เกิดเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นทันที
แน่นอนว่า กระดูกเพียงชิ้นเดียวมิอาจทำให้มู่เฟยได้รับบาดเจ็บได้ ทว่าโดยหยามต่อหน้าผู้มากมากมายเพียงนี้ เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?!
เย่หยวนถอนหายใจเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า
“เฮ้ออ.. ก็บอกแล้วให้ระวัง ไฉนยังประมาทอยู่ได้?”
ฟันบนล่างกระทบกันบดขยี้ไปมาดังกรอด เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธถึงขีดสุดแล้ว
“ดี! ดีมาก! ท่านปู่มู่เฟยคนนี้จะบอกเจ้าเองว่า สิ่งใดที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าความตาย!”
“หยุดเล่นกันได้แล้ว ฆ่าพวกมันซะ!”
ทหารอีกคนคำรามดัง
วูบ! วูบ! วูบ!
ฝ่ายของเผ่าปีศาจจำนวนห้าตนปราดพุ่งเข้าใส่เหล่าทหารทันทีไม่มียั้งมือ
สีหน้าการแสดงออกของเหลียงเฟิงเปลี่ยนไปอย่างมาก รอยยิ้มเย็นแสยะขึ้นเอ่ยร้องกึกก้องขึ้นว่า
“ฆ่าให้หมด!”
เหล่าทหารจัดขบวนค่ายกลเพื่อปกป้องทหารคนหนึ่งที่นามว่าจ้าวปิง เพื่อให้อีกฝ่ายตีฝ่าออกไป
ฝ่ายเผ่าปีศาจที่เหลือพุ่งเข้าหาเหลียงเฟิงเข้าพัลวันโดยตรง
เซียนเผ่าปีศาจยังเป็นขุมพลังแรกเริ่มมิได้กล้าแกร่งมากนัก ทว่าเหลียงเฟิงที่ต้องเข้าสัประยุทธ์รับมือแบบหนึ่งต่อสี่ พลันรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลที่ถาโถมเข้ามาดั่งโค่นภูเขาพลิกสมุทรอะไรเทือกนั้น
ในเวลาต่อมา ฝ่ายเผ่าปีศาจทั้งสี่นั้นก็ระเบิดพลังคลั่งต่อหน้าต่อตาเขา
เหลียงเฟิงเร่งปรี่โคจรพลังปราณเทวะจนหมุนติ้วเตรียมเข้าศึกหนักเช่นกัน
ทว่าทันใดนั้นเอง พวกเผ่าปีศาจทั้งสี่ตนกลับร่างแตกระเบิดออกเป็นไอเลือดในพริบตา แหลกสลายยันแกนพลังปีศาจภายใน
เหลียงเฟิงตื่นตะลึงสุดขีดโพล่งตาโตเท่าไข่ห่านด้วยความงุนงง นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทันทีทันใด ทั่วกายาของเหลียงเฟิงพลันสั่นสะท้านหนัก เมื่อพบว่าคลื่นพลังสุดน่าเกรงขามพวยพุ่งออกมาจากทิศที่เย่หยวนยืนอยู่ เขาทำได้อย่างไรกัน? แม้แต่เศษซากสักนิดยังไม่เหลือให้ดูต่างหน้า!
ไม่! เป็นไปไม่ได้!
นี่ไม่น่าใช่ฝีมือของเขา!
เด็กน้อยอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้น จะสามารถฆ่าสี่ในห้าของหัวหน้าเผ่าปีศาจในคราวเดียวได้อย่างไรกัน?
ลืมไปได้เลยสำหรับเย่หยวน แม้แต่แม่ทัพกองของพวกเขาเองก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้!
อย่างไรก็ตามแต่ นอกเหนือจากพวกมันทั้งสี่ ยังเหลืออีกหนึ่งและพรรคพวกของมันอีกโขยงใหญ่ เหลียงเฟิงลดภาระไปได้มากก็จริง แต่ก็ยังต้องสู้ต่อไปพร้อมกระโจนเข้ากลางวงของพวกปีศาจทันที
“ไอ้พวกสุนัข! กล้ายั่วยุเผ่ามนุษย์ของข้างั้นรึ! ตายซะ!”
ในตอนนี้ เย่หยวนเอ่ยปากตะโกนลั่น และเข้าร่วมศึกสัประยุทธ์ด้วยทันที
ครั้งนี้ เหลียงเฟิงได้เห็นฝีมือของเย่หยวนอย่างชัดเจน
กล่าวมิได้ว่าแข็งแกร่ง แต่ก็หาใช่อ่อนแอไม่
แต่หากบอกว่า เขาสามารถฆ่าสังหารหัวหน้าปีศาจทั้งสี่ตนรวดเดียวได้สำเร็จ นี่ออกจะเกินจริงไป
สองขุมกำลังอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า เข้าบดขยี้เหล่าปีศาจอาณาจักรปฐมพระเจ้าแหลกลาญไม่เหลือ
สถานการณ์การต่อสู้พลิกกลับเป็นฝ่ายมนุษย์ได้เปรียบอย่างรวดเร็ว เดิมทีเหล่าทหารทุกคนต่างหมดสิ้นความหวัง แต่ในที่สุดหายนะที่ว่ากลับผ่านไปได้ในพริบตา
…………………………………………………….