Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1465 คำวิเคราะห์ของอัจฉริยะ
วูบ!
วูบ!
วูบ!
…
เหล่าเซียนของเผ่าปีศาจต่างเคลื่อนไหวปราดทะยานออกไปราวกับสายฟ้าฟาด จุดมุ่งหมายคือบริเวณที่พวกเย่หยวนยืนอยู่ ก่อนจะเห็นภาพฉากที่สองคนนั้นกระโดดลงเหวไปทั้งแบบนั้น
สีหน้าของการแสดงออกของซูเชียนดูทะมึนน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ และกล่าวว่า
“แค่เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นสองคน พวกเขาสามารถจัดการทั้งห้าจนไม่เหลือร่องรอยได้อย่างไร?”
“เรียนท่านแม่ทัพ บางทีอาจมีคนอื่นซ่อนตัวเร้นกายอยู่? ถึงแม้ว่าเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นทั้งสองคนนี้จะแข็งแกร่ง แต่ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะเข้าคู่กับหัวหน้าหน่วยทั้งห้า แถมพวกมันเองยังดูขี้ขลาด กระโดดลงเหวไปแล้ว”
ชูเลียนพยักหน้าพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขณะกล่าวว่า
“ดูเหมือนว่า…แผนการที่พวกเราอยู่ที่นี่จะถูกเปิดเผยแล้ว ความปรารถนาที่จะโค่นเมืองกระแสพิรุณภายในชั่วข้ามคืน กับแผนการที่พยายามนับสิบปีกลับพังพลายลงในชั่วข้ามวัน!”
คนอื่นๆเองอดผิดหวังมิได้เช่นกัน เดิมทีพวกเขาเตรียมการมาพร้อมอย่างมากต่อการดำเนินแผนในคราวนี้ แต่ใครจะไปทราบว่า แผนการที่วางไว้กลับรั่วไหลออกไปแล้วจริงๆเพียงข้ามวัน
แต่ในความเป็นจริง พวกเขากลับไม่รู้เลยว่า สิ่งที่ทุกคนทำไปทั้งหมดใกล้จะประสบความสำเร็จแล้ว
โชคร้ายเกินไปเสีย พวกเย่หยวนในตอนนี้ไม่รู้ชะตาเป็นตายร้ายดีหลังกระโดดลงเหว ส่วนกลุ่มทหารที่เหลือก็ยังไม่รู้เรื่องเหล่านี้
ลำพังอาศัยเพียงขุมพลังของเหลียงเฟิง จะสามารถย้ายจิตและความคิดส่งผ่านไปยังคนอื่นๆจากทางไกลได้อย่างไร? เขาไม่สามารถโทรจิตสื่อสารได้เสีย?
ชูเลียนเหลือบมองเหวลึกไร้สิ้นสุดเบื้องล่างเล็กน้อยและกล่าวว่า
“ไอ้มนุษย์ทั้งสอง ขอให้โชคดี!”
…………………..
หลังจากที่พวกเย่หยวนดิ่งพสุธาลงเหว ร่างทั้งสองลู่ลมดิ่งลงด้วยความเร็วสูงยิ่ง
เนื่องด้วยสนามแม่เหล็ก ทำให้ร่างของพวกเขาดิ่งลงเร็วกว่าปกติถึงสิบทวีเท่า
เหลียงเฟิงในยามนี้สิ้นหวังแล้ว เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาถูกสนามแม่เหล็กกดทับจนไม่สามารถขยับเขยื้อนใดๆได้เลย มีหวังแต่รอจมดิ่งสู่พื้นด้านล่าง และมีเพียงความตายรั้งรออยู่
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่ร้องไห้ยังทำไม่ได้
และยิ่งดิ่งลึกลงไปเท่าไหร่ พลังของสนามแม่เหล็กก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น เหลียนเฟิงในยามนี้รู้สึกราวกับเส้นเลือดภายในร่างกำลังจะแตกออกมา
แต่ทันใดนั้นเอง สีหน้าการแสดงออกของเหลียงเฟิงก็เปลี่ยนไป จู่ๆร่างของเขาที่ลู่ลมดิ่งพสุธาพลันช้าลงจนน่าตกใจ ผลจากสนามแม่เหล็กที่มีต่อตัวเขากำลังลดลง!
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอันใดขึ้น?
ยิ่งดิ่งลึกเข้าไปใกล้เท่าไหร่ สนามแม่เหล็กก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น และนี่หาใช่สิ่งที่มนุษย์จะสามารถต่อกรด้วยได้
เหลียงเฟิงเคยได้ยินมาว่า ครั้งหนึ่งเคยมียอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าพยายามลงไปสำรวจในก้นเหวลึก แต่จนถึงตอนนี้เขาคนนั้นก็ยังไม่เคยกลับมา
นับแต่นั้นเป็นต้นมา จึงไม่มีใครกล้าลงไปสำรวจอีกต่อไป
เหลียงเฟิงหันมองเหลียวตาซ้ายขวา ก่อนจะจับจ้องเย่หยวนด้วยแววตาเปี่ยมล้นความเหลือเชื่อ
ดวงตาคู่นั้นของเย่หยวนหลับสนิทปิดลง พร้อมเปล่งพลังงานผิดประหลาดออกมาจากร่าง
ก่อนหน้านี้ เหลียงเฟิงไม่เคยสังเกตมาก่อน จนตอนนี้เขาสะดุ้งเฮือกด้วยความเหลือเชื่อ สถานแม่เหล็กในยามนี้กำลังเกิดสภาวะไร้ความเสถียรอย่างไร้เหตุผล
จู่ๆเหลียงเฟิงก็รู้สึกราวกับมีสนามแม่เหล็กอีกแห่งกำลังต้านผลักกันอยู่กับบริเวณด้านล่าง ยิ่งดิ่งลงลึกเท่าไหร่แรงผลักนั้นก็ยิ่งมหาศาลขึ้นเท่านั้น
จนในที่สุดร่างของทั้งสองก็หยุดชะงักนิ่งกลางอากาศ!
เหลียงเฟิงมาไปที่เย่หยวนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ก่อนเอ่ยถามอย่างประหลาดใจว่า
“เจ้า…เจ้าทำอะไรลงไป?”
บนฝ่ามือของเขาคลายปรากฏเป็นพฤกษาชนิดหนึ่งขึ้นมา นี่คือพฤกษาวิญญาณหยวนฉืออย่างแม่นยำ!
“บริเวณนี้มีสถานพลังแม่เหล็กประหลาดซ่อนอยู่ภายในก้นเหวแห่งนี้ มันเป็นยาบำรุงชั้นเยี่ยมสำหรับพฤกษาวิญญาณหยวนฉือของข้า ดังนั้นยิ่งสนามแม่เหล็กนี้รุนแรงเท่าไหร่ พฤกษาวิญญาณหยวนฉือของข้าก็ยิ่งทวีเติบโตอย่างบ้าคลั่ง จึงส่งผลให้เกิดแรงผลักระหว่างสองขั้วแม่เหล็ก จนอยู่ในสภาวะสมดุลกัน”
พฤกษาวิญญาณหยวนฉืออยู่ในตัวของเย่หยวนตลอดเวลา ทว่ามันติดอยู่ในระดับเก้าขั้นสุดมานานมาแล้ว และไม่ทะลวงขึ้นสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์เสียที
แต่การเผชิญพบกับสนามแม่เหล็กอันแปลกประหลาดในเหวแห่งนี้ กลับเป็นโอกาสทองสำหรับพฤกษาวิญญาณหยวนฉือ
ในขั้นต้น เย่หยวนวางแผนให้พฤกษาวิญญาณหยวนฉือดูดซับพลังแม่เหล็กนี้ไว้ เพื่อนำมาพัฒนา
เมื่อเย่หยวนพินิจว่าความคิดนี้น่าจะเป็นไปได้สูง เขาจึงยอมเสี่ยงกระโดดลงไปในเหวแห่งนี้
และแน่นอน สนามแม่เหล็กภายในนี้ก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง
วิวัฒนาการของพฤกษาวิญญาณหยวนฉือของเขาสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ในชั่วเวลาสั้นๆ พฤกษาวิญญาณหยวนฉือก็ทะลวงขึ้นรวดเดียวถึงสองระดับชั้น ยามนี้กลายมาเป็นขั้นศักดิ์สิทธิ์ระดับสองแล้ว!
เหลียงเฟิงอดช้อนสายตามองพฤกษาวิญญาณหยวนฉืออย่างอดมิได้ เขาตื่นตะลึงยิ่งยวด
แผ่นหลังของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น เขาหันมองเย่หยวนพร้อมสายตาแปลกๆและกล่าวว่า
“เจ้า…เจ้าใช้สนามแม่เหล็กภายในเหวนี้เพื่อพัฒนาพฤกษาวิญญาณหยวนฉือ?”
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้สึกกลัวชายหนุ่มคนนี้เลยแม้แต่น้อย ทว่าปัจจุบันแข่งขากลับอ่อนแรงลงโดยมิตั้งใจ
จะเป็นอย่างไรหากสิ่งที่คิดไว้มันไม่เป็นตามแผน? หากพฤกษาวิญญาณหยวนฉือไม่สามารถพัฒนาไปสู่อีกขั้น ร่างของทั้งสองคงไม่ระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้ว?
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเรายังมีทางเลือกอื่นใดอีกหรือไม่? อีกฝ่ายเป็นถึงยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้น!”
เหลียงเฟิงอ้าปากคล้ายต้องการจะกล่าว ทว่ากลับกล่าวไม่ออก
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ
และที่สำคัญที่สุดคือ การเดิมพันในครั้งนี้ พวกเขาเป็นฝ่ายชนะ!
อย่างไรก็ตามแต่ ชายหนุ่มตรงหน้าของเขาดูยังไงก็ไม่เคยมีประสบการณ์ใดๆมาก่อน แต่ไฉนถึงกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้!
บางทีเพราะเขาเตรียมใจเข้าร่วมกองทัพของเผ่ามนุษย์มาแล้วใช่หรือไม่? ถึงได้ใจกล้าขนาดนี้?
“แต่…แม้เจ้าจะมีพฤกษาวิญญาณหยวนฉือ แต่เจ้าสามารถทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”
เหลียงเฟิงเอ่ยปากขึ้นเจือน้ำเสียงประหลาดใจ
เย่หยวนยิ้มและกล่าวตอบไปว่า
“เมื่อข้าเห็นเรือเหาะของเผ่าปีศาจก่อนหน้า ข้าก็พลางคิดไปถึงเรื่องความรุนแรงของสนามแม่เหล็กนี้ บางทีพวกเขาเองอาจใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้! ดังนั้นข้าจึงคิดว่าหากใช้ฟ้าหนวงหยวนฉือที่มีคุณสมบัติเป็นขั้วแรงดึงดูดเช่นกัน ต้านรับกับสนามแม่เหล็กเพื่อหาจุดสมดุลก็น่าจะพอเป็นไปได้ แนวคิดนี้มาจากเรือเหาะของพวกมัน การจะให้เรือเหาะลอยเคว้งกลางอากาศได้ สันนิษฐานได้ว่าภายในเรือเองก็ควรจะมีสนามแรงดึงดูดหรือแม่เหล็กอะไรสักอย่างเช่นกัน จึงทำให้บินข้ามธารน้ำนี้ได้!”
เหลียงเฟิงจับจ้องเย่หยวนด้วยความตกตะลึงยิ่ง ชายหนุ่มคนนี้คืออัจฉริยะ!
เผ่าปีศาจใช้เวลาคิดวิเคราะห์และวางแผนกว่าหลักปี แต่กลับถูกเย่หยวนตีแผ่ออกมาได้ในไม่กี่เสี้ยวอึดใจ
สิ่งนี้แค่พูดยังดูง่ายเกินไป แต่การจะทดลองให้ประสบความสำเร็จกลับยากเกินจินตนาการ
สนามแม่เหล็กอันนี้รุนแรงเกินไป การจะปรับสู่สภาวะสมดุลจำต้องใช้ความแม่นยำที่สูงมาก และไม่มีทางทำได้อย่างเรือเหาะภายในระยะเวลาอันสั้น
หากผิดพลาดสักนิด แม้แต่เรือเหาะนั้นเองอาจคว่ำได้เช่นกัน
สำหรับเย่หยวนที่สามารถทำเช่นนี้ได้ภายในพริบตา ก็เป็นเพราะความคุ้นเคยต่อพฤกษาวิญญาณหยวนฉือ ทักษะการควบคุมของเขาลุถึงขั้นสูงสุดมาเนิ่นนานแล้ว
ในระหว่างที่กำลังดิ่งพสุธาลงมา เย่หยวนได้สำแดงใช้ฟ้าหน่วงหยวนฉือเพื่อลดทอนกำลังแม่เหล็กมาตลอดทาง ระหว่างนั้นเองก็พยายามหาจุดสมดุลระหว่างทั้งสองขั้ว จนผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างที่เห็น
แต่เย่หยวนนึกไม่ถึงเลยว่า สนามแม่เหล็กเหล่านี้กลับเป็นยาบำรุงชั้นเยี่ยมให้แก่พฤกษาวิญญาณหยวนฉือเช่นกัน
เมื่อเห็นสีหน้าการแสดงออกของเหลียงเฟิง เย่หยวนก็นยิ้มกล่าวว่า
“เอาล่ะ พวกเราควรหลบภัยอยู่ในนี้ก่อนสักพัก โอ้ใช่แล้ว เรื่องพฤกษาวิญญาณหยวนฉือนี้ หัวหน้าเหลียงอย่านำเรื่องนี้ไปแพร่งพรายที่ใด ขอให้เป็นความลับ”
เหลียงเฟิงตัวแข็งค้างไปชั่วขณะ ก่อนเร่งพยักหน้าตอบทันที
พฤกษาวิญญาณหยวนฉือที่พัฒนาขึ้นเป็นขั้นศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง ถือเป็นสุดยอดสมบัติฟ้าดินที่ทรงพลังยิ่ง นี่ถือเป็นอีกหนึ่งไพ่ตายที่เร้นซ่อนของเย่หยวน
เรื่องแบบนี้เย่หยวนไม่เต็มใจให้คนภายนอกทราบเท่าไหร่นัก
เขากับเย่หยวนเป็นเพียงคนรู้จักไม่นานนี้ และไม่ถือว่าเป็นมิตรสหายใกล้ชิด ดังนั้นแล้ว การที่เย่หยวนช่วยชีวิตตนเอาไว้ด้วยความเต็มใจเช่นนี้ นับเป็นเรื่องหาได้ไม่ง่าย
ท้ายที่สุดนี้ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ยิ่งมีคนรู้มากก็มีแต่จะยิ่งเสี่ยงมากขึ้น
………………………………………………………