Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1475 สู่ดินแดนใหม่
เมืองคาโปนเป็นเมืองหลวงทางตอนเหนือสุดแห่งเมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมืองสำคัญทางยุทธศาสตร์ทางการทหารด้วย
ศึกใหญ่ของเมืองกระแสพิรุณที่เพิ่งผ่านพ้นไป เหล่าทัพอสูรออกเคลื่อนพลจากเมืองแห่งนี้
“โอ้ หนุ่มหล่อ สนใจค้างแรมกับพี่สาวสักคืนหรือไม่?”
“หุหุ เด็กหนุ่มคนนี้ช่างหล่อเหลาจริงๆ พี่สาวหลงเสน่ห์เข้าแล้ว มากับพี่สาวเถอะ”
“ไสหัวไปให้หมด! พวกเจ้าหรืองดงามนักหนา คิดจะเปรียบเคียงกับแม่ผู้นี้? หนุ่มน้อยไปกับข้า!”
…
บริเวณ ณ ประตูเมืองคาโปนยามนี้เกิดความโกลาหลอย่างหนัก มีหญิงสาวจำนวนเจ็ดถึงแปดคนกำลังเข้ารายล้อมชายหนุ่มหล่อคนหนึ่ง
สตรีเผ่าปีศาจช่างแตกต่างจากสตรีของเผ่ามนุษย์โดยสิ้นเชิง พวกนางมีอิสระเปิดกว้าง ไร้ซึ่งข้อจำกัดใดๆ
เกี่ยวกับเรื่องระหว่างหญิงชาย พวกนางไร้ซึ่งความเขินอายเมื่อกล่าวถึงมัน
หากใครเปรียบเทียบ พวกนางล้อมรอบชายหนุ่มคนนี้ราวกับน้ำผึ้งหวานกับฝูงผีเสื้อ
บุรุษเพศของเผ่าปีศาจโดยส่วนใหญ่น่าเกลียดแถมยังดุร้าย ดังนั้นเมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามปรากฏตัวขึ้น พวกนางจึงให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก
ชายหนุ่มที่ถูกหญิงสาวรายล้อมอยู่ในขณะนี้มีใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่นยิ่ง หากนำไปเปรียบกับชายคนอื่นๆ กล่าวได้ว่าอยู่คนละระดับโดยสิ้นเชิง
แต่ใบหน้าของชายคนนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกับเย่หยวนนัก
ถูกต้องแล้ว ชายหนุ่มคนนี้คือเย่หยวนที่เหาะเหินข้ามเหวสนามแม่เหล็กมา และลอบเร้นแฝงตัวในเผ่าปีศาจ!
ร่างกายของเย่หยวนในปัจจุบันแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้ามาก ใบหน้าของเขาปรากฏร่องรอยความชั่วร้ายมากขึ้น
เขาในยามนี้ดูราวกับกระหายเลือดอยู่ตลอดเวลา
หลังจากที่เย่หยวนฆ่าซิ่วเหลยทิ้งไป เขาก็พบวรยุทธบ่มเพาะปีศาจภายในแหวนเก็บของของมัน
จากนั้นเย่หยวนได้ใช้บัญญัติเทพแห่งถงเทียนเพื่อใช้งานวรยุทธบ่มเพาะปีศาจ ทำให้พลังปราณเทวะทั้งหมดในร่างกาย แปรเปลี่ยนเป็นพลังปราณปีศาจ
บัญญัติเทพแห่งถงเทียนครอบคลุมทุกศาสตร์แขนง มันสามารถเปลี่ยนรูปแบบพลังงานได้ตามใจนึก
เรื่องความสามารถนี้ เย่หยวนค้นพบมาได้นานแล้ว
เย่หยวนค้นพบว่าพลังปราณเทวพในร่างกายของเขา ดูเหมือนจะอยู่ในระดับสูงกว่าคนทั่วไป
ตราบใดที่เขาตั้งใจที่จะเลียนแบบวรยุทธบ่มเพาะพลังใด เขาย่อมทำได้ตามอิสระเสรี
ปัจจุบันเย่หยวนปลดปล่อยรัศมีพลังปีศาจอันดิบเถื่อนชโลมทั่วร่าง ทำให้เขาไม่ต่างอะไรจากปีศาจทั่วไปเลย
ต่อให้เป็นพวกเผ่าพันธุ์ปีศาจก็ไม่สามารถแยกแยะได้ว่า แท้จริงแล้วเย่หยวนเป็นมนุษย์
แต่ภาพฉากนี้กลับสร้างความไม่พอใจให้แก่เหล่าชายหนุ่มเผ่าปีศาจมิน้อย
“เหอะ เจ้าหนุ่มหน้าสวย ข้าขอท้าทายเจ้า!”
ชายหนุ่มผู้โหดเหี้ยมตนหนึ่งตรงเข้ามาท้าเย่หยวนโดยตรง
“สวรรค์ หลางเก๋อ เจ้าเป็นแม่ทัพปีศาจสองดาวขั้นสุด แต่กลับต้องการท้าทายพ่อหนุ่มสองดาวชั้นกลาง เจ้าไม่ไร้ยางอายเกินไปหน่อยรึ?”
สตรีเผ่าปีศาจตนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจ
การแบ่งขั้นระดับพลังของเผ่าปีศาจนั้นเหมือนกับของเผ่ามนุษย์ แต่ชื่อเรียกและเงื่อนไขกับแตกต่างกันออกไปบ้าง
ไล่จากระดับต่ำไปสูง ระดับชั้นทางการทหารแบ่งได้ดังนี้
แม่ทัพปีศาจ, จอมทัพปีศาจ, จ้าวทัพปีศาจ, ราชาปีศาจ, จอมราชันปีศาจ, จักรพรรดิปีศาจ และจักรพรรดิเทพสวรรค์แห่งเผ่าปีศาจ!
อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าของมนุษย์เทียบเท่าได้กับแม่ทัพปีศาจ
หลางเก๋อคนนี้เป็นแม่ทัพปีศาจสองดาวขั้นสุด ซึ่งเท่ากับว่ามันมีพลังอยู่ที่อาณาจักรปัจฉิมพระเข้าขั้นสุด!
หลางเก๋อจับจ้องหญิงสาวนางนั้นและกล่าวเสียงเย็นว่า
“หัวหรง เมื่อวานเจ้ายังชื่นชมข้าว่าเป็นวีรบุรุษอยู่หมาดๆ ทว่าตอนนี้เจ้ากลับชอบพอชายหนุ่มหน้าสวยตัวนี้จริงๆ! บิดาเถอะ ข้าจะระเบิดหัวมันภายในหมัดเดียว! และทำให้เจ้ารู้ว่าใครกันแน่คือวีรบุรุษ!?”
หญิงสาวเผ่าปีศาจนางนั้นฉีกยิ้มกว้างกล่าวตอบว่า
“หลางเก๋อ เจ้าคงมิได้มีความคิดเหมือนมนุษย์กระมังที่ว่า สามีภรรยาอยู่กินร่วมกันตลอดไป? เมื่อวานก็ส่วนเมื่อวาน วันนี้ก็ส่วนวันนี้! ใช่หรือไม่พ่อหนุ่มหล่อ?”
ทันทีที่หลางเก๋อได้ยินเสียงออดอ้อนเสียงหวานที่สตรีนี้มอบให้แก่เย่หยวน ภายในใจของมันก็เปี่ยมล้นไปด้วยความหึงหวง มันคำรามลั่นอย่างโกรธเกรี้ยวว่า
“เจ้าหนุ่มหน้าหวาน จงยอมรับคำท้าทายของข้าซะหากเจ้ายังเป็นบุรุษเพศ! เจ้าเป็นสุภาพบุรุษที่ไหนกันถึงเอาแต่หลบหลังผู้หญิงเช่นนี้? โอ้ เข้าใจแล้ว แท้ที่จริงเจ้าหาใช่ผู้ชายไม่ แจ่เป็นจิโกโลกระมัง? ฮ่าๆๆๆ….”
“ฮ่าๆๆๆ”
“หลางเก๋อ! เจ้าคงไม่คิดรังแกคนอื่นในที่แห่งนี้? เขาเป็นเพียงแม่ทัพปีศาจสองดาวชั้นดลาง เขาจะเป็นคู่มือของเจ้าได้อย่างไร?”
“ใช่แล้ว หัวหรงนางนี้อาจต้องการเปลี่ยนอารมณ์เสียบ้าง เมื่อนางเล่นกับเจ้าหนุ่มหน้าหวานนี่จนเบื่อแล้ว เดี๋ยวนาง็กลับมาหาเจ้าเอง!”
“ชายหนุ่มเผ่าปีศาจที่หน้าตาหล่อเหลาเช่นนี้ นอกเหนือจากท่านไคซินแล้ว พวกเจ้าทุกคนก็หน้าตาพื้นๆ แต่แจกันไร้ประโยชน์เช่นนี้ เพียงสัมผัสครั้งเดียวอาจแตกได้ง่ายๆ หลางเก๋อ เจ้าควรอนุรักษ์ไว้!”
…
คลื่นเสียงหัวเราะล้อเลียนดังลั่นรอบตัวเย่หยวน
แท้ที่จริงแล้ว เย่หยวนไม่ต้องการยุ่งย่ามกับเรื่องราวพวกนี้เลย เพียงว่าการปรากฏตัวของชายหนุ่มเผ่าปีศาจตนนี้ ทำให้เขาทนดูอยู่เฉยๆไม่ได้
ต่อให้เย่หยวนอยู่ในเผ่ามนุษย์ แต่ก็ถือได้ว่าเขาเป็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งเช่นกัน
ทันทีทันใดจิตใจเย่หยวนพลันสั่นสะท้านปั่นป่วนขึ้นโดยพลัน
กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งควบม้าทะยานเข้ามาในเมือง หนึ่งในผู้นำขบวนมาเป็นหญิงสาวท่าทีเยือกเย็นและดูสูงส่งนัก
เหล่าหญิงสาวทั่วไปของเผ่าปีศาจ เนื่องด้วยวรยุทธบ่มเพาะพลังของพวกนาง โดยส่วนใหญ่จึงทำให้พวกนางมีหน้าตาที่สวยและงดงามยิ่ง รวมไปถึงโฉมสะคราญ ทรวดทรงองค์เอวโค้งเว้าเปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์
แต่หญิงสาวผู้เยือกเย็นนางนี้กลับดูต่างออกไป กับผู้หญิงของเผ่าปีศาจคนอื่นๆมาก
ท่าทีของนางดูมิได้อ่อนโยนและมนุษย์สัมพันธ์ดีอย่างผู้หญิงคนอื่นๆ หาได้มาดอารมณ์ตันหาอย่างพวกนาง ในทางตรงข้ามความงามของนางสุดจะพรรณนาได้ เจือกลิ่นอายสาวห้าวดิบเถื่อนเล็กน้อย
ในขณะที่นางผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น หญิงสาวที่ล้อมรอบเย่หยวนต่างหน้าซีดลงทันที
“แม่นางหลี่จี นาง…นางช่างงดงามนัก! ข้าเต็มใจกลายเป็นผีเพื่อเข้าใกล้ตัวนาง!”
เหล่าชายหนุ่มเผ่าปีศาจต่างกระซิบคุยกัน
ผัวะ!
ทันใดนั้นทุกคนต่างได้ยินเสียงแส้ตีกระทบคมชัด ศีรษะของชายหนุ่มเผ่าปีศาจตนนั้นระเบิดออกมาทันทีราวกับแตงโม แม้แต่แกนวิญญาณปีศาจของมันยังดับสลายในพริบตาเช่นกัน นี่กล่าวได้ว่าตายยิ่งกว่าตาย!
“อยากเป็นผีนัก ข้าย่อมสนองให้!”
เสียงเย็นสุดชืดชาของหลี่จีดังออกมา
เมื่อทุกคนพบเห็นภาพฉากนี้ต่างปิดปากเงียบสงัดทันทีดุจจักจั่นท่ามกลางฤดูหนาว
ทันทีที่กล่าวจบ หลี่จี้ก็ควบม้าค่อยๆตรงเข้าเมืองต่อทันที
สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนมืดขรึมลงเล็กน้อยและกล่าวเสียงเย็นขึ้นว่า
“รนหาที่ตาย!”
หลางเก๋อสะดุ้งตื่นตะลึงเล็กน้อย ทราบทันทีว่าประโยคนี้เย่หยวนกำลังกล่าวกับตน
“เหอะ เหอะ เจ้าหนุ่มหน้าหวานของเรากำลังโกรธแล้ว! ข้าย่อมหลีกทางให้หากเจ้ามีความสามารถพอ ยอมรับคำท้าทายของข้าเสียแต่โดยดี! ฮ่าๆๆ…”
หลางเก็อกล่าวขึ้นพร้อมระเบิดหัวเราะดังลั่น
เย่หยวนเค้นเสียงเย็นเอ่ยตอบว่า
“ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายขนาดนี้ เช่นนั้นข้าย่อมสนองตามปรารถนา!”
ทันใดนั้นเองทั่วกายาเย่หยวนพลันปะทุพลังปีศาจสุดน่าสะพรึงกลัวออกมา ร่างไสววูบแปรเปลี่ยนเป็นประกายเงา ปราดพุ่งเข้าหาหลางเก๋อโดยตรง
ทีแรกหลางเก๋อยังคงรวนหัวเราะอย่างสบายอารมณ์ แต่ทันทีที่เย่หยวนเคลื่อนไหว สีหน้าการแสดงออกของมันพลันเปลี่ยนไปทันที!
เร็วมาก!
อย่างไรก็ตามแต่ หลางเก๋อก็เป็นถึงแม่ทัพปีศาจสองดาวขั้นสุด ไม่ว่าอันใด สุดท้ายความแข็งแกร่งของมันก็มิอาจประเมินได้
สายตาเข้าจับจ้องเย่หยวนแปรเปลี่ยนเป็นความตั้งใจขึ้นถนัดตา เขากระชับกำปั้นซัดเข้าใส่เย่หยวนเต็มแรง
บูมมม!
ร่างทั้งสองเข้าปะทะกันปราศจากความเกรงกลัวใดๆ ร่างของหลางเก๋อกระเด็นออกไปดั่งถูกม้าดีดปลิวออกไปโดยตรง แต่ในขณะที่ร่างของเย่หยวนกลับไม่เคลื่อนขยับแม้แต่นิ้วเดียว
เมื่อเหล่าหญิงสาวโดยรอบเห็นดังนั้น สายตาที่จับจ้องพลันสาดสะท้อนความประหลาดใจอยู่เปี่ยมล้น
พวกเขาทั้งหมดล้วนคิดว่าเย่หยวนเปรียบดั่งแจกันดอกไม้ แต่ใครจะไปคิดว่า ความแข็งแกร่งของเขากลับน่าเกรงขามโดยแท้!
สองดาวชั้นกลางสามารถโค่นสองดาวขั้นสุดได้จริงๆ!
ยังไม่ทันที่ร่างของหลางเก๋อจะตกถึงพื้น ทันทีทันใดร่างเย่หยวนกลับกระตุกวูบไสวพุ่งเข้าใส่อีดครั้ง!
โผ่ละ!
หัวของหลางเก๋อระเบิดเป็นเสี่ยงโดยตรง แกนวิญญาณปีศาจของมันถูกบดขยี้แหลกเละไม่เหลือดีโดยจิตสังหารจากดาบของเย่หยวน
ภายใต้ทุกสายตาที่จับจ้องเจือล้นประหลาดใจ เย่หยวนค่อยๆเก็บดาบลงและย่างกรายเข้าเมืองไปอย่างแช่มช้า
เหล่าอิสตรีเผ่าปีศาจมีหรือจะทานทนต่อเสน่ห์ของเย่หยวนได้ไหว ทันใดนั้นพวกนางสะดุ้งได้สติขึ้นทันที สีหน้าการแสดงออกดูหลงใหลอย่างหาที่เปรียบไม่ และรุมติดตามเย่หยวนไปติดๆราวกับฝูงผึ้งรุมตอมน้ำผึ้งหวาน
“ไม่เพียงมีดีแค่ความหล่อและดูดีเท่านั้น แต่เขายังทรงพลังน่าเกรงขามนัก นี่มันเจ้าชายในฝันข้าเลย!”
“นี่มันผู้ชายของข้า! หลางเก๋อนี่ช่างอ่อนแอแค่พยายามฉายแววให้ตนเองดูดีเท่านั้น ทว่าความเป็นจริงกลับไร้ประโยชน์!”
“ทั้งหล่อทั้งเท่นัก! ข้าหัวหรงหลงรักท่านหัวปักหัวปำแล้ว! ให้พี่สาวคนนี้เถิด!”
…………………………………