Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1554 เจ้าคำนวณพลาดแล้ว
ตอนที่ 1554 เจ้าคำนวณพลาดแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
อู๋เฟินนั่งยิ้มกว้างอยู่ในโถง รอยยิ้มของเขาช่างสดใสยิ่งนัก
หวางห่าวหลานและหวางเชียนสุ่ยอยู่ด้านขวามือ ท่าทีดูลุกลี้ลุกลนอย่างยิ่ง
แม้ว่าหวางเชียนจะได้รับการรักษาจนกลับมาหายดี แต่เงินห้าสิบล้านของอู๋เฟินนับว่าไหลลงท่อระบายน้ำไปโดยปริยาย
และที่สำคัญที่สุดคือ เขาเสียหน้าครั้งใหญ่!
หวางห่าวหลานเข้าใจในจุดนี้ของอู๋เฟินดีที่สุด เขาห่วงภาพพจน์ตัวเองยิ่งกว่าสิ่งใดอื่น
หากเป็นเรื่องเล็กน้อยยังพอทำเนา แต่นี่ถึงขั้นกระทบต่อตำแหน่งนักหลอมโอสถอันดับหนึ่งแห่งเขตเมืองทางตอนใต้ เขาหรือจะยอมผ่อนปรนผ่านไปโดยง่าย?
ครั้งนี้ไม่เพียงทำไม่สำเร็จแต่ยังเป็นการสร้างชื่อให้แก่เย่หยวนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หวางห่าวหลานกลับไม่นึกไม่ฝันเลยว่า อู๋เฟินในตอนนี้กลับอารมณ์ดีจนน่าประหลาดใจ
“โอ้ ห่าวหลาน เจ้าคิดว่าข้าจะตำหนิเจ้าเพราะเรื่องแค่นี้รึ?”
อู๋เฟินกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม รอยยิ้ม…ดั่งหลุดมาจากขุมนรก
หวางห่าวหลานเอ่ยตอบพร้อมใบหน้าแดงก่ำ
“ท่านปรมาจารย์ ข้า…”
“หุหุ เจ้าคิดตามข้ามาก็หลายปี มีหรือจะไม่เข้าใจความรู้สึกของเจ้า ถึงขั้นเชื้อเชิญนักหลอมโอสถสี่ดาวให้เข้ารักษาเชียนเอ๋อก็ทำมาแล้ว จริงหรือไม่?”
อู๋เฟินยิ้มกล่าว
หวางห่าวหลานรีบกล่าวตอบทันทีว่า
“ห่าวหลานรู้สึกเป็นพระคุณยิ่งที่ได้รับความเมตตาจากท่านปรมาจารย์ หากตอบแทนได้ด้วยชีวิตย่อมสละให้ได้!”
อู๋เฟินพยักหน้าและกล่าวว่า
“สำหรับที่หวางเชียนฟื้นตัวขึ้นได้ ข้าเองก็ดีใจเช่นกัน เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดมาก นี่หาใช่ความผิดของเจ้าไม่”
หวางห่าวหลานกล่าวตอบ
“ท่านปรมาจารย์ ห้าสิบล้านผลึกปราณเทวะ สักวันข้าจะต้องชดใช้ให้คืนแน่นอน!”
อู๋เฟินระเบิดหัวเราะลั่น
“ข้าไม่เอา ไฉนเจ้าดื้อเช่นนี้!”
หวางห่าวหลานโค้งคำนับกล่าวว่า
“ท่านปรมาจารย์ หนี้ใหญ่หลวงครั้งนี้ข้าต้องชดใช้คืนแน่นอน ข้าห่าวหลานมิใช่พวกนั่งกินนอนกิน!”
อู๋เฟินตรงเข้าไปตบไหล่ของหวางห่าวหลานเล็กน้อยและกล่าวว่า
“เจ้าไม่ต้องจ่ายใดๆทั้งสิ้น! ลืมไปเถอะ อย่ามาชดใช้บุญคุณกันเช่นนี้เลย”
เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าการแสดงออกของหวางห่าวหลานก็ดูผ่อนคลายลง แต่ทันใดนั้นน้ำเสียงของอีกฝ่ายกลับเยือกเย็นลงทันตา
“เพราะว่า…สิ่งที่เจ้าต้องชดใช้คือชีวิต!”
ทันใดนั้นเองร่างของหวางห่าวหลานพลันชักกระตุกหนัก ก่อนจะเงยหน้ามองอู๋เฟินพร้อมสีหน้าที่ไม่สู้ดีอย่างมาก
จู่ๆ เขาพลันรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นกะทันหัน เลือดทั้งหมดภายในร่างกายหยุดโคจรไปชั่วขณะ พลังปราณเทวะค่อยๆแข็งตัวก่อนที่สติจะเริ่มเลือนราง
“ท่านปรมาจารย์ นี่…”
หวางห่าวหลานเพ่งสติจับจ้องไปที่อู๋เฟิงอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เขารู้ตัวทันทีว่าตนถูกวางยาเสียแล้ว
จอกชาที่เขาดื่มลงไปเมื่อครู่มียาพิษอยู่!
สายตาคู่นั้นของอู๋เฟินพลันเปลี่ยนไปดูเย็นชาอย่างยิ่ง เขากล่าวขึ้นว่า
“อืม ทำได้ดีมากจริงๆ! ชายชราคนนี้กลายมาเป็นตัวตลกทั่วทั้งเขตเมืองทางตอนใต้หมดแล้ว! ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดเจ้าก็ต้องตาย! ทั้งๆที่ข้าช่วยเหลือเจ้ามาตลอด แต่กลับตอบแทนกันเช่นนี้! เจ้าหนุ่ม เจ้าคงมิได้ขัดข้องอะไรกระมัง?”
ทันทันใด หวางเชียนใจหายวาบ เขาอุทานขึ้นลั่นน้ำเสียงสั่นคลอนยิ่งว่า
“ท่านลุงสอง! ท่านอย่าตาย! อู๋เฟิน! ทั้งๆที่ท่านแม่และท่านลุงสองซื่อสัตย์กับท่านมาโดยตลอด ไฉนถึงกล้าวางยาพิษฆ่าแกงกันเช่นนี้!”
ขาคู่นั้นของหวางเชียนสั่นเทาไม่หยุดหย่อน เขาพยายามลุกขึ้นแต่สุดท้ายกลับโซเซไปมาพยุงร่างมาตรง
เมื่อครู่เขาเองก็ดื่มชาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็โดนพิษไปแล้ว
หวางห่าวหลานใช้กำลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ผลักร่างของหวางเชียนออกไปและกล่าวว่า
“ป-ไป! ไป…ไปหาท่านปรมาจารย์เย่!”
อู๋เฟินระเบิดหัวเราะลั่นและกล่าวว่า
“ดูสิ! ใจของเจ้าภักดีต่อปรมาจารย์เย่อะไรนั้น ไหนว่าซื่อสัตย์ต่อข้า? น่าเสียดายนักหวางเชียน เจ้าเองก็ดื่มชาจอกนั้นเช่นกัน เจ้าเองก็จะไม่ต่างจากลุงของเจ้า พวกเจ้าทั้งคู่มิอาจหลีกหนีความตายไปได้!”
คู่ดวงตาของหวางเชียนแปรเปลี่ยนเป๋นสีแดงก่ำ เขากัดฟันแน่นยิ่งกว่าแค้นอาฆาตจนขากรรไกสั่นเทา น้ำตารินใสไหลบ่าออกมา
เขารีดเร้นพลังปราณเทวะทั้งหมดภายในร่างกายออกมา พร้อมปราดพุ่งโจมตีใส่อู๋เฟินเสมือนลูกธนูเข้าพิฆาต
อู๋เฟินชะงักค้างไปครู่ใหญ่ คิดไม่ถึงเลยว่าจนปานนี้หวางเชียนยังสามารถโคจรพลังปราณเทวะอยู่ได้อีก
อย่างไรก็ตามแต่ ความแข็งแกร่งของอู๋เฟินในตอนนี้เหนือกว่าอย่างชัดเจน และห่างไกลเกินกว่าที่หวางเชียนจักต่อกรได้
บูมมม!
ด้วยความโกรธแค้นหวางเชียนเข้าสัประยุทธ์สุดดใจขาดดิ้น แต่ท้ายที่สุดกลับถูกซัดกระเด็นดีดออกไปไกล
ในขณะเดียวกันอู๋เฟินก็รีดเร้นพลังปราณเทวะเข้าขับสู้ไม่น้อยเช่นกัน ส่งผลให้ไม่เหลือพลังงานพอที่จะไล่ล่าตามออกไป
หวานเฉียนคำรามลั่นทั้งน้ำตาว่า
“ท่านลุงสอง…โปรดรอข้าก่อน! ข้าจะรีบไปห่าท่านปรมาจารย์เย่มาช่วยเหลือท่าน! ท่านโปรดมั่นใจ ข้าจะล้างแค้นให้ท่านแน่นอน!”
ถึงแม้หวางเชียนจะวิงเวียนศีรษะ แต่อาการโดยรวมของเขายังดูดีกว่าหวางห่าวหลานมาก
เมื่อได้ฟังแบบนั้นดวงตาหม่นประกายคู่นั้นของหวางห่าวหลานก็เปี่ยมสุขขึ้นมาทันควัน ใบหน้ายามสุดท้ายประดับรอยยิ้มจางๆเอาไว้ไม่เสือมคลาย
ต้องเป็นเพราะโอสถชำระไขกระดูกสวรรค์ของท่านปรมาจารย์เย่ไม่ผิดแน่ จึงทำให้ร่างกายของเชียนห่าวต้านทานต่อพิษได้มีประสิทธิภาพขึ้นมาก!
“ปรมาจารย์อู๋เฟิน…เจ้าเล่นผิดคนแล้ว!”
เอ่ยกล่าวประโยคนี้เสร็จ หวางห่าวหลานก็หลับตาลงไปตลอดกาล
“ท่านลุงสอง!!”
หวางเชียนดวงตาเห่อร้อนหนักพร้อมธารน้ำตารินไหลไม่หยุดหย่อน พลางตะโกนอย่างบ้าคลั่งจนเสียงแหบแห้งไป
….
“ท่านปรมาจารย์เย่! ท่านปรมาจารย์เย่!! ข้าต้องรีบไปหาเขา!!”
ในขขณะเดียวกัน
พอหนิงซื่ออวี๋ยื่นฝ่ามือออกมา พลันปรากฏเปลวไฟสีครามฟ้าอ่อนเผยต่อหน้าเย่หยวน
เย่หยวนเหลียวมองหนิงซื่ออวี๋ด้วยความแปลกใจ ขณะกล่าวว่า
“เจ้าตั้งใจนำมันมามอบให้ข้า?”
หนิงซื่ออวี๋แสยะยิ้มมากเล่ห์กล กล่าวว่า
“พูดอีกก็ถูกอีก พวกเราต่างได้กับได้!”
จากนั้นนางก็เริ่มเล่ากล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่กลับไป และเอาชนะเดิมพันกับศิษย์พี่สองมาได้ ซึ่งนี่ทำให้เย่หยวนคลี่ยิ้มออกมาเช่นกัน
“เจ้านับว่ามีความตั้งใจดี ไฟศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้ข้าขอรับไปแล้วกัน เท่านี้ค่าโอสถที่เจ้าติดค้างข้านับว่าหายกัน”
เพียงเย่หยวนกระดิกนิ้วเรียกเล็กน้อย เปลวไฟสีครามฟ้าอ่อนก็พุ่งตรงเข้ามาวิ่งเล่นบนฝ่ามือของเย่หยวนอย่างเชื่อฟัง
รูม่านตาดำของหนิงซื่ออวี๋ถึงกับหดเล็กตีบตันในบัดดล ทักษะการควบคุมไฟของชายคนนี้บรรลุถึงจุดดสูงสุดแล้วจริงๆ!
ทั้งๆ ที่เป็นไฟศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่น แต่เขากลับควบคุมมันจนเชื่องในพริบตาเดียว!
แต่ทันทีทันใด นางเพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นางจึงกล่าวท้วงติงขึ้นทันทีว่า
“เดี๋ยวก่อน… ไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสามมีค่าแค่สี่สิบล้านผลึกปราณเทวะเองหรอกรึ? นี่…นี่ท่านกำลังปล้นข้าอยู่รึไง!”
เย่หยวนเหลือบมองนางเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่ฝ่ามือของเขายังคงขยับเคลื่อนไปมา ทันทีทันใดเปลวไฟสีครามฟ้าอ่อนพลันอันตรธานหายวับไปต่อหน้าต่อตา
อย่าประมาทเมื่อเหยื่ออยู่ใกล้ปากเสือ ไฟศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในมือเย่หยวนกลับไม่ต่างกันเลย
ทันทีทันใด เย่หยวนพลิกฝ่ามือขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จู่ๆเพลิงบัวฟ้าขจัดจันทร์ก็เผยปรากฏขึ้นมา
แต่ภายในเพลิงบัวฟ้าขจัดจันทร์ขาวคล้ายมีกลุ่มไฟสีครามฟ้าเล็กๆคล้ายว่ากำลังโดนกลืนกินอยู่
หนิงซื่ออวี๋ที่เห็นเช่นนั้นแทบร้องกรี๊ด นางอุทานลั่นด้วยความตกใจยิ่งว่า
“ท-ท-ท่าน…ท่านกลับเลือกให้ไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสองของตนกลืนกินไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม? นี่ท่านกำลังทำเสียของ!”
ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่า ที่เย่หยวนต้องการไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสามหาได้นำไปใช้เอง แต่กลับนำไปเป็นยาบำรุงให้แก่ไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสองของตัวเอง!
หนิงซื่ออวี๋ที่เห็นเช่นนั้นก็ขึ้นกับโกรธอย่างมาก!
หากต้องการเสริมแกร่งให้ไฟศักดิ์สิทธิ์ ควรใช้ไฟระดับสองเป็นอาหารให้ไฟระดับสามไม่ดีกว่าหรอกรึ?
แต่ชายคนนี้กลับทำตรงข้ามกันเลย!
เย่หยวนยิ้มกล่าวว่า
“เจ้าไฟศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้จะมาแทนที่เพลิงบัวฟ้าขจัดจันทร์ขาวของข้าได้อย่างไร? ในแง่การหลอมกลั่นโอสถ ข้ายอมรับว่ามันมีพลังเผาผลาญที่สูงกว่า แต่สุดท้ายนี้เพลิงบัวฟ้าขจัดจันทร์กลับเป็นอะไรมากกว่านั้น เกือบร้อยปีที่ผ่านมาข้ากับมันร่วมทุกข์ร่วมสุขฝ่าฟันปัญหามากมายมาร่วมกันโดยตลอด ข้าทนไม่ได้หรอกที่ต้องปลดระวางมัน เช่นนั้นหากให้มันกลืนกินไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม มันเองก็ควรจะพัฒนาขึ้นกลายเป็นไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสามเช่นกัน”
หนิงซื่ออวี๋ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อฟัง ไฉนวาจาคำกล่าวรวมไปถึงน้ำเสียงของเขาถึงราวกับ…พวกตาเฒ่าที่ผจญผ่านโลกมานานแสนนานแบบนี้?
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคนนี้อายุเพียงร้อยปีเท่านั้น แล้วไฉนถึงทำตัวราวกับคนแก่อายุหมื่นปีกัน?
“เอาเถอะ จะทำอะไรก็ทำ!”
หนิงซื่ออวี๋ยักไหลเล็กน้อยอย่างไม่แยแส
แค่ไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสามชนิดเดียว หาได้มีประโยชน์อันใดต่อนางเช่นกัน
ในเวลานั้นเอง ร่างทั้งสามก็ตรงเข้ามาในร้านขายโอสถรับจ้างสารพัด
ปรากฏเป็นชายชราคนหนึ่งผู้มีสง่าราศีประดุจนักปราชญ์ อีกคนเป็นชายตัวอ้วนกลมคล้ายลูกหนัง และหญิงสาวอีกนางหนึ่งที่งดงามประดุจนางฟ้า
“เจ้าของร้าน! ข้าได้ยินมาว่าที่นี่รับจ้างหลอมกลั่นโอสถทุกชนิดจริงๆรึ?”
ชายชราประดุจนักปราชญ์ผู้นั้นเอ่ยกล่าวขึ้นกับเจ้าของร้านที่ตรงออกมารับหน้า
เจ้าของร้านเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยความภาคภูมิใจยิ่งว่า
“ถูกต้องแล้ว! ท่านออกไปตระเวนสอบถามเรื่องนี้จากปากใครก็ได้! ไม่มีใครไม่รู้จักท่านปรมาจารย์เย่แห่งร้านขายโอสถรับจ้างสารพัดของเรา!”
เมื่อคำกล่าวนี้ดังออกมา สีหน้าการแสดงออกของทั้งสามพลันเปลี่ยนไปทันที!
“เจ้ากล่าวว่าอันใด?! นักหลอมโอสถของที่นี่มีนามว่าเย่หยวนใช่ไหม?!”
ชายชราอุทานลั่นด้วยความตื่นเต้น
………………………………………………