Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1594 ขั้นเทวะโมฆะ
“นี่…นี่หรือความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสเย่?”
“ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดที่ไฉนถึงได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสได้ทั้งๆที่เป็นแค่จออมเทพโอสถสามดาว! นี่ไร้ซึ่งข้อกังขาแล้ว!”
“เหลือเชื่อ! เหลือเชื่อจริงๆ! ข้าไม่แม้แต่กล้าจินตนาการเลยว่า จอมเทพโอสถสามดาวจะทรงพลังปานนี้!”
…
เมื่อทุกคนได้สติตื่นขึ้นจากภวังค์แห่งยอดเต๋า แต่ละคนต่างตื่นตะลึงสุดน่าเหลือเชื่อ
การหลอมกลั่นโอสถของเย่หยวนเปรียบเสมือนการเปิดโลกทัศน์ของพวกเขาให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ทันทีทันใด พวกเขาก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า เย่หยวนพึ่งพาสิ่งใดกันถึงได้ตำแหน่งผู้อาวุโสมาครอง
เย่หยวนในยามนี้หลอมกลั่นเสร็จสิ้นแล้ว ในขณะที่หรงซูยังคงตั้งใจหลอมกลั่นอย่างขยันขันแข็ง
เดิม เหล่าผู้คนยังคงตื่นตะลึงกับภาพฉากการหลอมกลั่นของผู้อาวุโสใหญ่ ทว่ายามนี้ เมื่อย้อนกลับมาดูอีกครั้ง มันช่างน่าเบื่อหน่ายเสียเหลือเกิน
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด แต่ในที่สุดโอสถสุริยันจักรวาลของผู้อาวุโสใหญ่ก็เสร็จสมบูรณ์
สำหรับการหลอมกลั่นครั้งนี้ เขาพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ตามที่ประเมินไว้ อย่างน้อยต้องเป็นขั้นสวรรค์อย่างไม่ผิดเพี้ยน
ความสามารถในการหลอมกลั่นของเขา ไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้อีกแล้ว
เมื่อเห็นว่าเย่หยวนยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน เขาก็พลางคิดว่า อีกฝ่ายยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ
“หุหุ ยอมแพ้แล้วรึ? ตอนนี้เจ้าคงตระหนักดีแล้วใช่หรือไม่? อายุกระดูกระหว่างเรามันแตกต่างกันเกินไป!”
หรงซูยิ้มกล่าว
เย่หยวนเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มว่า
“ข้าหลอมกลั่นเสร็จสิ้นนานแล้ว ท่านต่างหากที่ช้าเหลือเกิน”
หรงซูที่ได้ยินแบบนั้นก็นึกว่ากำลังฟังเรื่องตลกที่สุดในชีวิต เขาระเบิดหัวเราะลั่นกล่าวว่า
“ยังจะหน้าด้านเถียงคำไม่ตกฟาก คิดว่าโอสถสุริยันจักรวาลหลอมกลั่นง่ายดายดั่งกะหล่ำปลีหรืออย่างไร? ที่สามารถสำเร็จได้ภายในระยะเวลาอันสั้น? หรือเจ้าคิดว่าการหลอมกลั่นโอสถคล้ายกับการปรุงอาหาร?”
เย่หยวนเพียงคลี่ยิ้มบาง แต่มิได้เอ่ยกล่าวอันใด
ในเวลาเดียวกัน มีผู้อาวุโสคนหนึ่งรีบวิ่งไปข้างหรงซูและกระซิบสองสามคนข้างหู
สีหน้าการแสดงออกของหรงซูแปรเปลี่ยนไปทันที ก่อนหันควับจับจ้องเย่หยวนด้วยความประหลาดใจยิ่งยวด
เขาได้แต่อ้าปากอยู่แบบนั้น แต่กลับไม่รู้เลยว่าตนควรเอ่ยกล่าวอย่างไร
เย่หยวน…มันหลอมกลั่นได้จริงๆ!
จอมเทพโอสถสามดาวนี่น่ะรึ? หลอมกลั่นโอสถสุริยันจักรวาลได้? นี่เป็นไปได้อย่างไร?
โอสถชนิดนี้นับเป็นสิ่งต้องห้ามของจอมเทพโอสถสามดาว!
หรงซูสะดุ้งเฮือกทันควัน ดวงตากวาดไปยังฝูงชน พินิจปฏิกิริยาของพวกเขาเหล่านั้น พลันเข้าใจถึงบางสิ่งได้ทันใด
เขารู้สึกละอายใจเสียเหลือเกิน ขณะเค้นเสียงเย็นกล่าวกับเย่หยวนขึ้นว่า
“เปิดหม้อหลอม! เราชายชราอยากรู้เสียจริงว่า เจ้าหลอมกลั่นอะไรได้บ้าง!”
ขณะเดียวกัน สีหน้าของทุกคนยังคงเผยความหลงใหล ทุกคนต่างอยากรู้อยากเห็นเสียเหลือเกินว่า ด้วยวรยุทธสุดอัศจรรย์เช่นนี้ เย่หยวนจะหลอมกลั่นโอสถได้ถึงขั้นใด
เย่หยวนยิ้มกล่าวว่า
“เปิดย่อมได้ ผู้อาวุโสใหญ่เปิดก่อนดีกว่าหรือไม่?”
ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า
“เจ้าเสร็จก่อน เช่นนั้นก็เปิดก่อน เราชายชราสงสัยเสียจริงว่า โอสถสุริยันจักรวาลของเจ้าจะได้ระดับชั้นใด! เป็นแค่จอมเทพโอสถสามดาวแท้!”
เย่หยวนยิ้มตอบว่า
“ตามที่ท่านต้องการ!”
ขณะที่เปิดหม้อหลอม ประกายแสงแพรวพราวก็พวยพุ่งออกมา ทะลวงลิบเฉียดไกลสุดขอบฟ้า จนทำเอาเหล่าผู้คนไม่สามารถลืมตาได้
เมฆาบนท้องนภาแปรเปลี่ยนเป็นเจ็ดสี แสนงดงามเกินพรรณนา ทันใดนั้นเองพลันก่อให้เกิดปรากฏการณ์รุ้งกินน้ำขนาดใหญ่!
บรรดาฝูงชนส่งเสียงร้องอุทานดังลั่น
“นี่มันโอสถขั้นอะไรกัน! ถึงขั้นสามารถเรียกปรากฏการณ์ฟ้าดินอันน่าอัศจรรย์ขนาดนี้ขึ้นได้!”
“เจ้าปัญญาอ่อนรึไง! ปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์เช่นนี้ก็ต้องเป็นขั้นเทวะโมฆะเท่านั้นที่สามารถเรียกได้! โอสถของผู้อาวุโสเย่ทะลวงเกินขั้นเทวะม่วงไปแล้ว!”
“ละ-ล้อเล่นกันกระมัง? โอสถสุริยันจักรวาลขั้นเทวะโมฆะ?!”
“ช่างเป็นภาพฉากที่น่าทึ่งโดยแท้! ในชีวิตนี้ ข้ามีโอกาสได้เห็นโอสถสุริยันจักรวาลขั้นเทวะโมฆะจริงๆ!”
…
สีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่เผยความประหลาดใจเกินกักเก็บ ด้วยประสบการณ์ชั่วชีวิตของเขา จะไม่เข้าใจปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ช่างเป็นภาพฉากที่รำควาญใจเสียเหลือเกิน!
สามารถกระตุ้นให้ฟ้าดินเกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์ได้ปานนี้ ไม่มีโอสถขั้นใดสามารถทำได้อีกแล้ว นอกจากขั้นเทวะโมฆะขึ้นไป!
ดังนั้น โอสถสุริยันจักรวาลเม็ดนี้คือขั้นเทวะโมฆะอย่างไม่ต้องสงสัย!
แต่นี่มันเรื่องจริงรึนี่?
เย่หยวนเป็นแค่จอมเทพโอสถสามดาวเท่านั้น!
เขาสามารถทำขนาดนี้ได้อย่างไร?
หากไม่เห็นกับตาตนเอง หรงซูคงไม่มีวันเชื่อแน่นอนว่า จะมีจอมเทพโอสถสามดาวคนใดสามารถหลอมกลั่นโอสถสุริยันจักรวาลขั้นเทวะโมฆะได้!
นี่ช่างน่าขันสิ้นดี!
แม้ว่าจะเห็นปรากฏการณ์ฟ้าดินกับตา แต่เขาก็ยังรู้สึกว่านี่มันเรื่องไร้สาระชัดๆ!
นี่ต้องมิใช่ความจริง!
ซวนอี้ถอนหายใจ คลี่ยิ้มอย่างขมขื่น
“ที่แรกข้าคิดว่า เย่หยวนควรหลอมกลั่นได้แค่ขั้นเทวะม่วงเท่านั้น แต่กลับไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้ขั้นเทวะโมฆะจริงๆ ไม่รู้เลยว่าขีดจำกัดของชายคนนี้อยู่ที่ไหนกันแน่!”
ลวี่อี้ที่อยู่ข้างกาย อุทานน้ำเสียงประหลาดใจว่า
“ท่านอาจารย์ ปรมาจารย์เย่ช่างน่าทึ่งโดยแท้! โอสถสุริยันจักรวาลขั้นเทวะโมฆะ อาจทำให้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต้องสั่นสะเทือน!”
ซวนอี้ยิ้มกล่าวว่า
“นั้นเป็นเรื่องแน่นอน! คราวนี้หรงซูเดินหมากผิดมหันต์ หากเย่หยวนไม่มีความสามารถจริงๆ แล้วทางเบื้องบนจะมอบตำแหน่งผู้อาวุโสให้เขาได้อย่างไร? ข้าอยากกจะเห็นเสียมากกว่าว่า หรงซูจะกล้าเปิดหม้อหลอมตนเองหรือไม่”
ลวี่อี้ที่ได้ยินแบบนั้น เนื้อตัวพลันสั่นสะท้านทันใด และเข้าใจความหมายได้ทันที
เขาเองก็ไม่คิดเลยว่า ท่านอาจารย์ผู้อสนดีของเขาจะมีด้านขี้เล่นเช่นนี้ด้วย
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หรงซูจะกล้าเปิดหม้อหลอมของตนเองหรือไม่ ช่างเป็นคำถามที่น่าอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง
มีอัญมณีล้ำค่าหาประเมินไม่อยู่ตรงหน้า เขาไม่กล้านำเสนอเม็ดโอสถของตัวเองแน่นอน
แต่หากไม่เปิดหม้อหลอม นี่คงเป็นเรื่องตลกของชาวเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปอีกนานแสนนาน
ช่างเป็นภาพฉากที่น่าอึดอัดใจแทนเสียจริง!
หรงซูในตอนนี้รู้สึกโศกเศร้าเสียใจขั้นหนักจนลำไส้แปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวได้แล้ว หากเขาทราบเช่นนี้แต่แรก ตนคงชิงจังหวะเปิดหม้อหลอมก่อนแน่นอน
ไม่รู้เลยว่า เวลาผ่านไปนานเพียงใด ในที่สุดปรากฏการณ์ท้องนภาประดับรุ้งเจ็ดสีก็จางหายไป ทุกอย่างกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
โอสถลอยเคว้งอยู่เหนือหม้อหลอมกลั่นแสนเงียบงัน กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งจัตุรัสทันที
“หอมจริงๆ!”
“นี่เป็นครั้งแรกเลย ที่ข้าได้กลิ่นโอสถหอมปานนี้!”
“ทั่วทุกมุมจัสตุรัสต่างได้กลิ่นหอม สมแล้วที่เป็นโอสถขั้นเทวะโมฆะ ช่างไม่ธรรมดาเลย!”
…
สีหน้าทุกคนต่างเผยให้เห็นความตื่นอกตื่นเต้นจนใบหน้าแดงก่ำเจือแววโลภ เห็นได้ชัดว่า ใครๆต่างก็อยากได้โอสถของเย่หยวนไปครอบครอง
ปัจจุบัน ณ จัตุรัสแห่งนี้ มีเหล่าชนชั้นสูงจากตระกูลใหญ่จำนวนมากมาย สำหรับโอสถเม็ดนี้ พวกเขาแทบจะถวายทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา
โอสถขั้นนี้มิได้การันตีแค่สำเร็จถึงสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าเท่านั้น แต่นี่ยังเป็นใบเบิกทางสู่อนาคตอันไร้ขีดจำกัด!
โอสถขั้นเทวะโมฆะ แต่ต่างจากขั้นปกติลิบลับ!
สำหรับคนที่ไร้ซึ่งศักยภาพในการพัฒนาต่อ หลังจากกินโอสถเม็ดนี้ลงไป อย่างน้อยที่สุดต้องทะลวงไปถึงอาณาจักรราชันพระเจ้าไม่หนึ่งก็สองดาว หากโชคดีอาจไปได้ไกลถึงสามดาว!
นี่ยังคงเป็นแค่สำหรับคนที่ไร้ซึ่งศักยภาพ
หากให้เหล่าอัจฉริยะมากพรสวรรค์กินลงไป คิดหรือไม่ว่าความสำเร็จในอนาคตของพวกเขาจะเจิดจรัสเพียงใด”
ต่อหน้าโอสถเม็ดนี้ จะมิทำให้ผู้คนเป็นบ้าเป็นหลังได้อย่างไร?
“ผู้อาวุโสใหญ่ ถึงตาท่านแล้ว”
คำกล่าวของเย่หยวน ทำเอากล้ามเนื้อทั่วใบหน้าของหรงซูชักกระตุกไม่หยุดหย่อน
บรรยากาศโดยรอบราวกับถูกแช่งแข็งไปโดยปริยาย
ทุกคนต่างจับจ้องไปที่หรงซู เพียงดูว่าเขาจะลงจากหลังเสือนี้ได้อย่างไร
สุดท้ายนี้ สถานะศักดิ์ของผู้อาวุโสใหญ่นับว่าสูงส่งเกินไป
คำกล่าวเพียงหนึ่งวาจาเดียวของเย่หยวน กลับสามารถบังคับจนอีกฝ่ายติดมุมได้
วันนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กล่าวได้ว่าผู้อาวุโสใหญ่เสียหน้าครั้งประวัติการณ์
“เจ้า…เจ้าชนะแล้ว!”
หรงซูบีบเค้นคำกล่าวออกมาผ่านร่องฟันอย่างยากลำบาก อับอายเสียเหลือเกิน
…………………………………