Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1597 ห้วงมิติสืบทอด
ไม่ต้องสงสัยแต่อย่างใด หลายวันต่อมา หน้าประตูจวนเย่หยวนอัดแน่นไปด้วยธารฝูงชนนับไม่ถ้วน
ทั้งขอความช่วยเหลือให้หลอมกลั่นโอสถ ทั้งขอฝากตัวเป็นศิษย์ และต่างๆนาๆ
หลงซานรับหน้าที่เป็นพ่อบ้านประจำจวนของเย่หยวน หลายวันที่ผ่านมากล่าวได้ว่างานยุ่งอย่างยิ่ง
เหล่าศิษย์สาวกรุ่นน้องอาณาจักรบรรพกาลพระเจ้า ต่างพากันปฏิบัติตามอย่างเชื่อฟัง ด้วยความเคารพนับถือที่มีต่อเย่หยวน
เดิมทีหลงซานเองก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับเรื่องเหล่านี้ แต่ต่อมา เขากลับพบว่าทุกคนต่างให้ความเคารพ มีมารยาทต่อเขาอย่างไม่น่าเชื่อ
ในตอนนั้น เขาทราบดีว่านี่เป็นเพราะบารมีของเย่หยวน แม้ระดับพลังของหลงซานจะมิได้สูงนัก แต่เขาที่รับหน้าที่พ่อบ้านประจำจวนของเย่หยวน กล่าวได้ว่าทรงอิทธิพลเกือบที่สุดแล้วในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งนี้
กระทั่งบารมีของผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสรองยังมิอาจเทียบเท่าเขาในยามนี้ได้เลย
หลังจากที่รับใช้เย่หยวนมาหลายปี ในที่สุดอีกฝ่ายก็คืนความเป็นอิสรภาพให้แก่เขาอีกครั้งง
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลงซานยิ่งรู้สึกผูกพันกับเย่หยวนแน่นแฟ่ยิ่งขึ้น
หลงซานตระหนักชัดแจ้งดีว่า เย่หยวนสามารถทำให้เขามีอนาคตที่สดใสไร้สิ้นสุดได้
ในเวลานี้เอง หลงซานเหลือบมองหลินตงเล็กน้อยและเค้นเสียงเย็นกล่าวไปว่า
“เจ้ากลับไปเสีย นายท่านไม่อยากเห็นหน้าเจ้า”
หลินตงในยามนี้เปี่ยมล้นความขมขื่นยิ่งภายในใจ เขาจะรู้ได้อย่างไรว่า แท้จริงแล้ว เย่หยวนจะเก็บซ่อนพรสวรรค์อันน่าประทับใจปานนี้?
ช่วงเวลาแห่งความลังเลของเขาในตอนนั้น ทำให้ผู้อาวุโสเย่ขุ่นเคืองใจจวบจนบัดนี้
หลินตงยิ้มอย่างขมขื่นใจ กล่าวว่า
“ท่านพ่อบ้านหลง ข้ารู้ดีว่าผู้อาวุโสเย่ไม่พอใจหลินคนนี้ แต่อย่างไรครั้งนี้ข้าก็มาเพื่อขอโทษ ท่านพ่อบ้านหลงโปรดเรียนเรื่องนี้ให้ผู้อาวุโสเย่ทราบ!”
หลงซานหาได้ปริปากกล่าวใดๆ อีก และปิดประตูใส่ต่อหน้าหลินตง
หลงซานเค้นเสียงเย็นกล่าวว่า
“ผู้พิทักษ์หลินในบางครั้ง…คนเราก็มีโอกาสเพียงครั้งเดียว หากพลาดแล้วมิอาจย้อนกลับไปแก้ไขได้อีก ดังนั้นอย่าลังเลเมื่อมีโอกาสเข้ามา เพราะนั้นจะเป็นการทำลายอนาคตของท่านเอง”
หลินตงกล่าวตอบพร้อมท่าทีสุดแสนโศกเศร้าว่า
“ท่านพ่อบ้านหลง เรื่องนี้เป็นความผิดของหลินคนนี้ เพียงแค่…”
หลงซานกล่าวขัดขึ้นทันทีว่า
“เพียงเพราะว่า ผู้อาวุโสใหญ่ทรงอิทธิพลเกินที่ท่านจะยั่วยุได้ใช่หรือไม่? ผู้พิทักษ์หลิน หากท่านเป็นนายท่านของข้า ท่านยังจะรับคนเช่นนี้มาอยู่ข้างกายหรือไม่? เป็นเพราะผู้อาวุโสใหญ่ทรงพลังเกินล้ำเส้น หากเป็นช่วงเวลาวิกฤต ท่านจะออกหน้าเข้ามาปกป้องนายท่านของข้าอย่างหาญกล้าหรือไม่? ท่านเพียงรอดูว่า ศึกระหว่างผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสรอง ใครกันที่เป็นฝ่ายชนะ จากนั้นจึงค่อยเลือกข้าง ท่านไม่คิดว่าเรื่องเช่นนี้มันน่าละอายใจเกินไปหน่อยรึ?”
หลินตงได้แต่อ้าปากค้างเติ่งอยู่แบบนั้น ท้ายที่สุดนี้ เขาก็มิอาจสรรหาถ้อยคำมาหักล้างได้เลย
หลงซานเอ่ยกล่าวเสียงเย็นว่า
“ผู้พิทักษ์หลิน ข้าเป็นเพียงคนรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น มิใช่ว่าข้าตั้งใจกลั่นแกล้งท่าน แต่ข้าเองก็พยายามไม่อยากสร้างปัญหาในอนาคตให้แก่นายท่านเช่นกัน ท่านเองก็เป็นถึงยอดเซียนราชันพระเจ้าผู้สูงส่งและสูงศักดิ์ เรื่องนี้โปรดเข้าใจข้าด้วย ท่านยังมีที่ไป แต่หากข้าสร้างปัญหาให้แก่นายท่าน จนเขาไล่ข้าออกมา กลับเป็นตัวข้าที่ไร้ที่ยืนในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งนี้!”
หลงซานเอ่ยกล่าววาจาเหล่านี้ออกไปตามจริง
หลินตงคลี่ยิ้มขื่นใจกล่าวว่า
“ติดตามผู้อาวุโสเย่ต่อไป ความสำเร็จของพ่อบ้านหลงจะมิได้อยู่ใต้หลินคนนี้แน่นอน! ข้ารบกวนพวกท่านมากแล้ว เช่นนั้นขอลา!”
สิ้นเสียงกล่าวจบ หลินตงก็จากไป
เย่หยวนที่สามารถหลอมกลั่นโอสถสุริยันจักรวาลขั้นเทวะโมฆะได้ การจะสร้างยอดเซียนราชันพระเจ้าสักคนนับเป็นเรื่องง่ายเกินไป
ลำพังแค่พรสวรรค์ของหลงซาน ไม่มีทางทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้เลย แต่หากติดตามนายดีอย่างเย่หยวน บางทีอีกฝ่ายอาจช่วยให้ความปรารถนาที่ไม่มีวันเป็นจริงสำเร็จได้!
หลงซานแง้มประตูออกเล็กน้อย พลางจับจ้องแผ่นหลังของหลินตงที่เดินลับออกไป
แท้ที่จริงแล้ว เขาเองก็ตระหนักเรื่องนี้ได้เช่นกัน
…
“เจ้าต้องการเข้าไปในหอยุทธ์เพื่อฝึกปรือ?”
ภายในห้องรับรองของจวนเย่หยวน ทันทีที่ซวนอี้ได้ยินว่า เย่หยวนต้องการจะเข้าไปในหอยุทธ์เพื่อฝึกฝน เขาก็อุทานลั่นด้วยความประหลาดใจ
ในฐานะผู้อาวุโส พวกเขาสามารถเข้าไปในหอโอสถหรือหอยุทธ์ได้ทุกๆร้อยปี
ณ ปัจจุบัน หอโอสถและหอยุทธ์ได้เปิดออกแล้ว จะมีเหลือศิษย์สาวกที่ถูกคัดเลือกมาอย่างดี มีสิทธิ์เข้าไปภายในนั้นเพื่อฝึกฝน
แต่ซวนอี้ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า แทนที่เย่หยวนจะเข้าหอโอสถเพื่อขัดกเกลาทักษะหลอมกลั่น แต่เขากลับตัดสินใจเข้าไปในหอยุทธ์
แลเห็นซวนอี้ปั้นหน้าประหลาดใจไม่คลายอ่อน เย่หยวนก็ยิ้มและกล่าวว่า
“ผู้อาวุโสรอง แล้วข้าจะเข้าหอโอสถไปให้มันได้อะไร?”
เมื่อซวนอี้ได้ยินแบบนั้นก็อดสำลักมิได้ ก่อนตระหนักได้ว่า แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย หากให้เย่หยวนเข้าไปในหอโอสถ
เพราะความแกร่งกล้าในศาสตร์แห่งอาโอสถของเย่หยวนก็แทบจะบรรลุถึงจุดสูงสุดแล้ว
ดังนั้นสิ่งที่อยู่ในหอโอสถโดยส่วนใหญ่ แทบจะไม่มีประโยชน์อันใดต่อตัวเขาอีกแล้ว
เย่หยวนสามารถหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะได้ คนที่มีความเข้าใจในระดับลึกซึ้งปานนี้กล่าวได้ว่ามีอยู่เพียงน้อยนิด
ซวนอี้คำนึงถึงเรื่องราวเหล่านี้ พลางหัวเราะกับตนเองกล่าวว่า
“เจ้าเด็กคนนี้ หากคนนอกได้ยินสิ่งที่เจ้ากล่าวไปเช่นนี้ พวกเขาจะคิดอย่างไรกัน? แต่…ที่เจ้ากล่าวไปก็ล้วนถูกต้อง หอโอสถแทบไม่มีประโยชน์ต่อเจ้าแล้ว”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ข้าได้ยินมาว่า มีแนวคิดแห่งห้วงมติอยู่ในหอยุทธ์ นี่เป็นความจริงรึ?”
สีหน้าของซวนอี้แปรเปลี่ยนไปทันที เขากล่าวขึ้นว่า
“เจ้าต้องการทำความเข้าใจต่อแนวคิดแห่งห้วงมิติ? ไม่มีทาง! นั้นอันตรายเกินไป!”
เย่หยวนเอ่ยถามด้วยความสงสัยขึ้นว่า
“ก็แค่ทำความเข้าใจมิใช่รึ? ไฉนถึงอันตรายได้?”
เหตุผลที่เขาวางแผนจะเข้าไปในหอยุทธ์ ก็เพื่อทำความเข้าใจต่อแนวคิดแห่งห้วงมิติ
ดูเหมือนว่า ระดับความเข้าใจของเขาจะบรรลุถึงคอขวดแล้ว แต่ยังไม่สามารถทะลวงฝ่าเลื่อนขั้นขึ้นไปได้
ฟังว่า ภายในหอยุทธ์แห่งนี้ มีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่สมบูรณ์ซ่อนอยู่ แค่คิดเห็นแบบนั้นก็ทำให้ใจเขาปั่นป่วนแล้ว แต่คาดไม่ถึงเลยว่า มันจะเร้นแฝงไปด้วยภัยอันตราย
ซวนอี้กล่าวว่า
“แนวคิดแห่งห้วงมิติเป็นมรดกที่บรรพชนแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ทิ้งเอาไว้ให้ ภายในนั้นกอปรไปด้วยแนวคิดแห่งห้วงมิติชั้นสวรรค์ระดับหนึ่งและชั้นสวรรค์ระดับสอง แต่กระบวนการทำความเข้าใจกลับอันตรายอย่างยิ่งยวด ก้าวพลาดไปครั้งเดียว เจ้าจะหลงทางอยู่ภายในนั้นและไม่มีวันกลับออกไปได้อีก”
เย่หยวนขมวดดคิ้วถักแน่น เอ่ยกล่าวด้วยความประหลาดใจขึ้นว่า
“มันอันตรายปานนั้นเชียวรึ?”
ซวนอี้พยักหน้าและกล่าวว่า
“แนวคิดแห่งห้วงมิติเป็นหนึ่งในสองแนวคิดระดับตำนาน คิดหรือว่าจะไม่เป็นอันตราย? หลังจากที่ท่านบรรพชนผู้นั้นทิ้งทวนมรดกชิ้นนี้ให้ เขาก็เอ่ยเตือนกับชนรุ่นหลังไว้ว่า พินิจไตร่ตรองให้ดีก่อนลงมือทำความเข้าใจ อย่างไรเสีย จะมีสักกี่คนที่สามารถทนต่อแนวคิดห้วงมิติอันเป็นตำนานได้ไหว? ทั้งเหล่าศิษย์สาวกหรือแม้แต่ระดับผู้อาวุโสจำนวนมากมายต่างแห่แหนกันเข้าไป แต่…ไม่มีใครสักคนที่กลับออกมาได้เลย! ต่อมามีศิษย์หลายต่อหลายคนไม่เชื่อเรื่องพรรค์นี้เป็นธรรมชาติและได้เข้าไป จนถึงตอนนี้ก็ไม่เห็นว่ามีใครสามารถกลับออกมาได้สักคน! สถานที่แห่งนั้นได้กลายมาเป็นสถานที่ต้องห้ามของเหล่าผู้คนแห่งหอยุทธ์ไปแล้ว”
เย่หยวนตื่นตะลึงยิ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาไม่คิดเลยว่า การจะทำความเข้าใจต่อแนวคิดแห่งห้วงมิติจะอันตรายปานนี้
เมื่อเห็นสีหน้าการแสดงออกของเย่หยวน ซวนอี้ก็พลางคิดไปว่าเย่หยวนกำลังหวาดกลัว เขายิ้มและกล่าวว่า
“เย่หยวน ความสามารถของเจ้าในศาสตร์แห่งโอสถน่าประทับใจยิ่งยวด ดังนั้นเจ้าควรมุ่งเน้นไปบนเส้นทางแห่งโอสถเถิด สิ่งนี้จะทำให้อนาคตของเจ้าไร้ขีดจำกัด! คิดจะจับปลาสองมือ เลือกเดินทั้งเส้นทางแห่งโอสถและเส้นทางแห่งการต่อสู้ ในท้ายที่สุดอาจกลับมามือเปล่า!”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของผู้อาวุโสรอง แต่ข้ายังมีหน้าที่สำคัญ ดังนั้น…หอยุทธ์แห่งนี้ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จักลองเข้าไปดู!”
ซวนอี้คิดไปว่าเย่หยวนจะเชื่อฟังคำเตือนของเขาไปแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าเย่หยวนจะทำหูทวนลม ทั้งยังยืนกรานที่จะเข้าไปในหอยุทธ์ให้ได้
ในที่สุด หอโอสถก็ถือกำเนิดยอดอัจฉริยะแห่งยุคจุติลงมา หากอีกฝ่ายประสบภัยในหอยุทธ์ นั้นคงเป็นความสูญเสียอย่างหาประเมินค่าไม่!
ไฉนเด็กหนุ่มคนนี้ถึงดื้อยิ่งนัก!
เย่หยวนเองก็มีแผนการของตนเองเช่นกัน ในมุมมองของผู้อาวุโสรอง ด้วยสถานะของเขายังมีผู้คนมากมายคอยปกป้อง
แต่สำหรับเย่หยวนแล้ว เขาไม่คิดที่จะพึ่งพาใคร
ตราบใดที่แข็งแกร่งพอ ย่อมสามารถปกป้องตนเองให้พ้นภัยได้!
นี่เป็นบทเรียนที่เขาเคยนำจ่ายออกไปด้วยเลือดเนื้อและชีวิต ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นซ้ำเป็นคำรบสองขึ้นได้อีก!
…………………………………