Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1654 กลิ้งให้ข้าดูหน่อย
ตอนที่ 1654 กลิ้งให้ข้าดูหน่อย
ที่ด้านหน้าหอหลักของกลุ่มเครือข่ายสวรรค์ มีคนมากมายกำลังค่อยๆ ทยอยกันเดินเข้าไปด้านใน
ผู้ที่เข้ามาในนี้ได้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าแทบทั้งสิ้น
สำหรับนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้านั้น พวกเขาไม่มีเงินทองมากพอที่จะซื้อได้แม้แต่เศษฝุ่นในการประมูลนี้
หากอยากเข้าร่วมงานประมูลของเมืองหลวงลาภสายน้ำ คนๆ นั้นก็ต้องรับการตรวจสอบก่อนว่ามีสินทรัพย์มากกว่าหมื่นล้านไม่เช่นนั้นจะไม่มีทางเข้ามาได้เลย
ยามเฝ้าทางเข้าหยุดเย่หยวนไว้และถามขึ้น “ขอตรวจบัตรเชิญด้วย”
เย่หยวนกำลังจะล้วนมือไปหยิบเหรียญตราสูงสุดออกมา ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ไปไกลๆ ไป! เป็นแค่เด็กน้อยอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ากลับอยากจะเข้ามาในงานประมูล จะประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว!”
คนที่พูดเรื่องนั้นออกมาเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาคือยักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาว
แต่ที่ด้านหลังของเขานั้นมีชายแก่อาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวตามมาด้วย
การที่สามารถมีนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวเป็นผู้ติดตามแบบนี้ ดูท่าภูมิหลังของเด็กหนุ่มคนนี้เองก็ไม่น่าจะธรรมดา
เย่หยวนขมวดคิ้วขึ้น คนแบบนี้ ไปที่ไหน ก็เจอทุกที่จริงๆ
เจ้าเข้างานของเจ้าไป ข้าก็เข้างานของข้า มีอะไรให้ต้องมาขัดขวางกันด้วย?
เด็กหนุ่มคนนั้นยื่นบัตรเชิญออกมาและบอกยามเฝ้าประตูคนนั้น “พวกเจ้ากลุ่มเครือข่ายสวรรค์นี่มันหละหลวมกันจริงๆ นี่คิดจะให้ใครเข้าไปก็ได้อย่างนั้นรึ? แค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าก็เข้ามาได้รึ?”
แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะสร้างเรื่องโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะจนโด่งดังไปทั่วทั้งเมือง แต่คนที่ได้เจอเย่หยวนต่อหน้าจริงๆ ก็ไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น
และยามคนนี้ก็ดูท่าจะไม่รู้จักเย่หยวนเลย
ยามที่รับบัตรเชิญไปก้มลงมองมันก่อนจะรีบก้มหัวลงทันที “กลายเป็นว่านี่คือนายน้อยจิงลู่แห่งเมืองจักรพรรดิทำนองสุริยะ ต้องขออภัย ต้องขออภัย ส่วนเรื่องที่นายน้อยจิงลู่ถามนั้น ตราบเท่าที่คนๆ นั้นมีบัตรเชิญจากกลุ่มเครือข่ายสวรรค์เขาก็สามารถเข้าร่วมงานประมูลได้ไม่มีข้อจำกัดเรื่องพลังบ่มเพาะขอรับ”
คำพูดของยามคนนี้ทำให้ทุกผู้คนรอบๆ แตกตื่นทันที
“นั่นหรือคือนายน้อยจิงลู่แห่งเมืองจักรพรรดิทำนองสุริยะ? ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นยอดอัจฉริยะไร้เปรียบ ตอนที่เขาเกิดออกมาเขาก็มีพลังบ่มเพาะระดับอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นกลางแล้ว และสามารถบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวได้ตอนที่อายุแค่ห้าร้อยปี!”
“ข้าเองก็ได้ยินมาเหมือนกัน ว่ากันว่าวันข้างหน้าเขาจะต้องได้กลายเป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์อย่างแน่นอน”
และก็มีอีกเสียงกระซิบขึ้น “แต่ข้าได้ยินว่านายน้อยจิงลู่นั้นมีนิสัยที่เกินจะทนชอบใช้อำนาจสถานะในการข่มขู่ผู้คน”
…
ชัดเจนเลยว่าชื่อเสียงของจิงลู่นั้นโด่งดังมากแค่ไหน ตอนนี้ผู้คนรอบๆ หลายเคยก็เริ่มพูดถึงเขาขึ้นมาแล้ว
เมื่อจิงลู่ได้ยินเสียงชื่นชมจากรอบตัว เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาในใจ เพราะเขานั้นชอบสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความอิจฉาริษยาแบบนี้มาก
“พวกเจ้าคงเบื่อจนถึงขั้นเชิญเด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าแบบนี้ใช่ไหม? เด็กน้อย เจ้ามีบัตรเชิญหรือไม่?” จิงลู่ถามเย่หยวน
เย่หยวนต้องกลั้นขำและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “บัตรเชิญ? ข้าไม่มีหรอก”
จิงลู่จึงยิ่งแสดงท่าทีอวดเก่งออกมาหนักกว่าเก่า “ไม่มีบัตรเชิญงั้นทำไมยังไม่รีบไสหัวไปอีก? อยากให้นายน้อยคนนี้ส่งเจ้ากลิ้งหลุนๆ ไปให้ไหม?”
เย่หยวนตอบกลับไป “กลิ้งยังไง? เจ้าลองกลิ้งให้ข้าดูหน่อยได้ไหม?”
จิงลู่เห็นว่าเย่หยวนดูถูกเขาเต็มประดาแบบนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันทีก่อนจะกล่าวขึ้น “พวกโง่ไร้สมองตาไม่มีแวว เป็นแค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้ากลับกล้ามาปากดีใส่นายน้อยคนนี้! เอาล่ะ นายน้อยคนนี้จะสอนเจ้าเองว่าการกลิ้งหลุนๆ มันเป็นยังไง!”
คนรอบๆ ต่างคิดว่าเย่หยวนนั้นไม่ฉลาดเอาเสียเลย
ทั้งๆ ที่พลังไม่เพียงพอแต่กลับกล้าต่อต้าน นี่มันไม่ใช่ความกล้าหาญ แต่มันคือความโง่งม
พูดจบจิงลู่ก็เตะเท้าใส่เย่หยวนทันที
ที่ด้านหลังจิงลู่ ชายแก่คนนั้นกำลังจ้องมองดูหนิงเทียนปิงอย่างไม่กระพริบตา
หากหนิงเทียนปิงคิดจะลงมือทำอะไร เขาก็จะเข้าไปหยุดไว้ในทันที
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตื่นตกใจมากที่สุดคือหนิงเทียนปิงไม่คิดที่จะขยับเลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน
เท้านี้มันแฝงไปด้วยพลังโลก มีหรือที่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าจะรับมันไว้ได้?
คนรอบๆ ต่างนึกภาพเท้านี้สังหารเย่หยวนลงในใจไปแล้ว
แต่ทว่าก่อนที่เท้านั้นจะเตะมาถึงเย่หยวน ร่างของเย่หยวนกลับหายไปจากที่ที่เขายืน
บึก!
หมัดหนักๆ มุ่งตรงเข้าหน้าจิงลู่!
หมัดนี้มันถูกซัดออกมาอย่างไม่ทันเห็น จิงลู่จึงลอยลิ่วออกไปไกลพร้อมกลิ้งไถลไปอีกหลายตลบก่อนจะหยุดลงในที่สุด
เรื่องราวนี้มันทำให้ทุกคนตื่นตกใจจนไม่รู้ต้องตอบสนองอย่างไร
“อะไรเนี่ย? อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าต่อยอาณาจักรราชันพระเจ้าปลิวได้?”
“ไม่นะ เดี๋ยว! ตาข้าต้องฝาดไปแน่ๆ เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้อย่างไร!”
“ไหนเขาว่าจิงลู่เป็นอัจฉริยะในรอบแสนปีไง? ทำไมมันอ่อนแอจัง?”
“เด็กคนนั้นเหมือนว่า… แนวคิดแห่งห้วงมิติ! พระเจ้าช่วย แนวคิดแห่งห้วงมิติจริงๆ ด้วย!”
…
ภาพนี้หนิงเทียนปิงได้เห็นมันจนชินชา แต่สำหรับคนอื่นๆ มันคงแปลกตาน่าตื่นเต้นมาก
อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าต่อยอาณาจักรราชันพระเจ้าจนปลิว ภาพนี้มันเกินความเข้าใจของทุกผู้คนไปมาก
“นี่เองรึวิธีกลิ้งน่ะ! ท่าทางดูไม่ได้เลยจริงๆ ข้าขอผ่านดีกว่า” เย่หยวนยิ้มกว้าง
จิงลู่พยายามลุกขึ้นมาก่อนที่จะใบหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปแทบทั้งหมด ตอนนี้เขามีหน้าตาเหมือนเด็กที่กำลังจะร้องไห้ออกมา เป็นภาพที่น่าสมเพชอย่างบอกไม่ถูก
เขาตะโกนลั่น “ลุงหวง ฆ่ามันให้ข้า! ข้าอยากให้มันตาย!”
ชายแก่คึนนั้นหันมากล่าวใส่เย่หยวน “เด็กน้อย เจ้ารนหาที่ตายเองนะ!”
เย่หยวนไม่คิดจะสนใจชายแก่และหยิบเหรียญตราสูงสุดออกมายื่นให้ยาม “ข้าไม่มีบัตรเชิญใดๆ แต่ข้ามีสิ่งนี้ พอจะเข้าไปได้ไหม?”
ยามคนนั้นเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก “เหรียญตราสูงสุด! น-นายใหญ่ ข้าน้อยผู้นี้มีตาหามีแววไม่ หากทำให้ท่านไม่พอใจต้องขออภัยเป็นอย่างสูง!”
เหรียญตราสูงสุดนี้เป็นบัตรเชิญระดับสูงสุดในการประมูลครั้งนี้ เหล่าคนที่ถูกเชิญล้วนแล้วแต่เป็นคนใหญ่คนโต
ด้วยตำแหน่งแค่ยามอย่างเขา เขาไม่มีทางกล้าไปลบหลู่คนเช่นนั้นได้เลย
เมื่อได้เห็นเหรียญตรานี้ หัวใจของเขาก็แทบจะร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ลุงหวงคนนั้นพุ่งตัวเข้ามาแต่เป็นยามที่พูดขึ้นมาขัดก่อน “หยุด! นายท่านผู้นี้นี่คือหนึ่งในแขกคนสำคัญของเมืองหลวงลาภสายน้ำ! หากพวกเจ้าคิดจะทำร้ายเขา เจ้าจะได้กลายเป็นศัตรูของสามขั้วอำนาจใหญ่ของเรา!”
ลุงหวงคนนั้นและจิงลู่ของเขาแทบไม่เชื่อหูตัวเองหลังได้ยิน
เพราะแค่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าคนหนึ่งแต่กลับเป็นถึงแขกสำคัญของเมืองหลวงลาภสายน้ำ?
จิงลู่จึงกล่าวขึ้นขู่ “เจ้ากล้าพูดกับข้าแบบนี้เลยรึ?”
แต่ยามคนนั้นไม่คิดจะถอยแม้แต่น้อย “ต้องขออภัย นายน้อยจิงลู่เองก็เป็นแขกคนสำคัญของเรา แต่เบื้องบนท่านสั่งกำชับมาไว้ว่าหากเห็นใครถือเหรียญตราสูงสุดนี้มาก็จงต้อนรับเขาด้วยมาตรฐานสูงสุด! หากนายกล้าทำร้ายนายท่านผู้นี้ ข้าก็คงได้แต่พูดว่าขออภัยแล้ว!”
ตอนนี้ไม่ใช่แค่จิงลู่ แม้แต่ผู้คนรอบๆ เองก็หันมามองเย่หยวนด้วยสายตาอันไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่าทำไมแค่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าคนหนึ่งกลับสามารถเป็นแขกผู้ทรงเกียรติได้?
“ฮึ่ม! แค่อาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวอย่างเจ้าจะทำอะไรได้? ลุงหวงท่านรออะไรอยู่ดี? จัดการมันสิ!”
ยามคนนี้เป็นแค่อาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวจริง จิงลู่จึงไม่คิดจะสนใจเขาเลยแม้แต่น้อยและหันไปสั่งให้ลุงหวงของเขาโจมตี
แต่ลุงหวงกลับลังเล
เพราะก่อนที่จะมาผู้อาวุโสใหญ่ได้สั่งการกำชับไว้อย่างดีว่าอย่าได้ไปสร้างเรื่องกับสามขั้วอำนาจใหญ่
เมืองหลวงลาภสายน้ำนั้นเป็นแค่เมืองหลวงกลางเขตความขัดแย้ง หากพวกเขาไม่มีเบื้องหลังที่ลึกล้ำมีหรือที่จะยืนยงมาได้จนทุกวันนี้?
รอบๆ เมืองหลวงลาภสายน้ำนั้นมีเมืองจักรพรรดิอยู่ทั้งหมดสามเมือง และหนึ่งในนั้นเองก็คือเมืองจักรพรรดิทำนองสุริยะ
แต่เมืองจักรพรรดิทั้งสามนั้นกลับมีอำนาจน้อยมากในเมืองหลวงลาภสายน้ำนี้
อาจจะเรียกได้ว่าเมืองหลวงลาภสายน้ำนี้เป็นจักรวรรดิย่อมๆ ของตัวเองเลย
ลุงหวงเองก็ไม่ใช่เด็กใจร้อนโง่งมเหมือนจิงลู่ เขารู้ดีว่าเรื่องราวเหล่านี้มันตึงเครียดมากแค่ไหน
การสังหารนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้านั้นไม่ยาก แต่อีกฝ่ายนั้นได้พูดออกมาอย่างชัดเจนแล้ว
เย่หยวนเป็นแขกคนสำคัญ!
เพราะแม้แต่พวกเขาที่มีสถานะแบบนี้ ก็ยังไม่มีปัญญาจะได้รับเกียรตินั้นเลย
เห็นก็รู้ได้เลยว่าเหรียญตรานี้มันมีความสำคัญมากแค่ไหน
ลุงหวงจึงพูดขึ้น “นายน้อย ช่างมันเถอะ! ไม่มีเรื่องไว้จะดีกว่า เราเข้าไปกันเถอะ!”