Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1655 จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้
ตอนที่ 1655 จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้
“ว-ว่ายังไงนะ?”
จิงลู่ถามขึ้นเพราะคิดว่าตัวเองอาจจะฟังผิดไป
ลุงหวง… เลือกที่จะถอย?
ที่นี่มันก็แค่เมืองหลวงเล็กๆ แห่งหนึ่งมิใช่หรือ? เขาจะกลัวอะไรนักหนา?
ลุงหวงคนนั้นดึงตัวจิงลู่ไปกระซิบบอก “มันมีเรื่องอะไรเดี๋ยวข้าจะเล่าให้ฟัง ที่นี่ไม่เหมาะจะคุย”
พูดจบเขาก็ลากตัวจิงลู่ไปด้านในหอจัดงานประมูลทันที
เมื่อทุกคนเห็นภาพนั้นพวกเขาต่างก็เริ่มคาดเดาถึงภูมิหลังของเย่หยวนกันไปต่างๆ นาๆ
ชัดเจนว่าเมืองจักรพรรดิทำนองสุริยะไม่กล้าท้าทายเมืองหลวงลาภสายน้ำ และเมืองหลวงลาภสายน้ำเองก็ไม่กล้าที่จะลบหลู่เย่หยวน
เมื่อคิดได้แบบนี้พวกเขาก็คาดเดาได้ทันทีว่าตัวตนของเย่หยวนมันยิ่งใหญ่เพียงใด
เด็กหนุ่มอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าคนนี้มันเป็นใครกันแน่?
ในฝูงชน จู่ๆ ก็เกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “เอ๋? นั่นมันเถ้าแก่เย่หยวนนี่? ทำไมยังไม่เข้ามาด้านในอีกเล่า? เดี๋ยวที่นั่งด้านในก็เต็มหมดหรอก”
เย่หยวนหันไปมองใบหน้าที่คุ้นตานั้น เขาเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่มาแวะซื้อโอสถของเย่หยวนไป
และดูท่าเขาคนนี้จะไม่รู้เลยว่าเมื่อสักครู่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
เย่หยวนยิ้มตอบ “เข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ เมื่อกี้มันมีเรื่องนิดๆ หน่อยๆ น่ะ”
อีกฝ่ายจึงกล่าวชวน “งั้นเข้าไปด้วยกันไหม?”
เย่หยวนตอบ “ได้สิ!”
“ฮ่าฮ่า ได้เดินเข้าไปคู่กับเถ้าแก่เย่หยวนแบบนี้ หลิวคนนี้ช่างโชคดีนัก!”
พูดจบคนทั้งสองก็เดินเข้าไปพร้อมๆ กันปล่อยให้คนที่อยู่ด้านหลังได้แต่ยืนงง
“นั่นมันหัวหน้าแก๊งสวรรค์เหิน หลิวฉางเทียนไม่ใช่รึ? เขาเป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้ทำตัวสุภาพกับเด็กน้อยคนนั้นมากขนาดนั้นกัน!”
“ข้าจำได้แล้ว! เมื่อหลายวันก่อนมีร้านขายโอสถที่โด่งดังไปทั่วเมืองอยู่ ถ้าจำไม่ผิดเจ้าของร้านนั้นจะมีนามว่าเย่หยวนนะ!”
“เป็นเขาจริงๆ รึ! ไม่แปลกใจเลย ไม่แปลกใจเลย เพราะต่อให้เป็นสามขั้วอำนาจใหญ่ก็ยังต้องไปต่อแถวอย่างเป็นระเบียบหน้าร้านเขา!”
“เฮอะ เฮอะ นายน้อยจิงดูท่าจะเตะท่อนเหล็กเข้าเสียแล้ว”
…
เย่หยวนและหลิวฉางเทียนเดินเข้ามาด้านในหอก่อนจะมีชายกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายทักคู่
เมื่อหลิวฉางเทียนได้เห็นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“ไม่นึกเลยว่าผู้นำหลี่แห่งพันธมิตรจะมาด้วยตัวเองแบบนี้!” หลิวฉางเทียนก้มลงทำความเคารพทันที
ผู้นำหลี่แห่งพันธมิตรนั้นย่อมเป็นผู้นำแห่งพันธมิตรดาบดวงดาว หลี่ซิง
หลิวฉางเทียนไม่เคยคิดเลยว่าเพราะแค่เรื่องงานประมูลแค่นี้ หลี่ซิงจะถึงขั้นออกมาด้วยตัวเองแบบนี้
หลี่ซิงยิ้มรับ “วันนี้เรามีแขกคนสำคัญมาไม่น้อย หลี่คนนี้เองจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องมาด้วยตัวเอง เถ้าแก่เย่หยวน เรื่องราวไม่น่าพึงประสงค์เมื่อสักครู่นี้มันเกิดขึ้นเพราะพันธมิตรดาบดวงดาวของเราจัดการได้ไม่ดีพอ ขอเถ้าแก่เย่โปรดอย่าใส่ใจมันให้มากเลย”
ได้ยินแบบนั้นหลิวฉางเทียนก็ยิ่งเบิกตากว้าง
หลี่ซิงนั้นเป็นคนระดับไหน? แต่เขากลับทำตัวแสนสุภาพอ่อนน้อมต่อนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าคนนี้!
ดูท่าภูมิหลังของเย่หยวนคนนี้จะไม่ธรรมดากว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก!
เย่หยวนเองนั้นไม่เคยเจอกับหลี่ซิงมาก่อน แต่เมื่อได้ยินคำพูดของคนทั้งสองเขาก็คาดเดาได้ทันทีว่านี่คือผู้นำแห่งพันธมิตรดาบดวงดาว
“แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ข้าไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจอยู่แล้ว” เย่หยวนตอบไปด้วยท่าทางสบายๆ
เพราะทางหลิวฉางเทียนเองก็ไม่รู้เลยว่าในใจของหลี่ซิงเองก็ตื่นตระหนกไม่น้อยเช่นกัน
เย่หยวนคนนี้มีพลังบ่มเพาะแค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าแต่กลับสามารถต่อยจิงลู่ที่มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวปลิวได้ด้วยหมัดเดียว! มีหรือที่เขาจะไม่ตระหนก?
บางทีเขาคนนี้นี่แหละที่จะเป็นยอดอัจฉริยะของจริง!
เมื่อเทียบกับเย่หยวนแล้ว จิงลู่ที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะนั้นก็เป็นได้แค่กบในกะลาที่ไม่รู้จำคำว่าผืนฟ้าอันกว้างใหญ่!
นภาสวรรค์?
นภาสวรรค์แล้วมันจะทำไม?
ในสายตาของยอดฝีมืออาณาจักรเทพสวรรค์หรืออาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้น อาณาจักรนภาสวรรค์เป็นไม่ได้แม้แต่มดปลวกเสียด้วยซ้ำ
หลี่ซิงกล่าว “น้องหลิว ข้าคงไปส่งเจ้าต่อไม่ได้ต้องขอเชิญเจ้าเข้าไปก่อนเลย เถ้าแก่เย่หยวน ข้าจะนำทางท่านไปยังห้องรับรองสูงสุดเอง ที่นั่นมันคงไม่มีใครสามารถมากวนใจท่านได้แน่”
หลิวฉางเทียนหน้าเสียเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น “เชิญพวกท่านตามสบาย!”
งานประมูลนี้มีจะการจัดที่นั่งแบ่งเป็นสี่เขต เขตสวรรค์ เขตปฐพี เขตคน สามระดับ และก็อีกหนึ่งเขตที่ปกติแล้วจะไม่มีการเปิดใช้นั่นคือเขตสูงสุด
แต่คราวนี้พวกเขากลับเปิดใช้งานเขตนั้นขึ้นมา
และสิ่งที่ทำให้หลิวฉางเทียนตกตะลึงที่สุดก็คือผู้ที่ได้เข้าไปยังเขตนั้นกลับเป็นแค่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า!
แม้แต่คนระดับตำแหน่งและฝีมืออย่างหลิวฉางเทียนยังได้เข้าแค่เขตปฐพี
หลี่ซิงนำเย่หยวนมาถึงห้องรับรองสูงสุด พื้นที่ด้านในนั้นเป็นห้วงส่วนตัวที่กว้างขวาง เต็มไปด้วยสิ่งของประดับประดาสวยงาม
ที่ตรงกลางห้องมีโต๊ะไม้โบราณเรียบๆ วางอยู่ตัวหนึ่ง แค่มองครั้งเดียวเย่หยวนก็รู้ได้ทันทีว่ามันทำมาจากไม้วิญญาณเก้าสวรรค์ มีราคาที่ไม่สามารถประเมินได้เลย
ส่วนบนโต๊ะตัวนั้นมันก็มีขนมและเครื่องดื่มจัดวางไว้อย่างเรียบร้อย
ที่ด้านข้างเองก็มีสาวรับใช้ใบหน้างดงามยืนเรียงแถวกันอยู่ถึงสี่คน
ส่วนที่ด้านหน้าเป็นจอแสงที่แสดงให้เห็นถึงงานประมูลที่ด้านล่างอย่างชัดเจน
เรียกได้ว่ามันเป็นทุกสิ่งที่สะท้อนออกมาว่าผู้ใช้ห้องนี้นั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน
“เถ้าแก่เย่หยวน ในงานครั้งนี้ข้าคงหาจัดเตรียมให้ท่านได้แค่นี้ ต้องขอให้ท่านลำบากใช้ห้องที่สี่นี้ไปก่อน” หลี่ซิงกล่าว
เย่หยวนทำหน้าเหมือนคนแก่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานแสนนาน ไม่แสดงอารมณ์อาการใดๆ ออกมาแม้แต่น้อยและตอบกลับไปอย่างเรียบเฉย “ข้าคงทำให้ท่านผู้นำพันธมิตรหลี่ลำบากแล้ว ท่านกลับไปทำธุระของตัวเองต่อเถิด”
หลี่ซิงตอบกลับมา “ขอรับ เช่นนั้นหลี่คนนี้ขอตัวลา หากเถ้าแก่เย่หยวนต้องการสิ่งใด โปรดบอกให้เหล่าสาวใช้ออกไปเรียกข้าได้”
พูดจบหลี่ซิงก็จากไป
เมื่อออกมาได้ตู้หมิงเหลียงก็เดินเข้ามาหาหลี่ซิงและถาม “ว่ายังไงบ้างท่านผู้นำพันธมิตร?”
หลี่ซิงมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ “ไม่สนใจไม่ว่าจะถูกกล่าวว่าหรือได้รับคำชื่นชม คำพูดเรียบเฉยตลอดเวลา มีความอดทนอันสูงส่ง ภูมิหลังของเขาไม่มีทางเลยที่จะเล็กน้อย! คนเช่นนี้ไม่ใช่คนที่เราจะหวังเชื่อมสายสัมพันธ์ได้ แค่ส่งเขากลับได้อย่างดีก็พอแล้วตอนนี้”
ตู้หมิงเหลียงนั้นตื่นตระหนกมาก เขาไม่คิดเลยว่าผู้นำพันธมิตรจะประเมินเย่หยวนไปสูงถึงขั้นนั้น
…
สิ่งที่หลี่ซิงได้เห็นทั้งหมดนั้นล้วนเป็นสิ่งที่เย่หยวนต้องการจะแสดง
การแสดงพลังฝีมือที่หน้าประตูนั้นไม่ใช่เพื่อระบายอารมณ์ส่วนตัว แต่เป็นการแสดงเพื่อบอกสามขั้วอำนาจว่าตัวเขานั้นมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา
มีหรือที่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าจะข้ามอาณาจักรขึ้นไปชนะอาณาจักรราชันพระเจ้าได้?
เป้าหมายของเขานั้นเรียบง่ายมาก มันคือศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุด
เพราะหากผู้คนรู้ว่าเขาแค่มาจากเมืองจักรพรรดิไร้ชื่อเมืองหนึ่ง ด้วยตัวเขาตอนนี้เขาคงต้องถูกจ้องมองด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความโลภแน่
ถึงแม้ตัวเย่หยวนเองจะไม่กลัว แต่เขาก็คงต้องลืมเรื่องศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดไปได้เลย
เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงเลือกที่จะสร้างตัวตนที่แสนยิ่งใหญ่ขึ้น เขาจะประกาศออกมาให้ทุกคนคิดว่าภูมิหลังของเขานั้นมันยิ่งใหญ่จนเกินต้านทาน
หากทำเช่นนี้ ก็จะไม่มีใครคิดกล้าทำอะไรต่อเขา
แต่เย่หยวนเองก็สัมผัสได้ถึงความยุ่งเหยิงที่แท้จริงของเมืองหลวงลาภสายน้ำบ้างแล้ว
สิ่งที่อยู่หลังขั้วอำนาจทั้งสามนั้นมันคงเป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์แน่
ที่สำคัญมันไม่น่าจะใช่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ธรรมดาๆ ด้วย
ไม่เช่นนั้นนายน้อยของเมืองจักรพรรดิทำนองสุริยะคงไม่ทำตัวว่าง่ายขนาดนั้นแน่
ไม่นานนักแสงหน้าจอก็สว่างขึ้น ก่อนจะเผยให้เห็นชายแก่คนหนึ่งเดินออกมาบนเวที “ทุกท่าน เฒ่าคนนี้มีนามว่าเจียงเจิ้นเทา ข้าได้รับเชิญจากเมืองหลวงลาภสายน้ำให้มาเป็นผู้จัดการประมูลในวันนี้ ทุกท่านโปรดจงวางใจได้ สิ่งของทุกชิ้นที่ขึ้นประมูลในครานี้เฒ่าคนนี้ได้ตรวจสอบมันมาจนหมดแล้ว พวกมันทุกชิ้นเป็นของจริงไม่มีปลอมแปลง ที่สำคัญเฒ่าคนนี้เชื่อเลยว่าของทุกชิ้นที่ขึ้นประมูลวันนี้มันจะไม่ทำให้ท่านทั้งหลายผิดหวังแน่”
ชายชราคนนั้นแนะนำตัวจบก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นทัก “เจียงเจิ้นเทา! หรือจะเป็นคนตระกูลเจียง?”
เจียงเจิ้นเทายกมือขึ้นมาลูบหนวดของตัวเองด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว เฒ่าคนนี้คือทายาทจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ ศิษย์แห่งตระกูลเจียง!”
พูดจบเขาก็ปล่อยคลื่นพลังปราณออกมาจากร่าง ส่งผลให้พลังลึกลับปกคลุมไปทั่วหอ
“ปราณเทวะเฉียนจี้! นี่มันคนตระกูลเจียงจริงๆ ด้วย!”
“เมื่อปราณเทวะเฉียนจี้ปรากฏออกมาเช่นนี้ของจริงก็ย่อมแยกจากของปลอมได้อย่างง่ายดาย! กลายเป็นว่าเฒ่าเจียงคนนี้เป็นคนตระกูลเจียงอย่างแท้จริง ต้องขออภัย! ต้องขออภัย!”
“ฮ่าฮ่า เมื่อมีผู้อาวุโสเจียงพวกเราก็วางใจได้เลย!”
เมื่อทุกคนได้เห็นปราณเทวะเฉียนจี้นั้นพวกเขาก็เริ่มทำความเคารพคารวะชายชราทันที