Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1675 อาณาจักรใหม่!
ตอนที่ 1675 อาณาจักรใหม่!
“นี่พวกเจ้าว่า เจ้าหมอนี่มันคงไม่ได้เดินออกมาจากม่านหมอกหรอกใช่หรือไม่?”
“เป็นไปได้! ตำแหน่งที่เขานั่งเองก็อยู่ที่ชายขอบหมอกเช่นกัน แถมตอนนี้เส้นทางก็ยังไม่เปิด ไม่มีทางเลยที่จะเข้ามาจากด้านนอกได้”
“อืม แค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าไม่มีทางหรอกที่จะซ่อนตัวเข้ามาในหมู่เราได้”
“แล้วอัจฉริยะแบบนี้มันโผล่ออกมาจากที่ไหนกัน? ฟ้าของมหาพิภพถงเทียนจะเปลี่ยนสีแล้วหรือ? การบรรลุของอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าถึงได้สร้างความโกลาหลได้มากมายขนาดนี้!”
“ใช่ไหมล่ะ? ต่อให้เจ้ากับข้าบรรลุพร้อมๆ กันมันก็ไม่มีทางเลยที่เราจะสร้างความโกลาหลที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ได้! ดูท่าทางของเขาตอนนี้สิ ดูท่าคงไม่ยอมปล่อยง่ายๆ จนกว่าจะกลืนพลังวิญญาณของพื้นที่นี้ทั้งหมดไป!”
…
เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ต่างมองดูเย่หยวนในพายุนั้นด้วยความแปลกใจสงสัยอย่างถึงที่สุด
ลึกลับเกินไป แปลกประหลาดเกินไป มันทำให้หัวใจคนคันยิก อยากจะรู้เสียเหลือเกินว่าใครกันแน่ที่กำลังบรรลุอยู่ตรงหน้านี้
และในเวลาเดียวกันนี้ภายในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนเองก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเช่นกัน
พลังวิญญาณจำนวนมหาศาลกำลังหลั่งไหลเข้ามาในร่างของเขาจากทุกทิศทางจนเข้ามารวมกับทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์
ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นเป็นเหมือนกับหลุมที่ไร้ก้น ไม่ว่าจะดูดซับพลังเข้ามามากแค่ไหนมันก็ไม่เต็มเสียที
เดิมทีทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนนั้นมันคงที่ไปแล้ว พูดตรงๆ คือมันไม่น่าจะรับปราณเทวะใดๆ ได้อีก
แต่ทว่าในครานี้ปราณเทวะในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขากลับค่อยๆ หนืดขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปตามวรยุทธการบ่มเพาะระดับ 4
การเปลี่ยนแปลงนี้มันเหมือนกับกังหันน้ำที่ค่อยๆ หมุนเปลี่ยนให้ปราณเทวะหนืดขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้ายหลังจากเย่หยวนทำการหลอมรวมปราณเทวะจำนวนมหาศาล มันจึงได้รวมกันกลางเป็นน้ำวน
น้ำวนนี้มันเหมือนกันหลุมดำที่จะดูดกลืนปราณเทวะเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
ตอนนี้ที่ด้านในตัวของเย่หยวนเองก็ค่อยๆ เกิดพายุหนืดขึ้นมา
หากพูดเรื่องขนาดแล้ว พายุหนืดนี้มันเล็กกว่าก่อน แต่กลับมีความหนาแน่นของปราณเทวะมากกว่าเก่านับร้อยเท่า
ตู้ม…
คลื่นพลังอันน่าเกรงขามถูกปลดปล่อยออกมาจากพายุ พุ่งขึ้นสู่ท้องนภาในทันที
พลังของเย่หยวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ภายในพายุนั้น
ในที่สุดเขาก็ผ่านช่วงคอขวดของอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าและเข้าสู่เส้นทางอาณาจักรพระเจ้าอันใหม่!
เย่หยวนเบิกตาโพลงด้วยนัยน์ตาที่ส่องแสงสว่างแห่งการบรรลุ
แต่ดวงตานั้นกลับเปี่ยมไปด้วยความตื่นตกใจ
ตอนนี้พายุดำค่อยๆ จางหายไป เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ทั้งหลายจึงเบิกตากว้าง จะรอดูว่าคนที่ก่อเรื่องได้ขนาดนี้มันเป็นใครมาจากไหนมีหน้าตาอย่างไร
ฟุบ!
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เห็นว่าร่างนั้นคือใคร ร่างนั้นก็กลับพุ่งตัวถอยหลังกลับเข้าไปในม่านหมอกทันที
นั่นทำให้เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ที่มารอดูต้องร่ำร้องออกมาอย่างสุดจะทน
“เด็กคนนี้มันเจ้าเล่ห์นัก หนีไปแล้ว!”
“บ้าเอ้ย เด็กคนนี้มันเจ้าเล่ห์เกินไป! มาทำให้คนสงสัยแล้วก็จากไปทั้งๆ อย่างนั้น!”
“เด็กเวร เจ้ากลับมาหาพ่อเจ้าเดี๋ยวนี้นะ! นี่เจ้าจะไม่รับผิดชอบอะไรหน่อยรึ! ขอให้เจ้าไม่ได้ตายดี!”
“เจ้าบ้านี่ มันกลับเข้าไปในม่านหมอกจริงๆ ด้วย มันทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?”
“เด็กคนนี้มันจะลึกลับเกินไปแล้ว! อ้า ข้าไม่ไหวแล้ว อยากรู้จริงๆ ว่ามันเป็นใครกันแน่?!”
…
ตอนนี้เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ทั้งหลายต่างรู้สึกเหมือนเวลาได้ดูหนังสุดลุ้นระทึก คิดว่าความลับทั้งหมดจะเปิดเผยตอนท้ายเรื่อง
แต่ก่อนที่หนังจะทันได้เฉลยเรื่องราว ไฟดันมาดับไปต่อหน้าต่อตา
ความรู้สึกแบบนั้นมันทำให้คนแทบคลั่ง มีแต่คนที่เคยเจอมันมาเท่านั้นที่จะเข้าใจได้
หากเย่หยวนปรากฏตัวออกไปตอนนี้เขาคงถูกเหล่าอาณาจักรนภาสวรรค์จับตัวไปถามไถ่อะไรต่อมิอะไร
แต่ว่าเย่หยวนนั้นไม่อยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับพวกยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์สักเท่าไหร่ในตอนนี้
เขารู้ดีว่าเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ ที่สำคัญเขายังผ่านม่านหมอกขึ้นมาอีก มันคงทำให้คนสงสัยและสนใจอย่างมาก
เมื่อใดก็ตามที่เขาเปิดเผยตัว มันจะมีปัญหาตามมามากมาย
พวกเขาทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ เย่หยวนในตอนนี้ไม่พอที่จะรับมือกับพวกเขาได้เลย
หากมีคนคิดไม่ดีปะปนอยู่แค่คนเดียว อยากเอาเขาไปทำเป็นหนูทดลองหรืออย่างเปลี่ยนเขาให้เป็นสมบัติ เรื่องนั้นมันคงไม่ดีนัก
ส่วนเรื่องความคาใจของพวกเขาทั้งหลายนั้นเย่หยวนไม่สนใจแม้แต่น้อย
ช่างแม่งสิ!
แน่นอนว่าที่เย่หยวนระวังตัวขนาดนี้มันเป็นเพราะเขาเองก็มีเรื่องที่ต้องจัดการอยู่เหมือนกัน
เพราะตอนนี้เขาได้บรรลุขึ้นสู่อาณาจักรใหม่เอี่ยม ต่างจากที่เคยมีมาอย่างสิ้นเชิง!
เย่หยวนต้องการจะรู้เสียก่อนว่าตัวเองนั้นบรรลุเข้ามาในอาณาจักรแบบไหนกันแน่
การสร้างวรยุทธบ่มเพาะขึ้นมาเองนั้นทุกอย่างมันช่างว่างเปล่า
หลังจากบรรลุแล้วจะเป็นยังไง แม้แต่ตัวผู้สร้างอย่างเย่หยวนก็ไม่สามารถรู้แน่ชัดได้
ทุกอย่างมันมีแต่ต้องให้เขาไปลุยดูเอาเอง
เมื่อเข้ามาในม่านหมอกแล้วเย่หยวนก็หากที่โล่งเพื่อจะได้ตรวจสอบร่างกายของตัวเองในตอนนี้
ในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขา มันมีพายุหนืดกำลังหมุนอยู่อย่างเป็นระบบ เหมือนเป็นกลุ่มหมู่ดาว
แต่เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ว่าปราณเทวะของเขาในตอนนี้มันต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
ส่วนเรื่องที่ว่าต่างยังไงนั้น เย่หยวนเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
ตอนนี้ขนาดของปราณเทวะหนืดเหล่านั้นมันเล็กลงมาก แค่ประมาณหนึ่งในสี่ของขนาดเดิม
แต่ปริมาณที่มันเก็บไว้กลับมากกว่าเก่านับร้อยเท่า!
เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ว่าพายุหยืดนี้มันช่างลึกลับ มันกำลังค่อยๆ นวดรวมปราณเทวะหนืดเข้าไปเรื่อยๆ
เขานั้นดูดกลืนพลังวิญญาณมาเป็นปราณเทวะอย่างมากมาย แต่ขนาดของมันกลับน้อยลงเสียอย่างนั้น
ที่สำคัญตอนนี้เย่หยวนรู้สึกด้วยซ้ำว่าทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองก็มีขนาดเล็กลงด้วย!
การบรรลุขึ้นอาณาจักรราชันพระเจ้าของคนอื่นๆ นั้นคือการเปลี่ยนทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นโลกใบเล็ก
แต่ส่วนตัวเขานั้น ไม่ใช่แค่ทะเลจะไม่ใหญ่ขึ้น มันกลับหดเล็กลงเสียอย่างนั้น
“หืม? นี่มันอะไรกัน?”
เย่หยวนรู้สึกได้ว่ามีลายแปลกๆ กำลังล้อมรอบพายุหนืดนั้นไว้
“ลายพวกนี้… เหมือนกับลายที่มันอยู่บนกายเจ้าเลยนี่!” หวู่เฉินบอก
เย่หยวนเองก็ลองพิจารณาดูดีๆ ก่อนจะพบว่ามันเป็นเช่นนั้นจริง!
แต่การจะศึกษามันคงต้องใช้เวลาอีกมาก และเขาเองก็ไม่รู้ด้วยว่าลายพวกนี้มันมีประโยชน์หรือความหมายอะไร
“อะไร… ข้าอยู่ในอาณาจักรอะไรกัน? เหมือนว่า… เรียกมันว่าอาณาจักรราชันพระเจ้าคงไม่ถูกนักใช่ไหม?” เย่หยวนยิ้มแห้งๆ ออกมา
การเปิดโลกใบเล็กและปกครองโลกหล้า นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าราชันพระเจ้า
แต่เย่หยวนนั้นไม่มีโลกใบเล็กใดๆ จึงไม่สามารถจะเรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรราชันพระเจ้า
หวู่เฉินมองดูอย่างไม่รู้ต้องตอบอย่างไร “เส้นทางของเจ้ามันมีแต่ความไม่แน่นอนคาดเดาไม่เคยได้ แต่ข้ารู้สึกได้เลยว่าอาณาจักรนี้ของเจ้ามันยิ่งใหญ่! บางที… เส้นทางที่เจ้าเดินนี้อาจจะถูกและคนอื่น… ช่างเถอะ เจ้าตั้งชื่อมันเสียสิ”
เย่หยวนยิ้มแห้งๆ ออกมาเพราะความคิดที่ว่าคนทั้งโลกผิดและตัวเองถูกอยู่คนเดียว
เขาคิดไปพักหนึ่งก่อนจะบอก “ตอนนี้มันมีพายุเกิดขึ้นในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของข้า งั้นมาเรียกมันว่าอาณาจักรวายุพระเจ้าก็แล้วกัน!”
หวู่เฉินพยักหน้าออกมาเมื่อได้ยิน “อาณาจักรวายุพระเจ้า ชื่อดี หึๆ ชายแก่คนนี้ล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าเส้นทางนี้มันจะพาเจ้าเดินไปจนถึงที่แห่งใดกันแน่!”
เย่หยวนหัวเราะร่า “ข้าบอกไม่ได้หรอกว่าจะเดินไปถึงไหน แต่ตอนนี้ข้าชักอยากจะลองดูเสียแล้วสิ อยากลองดูจริงๆ ว่าอาณาจักรวายุพระเจ้ามันจะแข็งแกร่งแค่ไหน!”
หวู่เฉินเงียบไปทันทีที่ได้ยินก่อนจะถามขึ้น “อยากลอง?”
เย่หยวนยิ้มและตอบ “เรามีเป้าเดินได้รออยู่แล้วนี่? หึๆ กลับกันเถอะ”
หวู่เฉินนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาอย่างรู้ความหมาย
เมื่อคนพวกนั้นได้เห็นเย่หยวนกลับไป พวกเขาคงต้องตื่นเต้นตกใจอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ๆ