Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1688 โยนลงนรกฟอกเทพ
ตอนที่ 1688 โยนลงนรกฟอกเทพ
“อ-อะไรนะ?! ท-ท่านเจ้าเมืองเชิญมาขึ้นรับตำแหน่งเอง?”
“บ้าน่า! มัน… มันมีความสามารถใดกัน?”
“ต่อให้มันจะบรรลุมาได้ การจะให้ขึ้นเป็นผู้อาวุโสใหญ่นี่มันก็จะเกินไปหน่อยไหม? ข้าไม่ยอมรับ!”
…
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสได้ยินคำพูดของโซชูเจีย พวกเขาต่างแสดงความตื่นตกใจกันออกมาในรูปแบบต่างๆ กัน
เด็กน้อยที่เพิ่งจะบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้ามาได้หมาดๆ การจะให้คนเช่นนั้นขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสใหญ่แห่งหอโอสถนั้นมันคงจะเป็นการดูถูกตำแหน่งนั้นเกินไปหน่อยแล้ว
พวกเขาไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมท่านเจ้าเมืองถึงได้ประเมินเย่หยวนไว้สูงขนาดนั้น
หรงซูนั้นมีจิตใจที่ไม่ยอมรับอย่างเต็มที่ แค่ให้ซวนอี้มายืนเหยียบหัวเขามันก็เป็นเรื่องที่น่าชิงชังมากพอแล้ว
ตอนนี้กลับจะให้เย่หยวนขึ้นมาเหยียบแทน มันยิ่งทำให้เขาทนไม่ได้หนักเข้าไปใหญ่
เขากัดฟันแน่นก่อนจะบอก “ท่านเจ้าเมือง เรื่องนี้… ข้าไม่ยอมรับ! เด็กอาณาจักรราชันพระเจ้าที่เพิ่งจะบรรลุมาได้ จะให้คนเช่นนี้มาเป็นผู้อาวุโสใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ มันจะไม่เป็นการล้อเล่นที่หนักไปหน่อยหรือ?”
โซชูเจียหันไปมองเขาและกล่าว “ผู้อาวุโสใหญ่นั้นคือผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเก่งกาจ ไม่เช่นนั้นมีหรือที่ผู้คนจะยอมรับได้? การเชิญเย่หยวนขึ้นรับตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่นี้มันก็หมายความว่าเย่หยวนมีความสามารถพอ เพราะฝีมือของเขามันดีพอที่จะชักจูงผู้คนให้ยอมรับได้!”
ทุกคนต่างแสดงใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อคำพูดนั้นออกมาเมื่อได้ยินมัน
เพราะเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายนี้ต่างเป็นยอดจอมเทพโอสถ พวกเขาไม่ใช่คนที่จะโดนหลอกได้ง่ายๆ
ต่อให้คนผู้นั้นจะสามารถหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามได้จนถึงขั้นเหนือฟ้าขนาดไหน มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำแบบนั้นได้กับโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่
เหมือนอย่างวิชายุทธก็เช่นกัน ความแตกต่างระหว่างนักยุทธระดับสามกับนักยุทธระดับสี่นั้นมันเหมือนฟ้ากับเหว
และความต่างนี้มันต้องใช้เวลาข้าม
โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ มันเป็นโอสถที่ต้องใช้พลังโลกในการช่วยหลอม
และวิชาทักษะที่จะหลอมนั้นมันก็ไม่สามารถฝึกฝนให้ชำนาญได้ง่ายๆ ด้วยเวลาแค่สองสามวัน
พลังฝีมือด้านโอสถของเย่หยวนนั้นไร้ที่เปรียบ ไม่มีใครสงสัยว่าเขาจะหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ขึ้นสูงได้ในวันข้างหน้าเหมือนที่เขาทำกับโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม
แต่อย่างมากสุดตอนนี้เย่หยวนก็เพิ่งจะบรรลุมาได้ไม่กี่สิบปี มีหรือที่เขาจะมีความรู้ด้านโอสถระดับสี่มากมายปานนั้น?
หรงซูแสดงสีหน้ที่ไม่ยอมรับอย่างเต็มที่ “ท่านเจ้าเมืองจะบอกว่าความสามารถด้านโอสถของเย่หยวนนั้นอยู่เหนือล้ำข้าไปแล้ว? หรงซูไม่ยอมรับ! ข้าขอท้าเขาดวล!”
โซชูเจียยิ้ม “ไม่ต้อง! ให้เจ้าได้เห็นเลยแล้วจะเข้าใจเอง! เจิ่งชี!”
ตอนนั้นเองที่มีร่างหนึ่งเดินเข้ามาในโถงอีกครา และเขาคนนั้นก็คือเจิ่งชีที่หายหน้าหายตาไปนานแสนนาน!
เมื่อได้เห็นเจิ่งชี ทุกคนต่างแสดงสีหน้าที่แตกต่างกันออกมา
“อาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าว! ผู้อาวุโสใหญ่เจิ่งชี เขา… เขาบรรลุแล้ว?”
“แถมเจ้าอาการบาดเจ็บทั้งหลายที่เขามียังไม่เหลืออยู่แม้แต่น้อย!”
“นี่… จะบอกว่าเป็นฝีมือเย่หยวน? บ้าน่า”
…
เมื่อทุกคนได้เห็นเจิ่งชี สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันควัน
อย่าว่าแต่อาการบาดเจ็บที่หายดี เขาถึงขั้นบรรลุ!
เจิ่งชีค่อยๆ เดินเข้ามาในห้องโถง ท่าทางอ่อนโรยแรงเมื่อก่อนหายไปจนสิ้น ตอนนี้ร่างของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังงาน
เขายกมือขึ้นมากล่าวคารวะโซชูเจียและเหอชง “ขอคารวะท่านเจ้าเมืองและยอดผู้อาวุโส”
โซชูเจียค่อยๆ พยักหน้า “เย่หยวนนั้นรักษาอาการบาดเจ็บของเจิ่งชีจนสิ้น ทั้งยังช่วยให้เขาบรรลุอาณาจักรขึ้นได้ด้วย ความสามารถนี้ของเย่หยวน ซวนอี้เองก็ถึงกับออกปากยอมแพ้เอง เพราะเช่นนั้นเขาถึงได้เลือกที่จะลงจากตำแหน่ง พวกเจ้า… ยังมีใครจะค้านหรือไม่?”
เหล่าผู้อาวุโสต่างหันมองหน้ากัน ได้แต่ตื่นตกใจกับเรื่องราวอันแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในวันนี้
ก่อนที่จะมา พวกเขายังเอาแต่ด่าว่าเย่หยวนไม่มีหน้าออกมาสู้ผู้คน
แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มคนนั้นกลับเดินขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสใหญ่
แต่สิ่งที่พวกเขาทั้งหลายตื่นตกใจที่สุดก็คือการที่เย่หยวนเพิ่งจะบรรลุมาได้ไม่นานแต่กลับชนะซวนอี้ได้อย่างขาดลอยแล้ว
ความสามารถที่ล้นเหลือนี้ มันไม่แปลกเลยหากจะให้เขาเป็นผู้อาวุโสใหญ่
แต่ว่า… หรงซูนั้นหน้าชา
เมื่อได้เห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรอีกแล้วโซชูเจียก็บอก “เดิมทีเย่หยวนนั้นออกจากตำแหน่งและไม่อยากจะกลับเข้ามาอีก เมื่อวานข้าได้เจอกับเย่หยวนและพูดคุยกันจนในที่สุดเขาก็ยอมรับ จากวันนี้ไป เย่หยวนคือผู้อาวุโสใหญ่แห่งหอโอสถ คอยดูแลเรื่องราวทั้งหลายในหอโอสถ และให้ซวนอี้เป็นผู้อาวุโสที่สอง หรงซูเป็นผู้อาวุโสที่สามไปตามลำดับ”
พูดจบโซชูเจียก็หันมาหาเย่หยวน “เย่หยวน งานทั้งหลายของหอโอสถข้าขอฝากเจ้าดูแลด้วยในวันข้างหน้า แต่ว่าหน้ที่หลักของเจ้าก็ยังคงเป็นการบ่มเพาะพลังนะ เพราะยังไงเสียเจ้าก็คืออนาคตของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เรา!”
เย่หยวนยิ้มรับ “ท่านเจ้าเมืองโปรดวางใจ เย่หยวนเตรียมใจมาพร้อมแล้ว”
โซชูเจียนั้นไม่ได้พูดยกยอเย่หยวนเลยว่าเขาต้องพูดจาหว่านล้อมเย่หยวนอย่างมาจนเย่หยวนยอม
เพราะสำหรับเย่หยวนแล้ว การกลับมาที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้หลักๆ มันก็เป็นเพียงแค่การกลับมารอสัญญาห้าร้อยปีกับพวกลี่เอ้อเท่านั้น
แต่เย่หยวนก็ผูกพันกับเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้ไม่น้อย อย่างน้อยๆ ที่นี่ก็มีคนที่เขานับเป็นเพื่อนอยู่หลายคน
ที่สำคัญกว่านั้นเย่หยวนยังเข้าใจด้วยว่าที่ตอนนั้นเขาได้ขึ้นเป็นผู้อาวุโสหอโอสถนั้นมันเป็นเรื่องที่โซชูเจียคอยสั่งการอยู่เบื้องหลัง
หากไม่ได้ตำแหน่งนี้มา เขาก็คงต้องรอไปอีกนานแสนนานกว่าจะได้โอกาสใดๆ ในการแก้แค้นฉินเซียว
สุดท้าย มันจึงนับว่าเขาติดหนี้โซชูเจียอยู่
เพราะฉะนั้นเขาจึงยอมรับเรื่องที่จะขึ้นเป็นผู้อาวุโสใหญ่ในที่สุด
เย่หยวนรู้ดีว่าตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่นั้นมันไม่ใช่ตำแหน่งที่สบายนัก แต่เขาเองก็ไม่ได้ลำบากใจมากมาย
หรงซูนั้นมีปัญญาจะกดดันซวนอี้ แต่หากอยากกดดันเขา กดดันเย่หยวนคนนี้ มันคงยากหน่อย
ที่สำคัญต่อหน้ากำลังที่แท้จริง แผนการอุบายใดๆ มันก็เป็นได้แค่ของเล่น!
เพราะในด้านโอสถแล้ว เย่หยวนมั่นใจมากขนาดนั้น
โซชูเจียบอก “ได้เช่นนั้นข้าก็วางใจ เอาล่ะ เรื่องราวในครั้งนี้ถือว่าจบลงเท่านี้!”
พูดจบโซชูเจียและเหอชงก็เดินจากไปทันที ทิ้งทุกคนไว้ด้วยใบหน้าที่ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวตรงหน้า
หรงซูหันไปมองเย่หยวนและหันหน้าเดินจากไป
“หยุด! ใครอนุญาตให้เจ้ากลับ?” เย่หยวนถาม
หรงซูหันมามองดว้ยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยเพลิงแค้น “เย่หยวน เจ้าอย่าได้ใจไปนัก!”
เย่หยวนมองหน้าหรงซูและบอก “เขาว่ากันไม่ผิดจริงๆ ที่ว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมในตอนนั้นซ่งฉีหยางผู้เป็นศิษย์ถึงได้กล้าทำเรื่องเสียมารยาทต่อผู้อาวุโสอย่างข้าในวันนั้น ที่แท้มันก็ถูกอาจารย์อย่างเจ้าสั่งสอนมาอย่างดีนี่เอง! คำของท่านเจ้าเมือง เจ้าคงไม่ได้ยินกระมัง?”
หรงซูนั้นโกรธจนเกินกว่าที่จะทนไหวจนต้องตะโกนลั่น “หากชายแก่คนนี้อยากไป เจ้ามีปัญญาจะมาหยุดรึ?”
พูดจบเขาก็หันหน้าเดินจากโถงใหญ่ไปทันที
แต่เป็นเวลานั้นเองที่เล่งหยูและเจิ่งชีลุกขึ้นพร้อมๆ กันและเข้ามาปิดทางหรงซูไว้จากทั้งซ้ายขวา
นี่คือพลังของยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าว พลังที่ปล่อยออกมาจากร่างของทั้งสองนั้นมันทำให้หรงซูหน้าเสียทีทัน
เขานึกขึ้นมาได้แล้วว่าตอนนี้ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวเป็นคนสนิทของเย่หยวน
เย่หยวนบอก “พี่เล่งหยู ท่านนั้นเป็นผู้อาวุโสใหญ่แห่งหอยุทธ ท่านน่าจะพอแนะนำข้าได้ว่าหากมีใครขัดขืนคำสั่งผู้อาวุโสใหญ่ต้องโดนอะไรใช่หรือไม่?”
เล่งหยูยิ้มขึ้นและตอบ “นอกจากท่านเจ้าเมืองและยอดผู้อาวุโสแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่ถือว่ามีอำนาจสูงสุดห้ามต่อต้านขัดขืน หากมีใครคิดต่อต้านก็จงโยนมันลงในนรกฟอกเทพเสีย!”
นรกฟอกเทพนั้นคือพื้นที่ในหอยุทธ เป็นมิติที่ถูกสร้างไว้เพื่อขังนักโทษโดยเฉพาะ
ตอนนี้ฉินเซียวเองก็กำลังถูกขังอยู่ในนรกฟอกเทพเช่นกัน
หรงซูเปลี่ยนสีหน้าทันทีและหันมาหาเย่หยวน “เย่หยวน เจ้ากล้ารึ?!”
เย่หยวนได้แต่หัวเพราะออกมา “ทำไมข้าจะไม่กล้า? วันนี้เป็นวันแรกที่ข้าได้รับตำแหน่งแต่เจ้าก็ต้อนรับข้าแบบนี้เสียแล้ว หากปล่อยไปแบบนี้ข้าจะยังเป็นผู้อาวุโสใหญ่ได้อย่างไรอีก? พี่เล่ง พี่เจิ่ง เอามันไปโยนลงนรกฟอกเทพขังไว้เป็นเวลาสามเดือนเพื่อเป็นการลงโทษ!”