Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1689 คำร้องขอโอสถจากตระกูลหนิง
ตอนที่ 1689 คำร้องขอโอสถจากตระกูลหนิง
“เย่หยวนเจ้ารอก่อนเถอะ! อย่าคิดว่าได้เป็นผู้อาวุโสใหญ่แล้วจะทำอะไรก็ได้นะ!”
เสียงของหรงซูลอยไกลออกไปเรื่อยๆ จากนั้นห้องโถงทั้งหมดก็ตกอยู่ในความเงียบงันทันที ตอนนี้แม้แต่เสียงเหรียญตกลงพื้นก็คงดังจนทุกคนได้ยิน
เวลาหลายหมื่นปีมานี้ไม่มีใครกล้าที่จะโยนหรงซูลงนรกฟอกเทพมาก่อน แต่เย่หยวนกลับกล้าที่จะทำมัน!
หรงซูเป็นใคร?
เขาคือยอดคนที่ดูแลเรื่องราวในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มาหลายหมื่นปี
ต่อให้เป็นอดีตผู้อาวุโสใหญ่เจิ่งชีก็ไม่กล้าที่จะว่ากล่าวเขาใดๆ มากนัก
และเอาเข้าจริงเจิ่งชีนั้นมีเรื่องราวไม่พอใจกับหรงซูมาแต่เก่าก่อนมากมาย เพียงแค่ว่าเขานั้นยอมเลือกที่จะกลืนความไม่พอใจเหล่านั้นลงคอไปอย่างไม่ปริปากบ่น
เพราะยังไงเสียหอยุทธก็ต้องการความช่วยเหลือสนับสนุนจากหอโอสถอย่างมาก
ต่อให้เป็นซวนอี้ที่ขึ้นมารับจำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่แทน เรื่องราวภายในจริงๆ มันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากมาย
เล่งหยูนั้นไม่พอใจหรงซูมาก แต่ก็ไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไรกับตัวเขาตรงๆ
แต่วันนี้เย่หยวนกลับกล้าที่จะลงมือทำ!
การขังไว้ในนรกฟอกเทพสามเดือนนั้นเป็นเวลาที่ไม่นานเลย แต่ไม่ว่าจะยังไงการลงโทษนี้มันก็เป็นการลงโทษที่แสนจะรุนแรงอยู่ดี
ที่สำคัญกว่าก็คือสำหรับหรงซูแล้ว คนที่ยิ่งใหญ่ถือยศศักดิ์แบบเขาแล้ว มันจะเป็นความอับอายที่หาใดมาเปรียบไม่ได้
หลังออกมาแล้วเขาจะยังมีหน้าไปสู้ผู้คนได้อย่างไร?
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายต่างหันมามองเย่หยวนด้วยสายตาที่สุดสะพรึง
ทุกคนรู้ดีว่าการเปลี่ยนหัวหน้านั้นมันย่อมส่งผลความเปลี่ยนแปลงต่อภาพรวมขององค์กรไป แต่การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มันจะไม่รุนแรงไปหน่อยหรือ?
เพราะตำแหน่งของหรงซูในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งนี้มันแสนจะยิ่งใหญ่ กลุ่มก้อนของเขานั้นฝังรากลึกลงไปจนถึงแก่นของเมือง แค่โยนเขาลงนรกฟอกเทพนั้นมันไม่มีทางที่จะขุดรากถอนโคนอำนาจของเขาได้เลย
เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ข้างหรงซูต่างหันมามองเย่หยวนอย่างไม่เป็นมิตร
ผู้อาวุโสใหญ่คนใหม่นี้ยังขาดประสบการณ์ไปมาก เขาคิดจริงๆ หรือว่าจะล้มหรงซูได้จริง?
แต่เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย เขาแค่นั่งลงบนที่นั่งทรงเกียรติและหันไปมองหน้ทุกผู้คนก่อนจะเปิดปากขึ้นพูด “จากวันนี้ไป หากมีใครกล้าขัดขืนหัวหน้าของตนพวกมันจะต้องรับโทษเดียวกับหรงซู! นอกจากนั้นผู้อาวุโสคนนี้เพิ่งจะขึ้นรับตำแหน่ง ข้าจึงต้องการจะแจกจ่ายผลประโยชน์ให้แก่ทุกคนไป จากวันนี้เป็นเวลาสามเดือน เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายสามารถมาหาข้าเพื่อใช้แต้มความดีแลกกับการให้ข้าหลอมโอสถให้ได้! พวกเจ้าจะให้ข้าหลอมโอสถให้ศิษย์ของพวกเจ้าก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน!”
เมื่อเย่หยวนบอกไปเช่นนั้นเขาก็พบว่าเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายต่างแสดงท่าทีไม่สนใจออกมา ไม่มีใครคิดที่จะมาหาเขาเพื่อขอให้หลอมโอสถให้แน่
แต่แม้สถานการณ์เช่นนี้ เย่หยวนก็คาดเดาถึงมันไว้หมดแล้ว
หรงซูนั้นมีเส้นสายที่ลึกลงในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้มาก เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายนั้นไม่ว่าจะมาจากหอยุทธหรือหอโอสถต่างไม่กล้าที่จะลบหลู่เขา
เพราะตอนนี้สงครามเพิ่งเริ่มยังไม่มีท่าทีว่าใครจะแพ้หรือชนะ มีหรือที่พวกเขาจะกล้าเสี่ยงเลือกข้างไปก่อนแต่แรกแบบนั้น?
แต่เป็นเวลานั้นเองที่หนิงจื่อหยวนที่เงียบมาตลอดการประชุมเปิดปากขึ้นถามเย่หยวนด้วยสีหน้าแสนตื่นเต้น “ผู้อาวุโสใหญ่ ข้าสงสัยว่า… ท่านจะสามารถหลอมโอสถทะยานสมุทรแยกมิติได้หรือไม่?”
เย่หยวนหันไปมองหนิงจื่อหยวนอย่างตกใจเล็กน้อย เพราะเขาไม่คิดว่าคนที่เข้ามาหาในครานี้คนแรกจะเป็นเขา
เพราะการที่ลุกขึ้นมาถามเช่นนี้มันก็เท่ากับว่าเขาไม่ไว้หน้าหรงซูแล้ว
แต่หากลองคิดดู เย่หยวนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย
เพราะเทียบกับการแตกหักกับหรงซูแล้ว หนิงจื่อหยวนนั้นเลือกที่จะเพิ่มพลังของตนแทน
เมื่อมาถึงระดับหนิงจื่อหยวน มันก็มีโอสถไม่กี่อย่างที่จะเพิ่มพลังฝีมือของเขาไปได้
และหนึ่งในนั้นก็คือโอสถทะยานสมุทรแยกมิตินี้นี่เอง
เมื่อมาถึงอาณาจักรราชันพระเจ้าแล้วทุกสิ่งอย่างต่างไม่พึ่งพาพลังปราณอีกต่อไป สิ่งที่พวกเขาทั้งหลายต้องพัฒนานั้นคือพลังโลก
หนิงจื่อหยวนนั้นหยุดติดที่อาณาจักรราชันพระเจ้าแปดดาวมานานหลายต่อหลายปี และไม่มีทีท่าว่าจะบรรลุขึ้นอาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวได้เสียที
เขานั้นไปหาหรงซูหลายต่อหลายคราเพื่อให้อีกฝ่ายช่วยหลอมโอสถทะยานสมุทรแยกมิติ หรงซูลองดูหลายครั้งแต่ก็ล้มเหลวมาตลอด
นี่คือโอสถที่มีระดับความยากเจ็ด ต่อให้เป็นซวนอี้หรือหรงซูมันก็ไม่ง่ายเลยที่จะหลอมให้สำเร็จ
เย่หยวนหันไปมองหนิงจื่อหยวนและบอก “เจ้าไปเตรียมยาสมุนไพรและมาหาข้าวันพรุ่งนี้เถอะ เอาล่ะ แยกย้าย”
หนิงจื่อหยวนนั้นเป็นคนเจ้าเล่ห์มากแผนการและมีแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่เขาจะตื่นเต้นจริงๆ
แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขานั้นเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด
“เฮอะ ผู้อาวุโสหนิง เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเขาจะหลอมโอสถทะยานสมุทรแยกมิติให้เจ้าได้? ถึงตอนนั้นหากเขาหลอมไม่ได้ตระกูลหนิงเจ้าคงได้มีเรื่องน่าดูชม!”
“อืม ผู้อาวุโสหนิง ครั้งนี้เจ้าทำอะไรบ้าบิ่นเกินไปจริงๆ”
“ผู้อาวุโสหนิง ข้าล่ะสงสารท่านจับใจ!”
…
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายต่างเดินออกมาแสดงความเสียใจกับความโชคร้ายของหนิงจื่อหยวนในครั้งนี้
พวกเขานั้นไม่มีใครเชื่อว่าเย่หยวนจะสามารถหลอมโอสถทะยานสมุทรแยกมิติได้
และจริงๆ เย่หยวนก็ไม่ใช่คนที่รักษาเจิ่งชีเสียด้วยซ้ำ
คนส่วนใหญ่นั้นล้วนแล้วแต่คิดว่าเย่หยวนไปเจอสมบัติที่ช่วยฟื้นพลังชีพระหว่างที่เดินทางและนำมันมาใช้ช่วยรักษาให้เจิ่งชี จนถึงขั้นบรรลุขึ้นมาได้
หากจะบอกว่าเย่หยวนหลอมโอสถแสนยากเช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ พวกเขาทั้งหลายนี้ต่างไม่มีใครเชื่อ
แต่เรื่องนี้หนิงจื่อหยวนนั้นแค่ยิ้มตอบ
เพราะด้วยความที่เขามีหนิงเทียนปิงอยู่ด้วย มันจึงทำให้เขารู้ถึงขอบเขตความสามารถของเย่หยวนที่เจ้าโง่พวกนี้ไม่มีทางคาดคิดถึงได้
…
ในวันต่อมา หนิงจื่อหยวนมาหาเย่หยวนจริงๆ
เย่หยวนมองดูภาพของหนิงจื่อหยวนที่มีท่าทางลังเลไม่น้อยก่อนจะบอก “มีอะไรก็พูดมาเถอะ ข้าไม่ชอบการทำอะไรอ้อมค้อม”
หนิงจื่อหยวนนั้นดูท่าทางเขินอายขึ้นมาหน่อยก่อนจะบอก “ผู้อาวุโสใหญ่ คือว่าเรื่องนี้ มันมีคนในตระกูลเราที่ได้ยินว่าผู้อาวุโสใหญ่จะหลอมโอสถให้เอง จึงอยากจะขอให้ท่านช่วยหลอมให้ด้วย ข้าคิดว่า…”
เย่หยวนมองดูหนิงจื่อหยวนอีกครั้ง อีกฝ่ายนั้นอดทนไม่ได้ที่ต้องรู้สึกผิดขึ้นมาหน่อยๆ ราวกับว่าตัวเองถูกเย่หยวนมองจนทะลุ
คนตระกูลหนิงขอให้เขาหลอมโอสถให้?
เรื่องทั้งหมดมันคงไม่พ้นเป็นการตัดสินใจของหนิงจื่อหยวนแค่คนเดียวใช่ไหม?
เขานั้นอยากจะเพิ่มพลังให้กับตระกูล แต่ก็กลัวที่จะไปทำให้เย่หยวนไม่พอใจเลยพูดออกมาแบบนี้แทน
เย่หยวนตอบ “ข้าสัญญาไปแล้วข้าย่อมไม่ผิดคำ เจ้าทิ้งยาสมุนไพรทั้งหมดที่จำเป็นไว้เถอะ ข้าจะหักแต้มความดีค่าหลอมทั้งหมดจากเจ้าและห้าวันจากนี้ เจ้าจงมารับโอสถไป”
เมื่อหนิงจื่อหยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็ดีใจจนเนื้อเต้น “ขอบพระคุณมากผู้อาวุโสใหญ่!”
หลังจากหนิงจื่อหยวนจากไป หนิงเทียนปิงก็ปรากฏกายออกมาและขอบคุณเย่หยวนด้วยอีกแรง “ขอบพระคุณนายใหญ่ที่ไม่เก็บเรื่องเก่าก่อนมาคิดแค้น และช่วยหลอมโอสถให้แก่ตระกูลหนิงตามคำขอ”
เย่หยวนยิ้ม “จริงๆ ผู้นำตระกูลเจ้าเองก็ช่วยข้าไว้ไม่น้อยในครานี้ ไม่เช่นนั้นทางตันตรงหน้ามันก็คงยังยากจะแก้ไข”
หนิงเทียนปิงบอกมาด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนั้นล้วนแล้วแต่เป็นน้ำใจที่นายใหญ่มีต่อตระกูลหนิง เมื่อมีโอกาสเช่นนี้ตกอยู่ตรงหน้า ท่านผู้นำตระกูลย่อมจะคิดถึงอนาคตของตระกูลหนิงมากกว่าสิ่งใด ท่านผู้นำนั้นติดอยู่ในอาณาจักรราชันพระเจ้าแปดดาวมานานแสนนานหลายหมื่นปีแต่ก็ยังไม่สามารถจะบรรลุได้ หากพลาดโอกาสนี้ไปมันก็คงเป็นการยากแล้วที่จะบรรลุอีก! ด้วยนิสัยอย่างเขามีหรือที่จะปล่อยให้มันหลุดมือ?”
เย่หยวนหันไปมองหนิงเทียนปิงและพยักหน้า “การบ่มเพาะของเจ้าช่วงนี้เองก็พัฒนาไปได้ไม่เลว!”
หนิงเทียนปิงตอบด้วยรอยยิ้ม “นี่นายใหญ่กำลังชมตัวเองหรือ? ทั้งหมดนี้มันย่อมเกิดขึ้นได้เพราะโอสถของนายใหญ่ทั้งสิ้น! หลังจากนายใหญ่บรรลุขึ้นเป็นจอมเทพโอสถสี่ดาวแล้วความเร็วการบ่มเพาะของข้ามันก็พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด! หากเป็นแบบนี้ต่อไป ข้าคงสามารถเข้าโจมตีฐานอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวได้ในห้าสิบปีนี้แน่!”
หลายวันมานี้ เย่หยวนได้หลอมโอสถไม่น้อยให้แก่หนิงเทียนปิง
หนิงเทียนปิงกินโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่เหล่านั้นเข้าไปแล้วก็รู้สึกได้ราวกับว่ามันเป็นโอสถวิเศษที่ช่วยพัฒนาพลังของเขาอย่างก้าวกระโดด ตอนนี้เขากลายมาเป็นราชันพระเจ้าสี่ดาวชั้นกลางแล้ว
ความเร็วการบ่มเพาะนี้คงเรียกได้ว่ามันรวดเร็วจนเกินอาณาจักรราชันพระเจ้าไปมาก
ไม่นานเวลานับเดือนก็ได้ผ่านพ้นไป เปลี่ยนเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ