Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1704 หักขาแล้วโยนทิ้ง!
ตอนที่ 1704 หักขาแล้วโยนทิ้ง!
“บอด? เฮอะ! เจ้าสิตาบอด!”
เจียนหยู่นั้นโกรธแค้นทันทีที่ได้ยินคำนั้น เพราะอยู่ดีๆ ไอ้เจ้าหมอนี่ก็แช่งให้เขาตาบอด!
แต่จริงๆ แล้วเย่หยวนไม่ได้แช่งใครทั้งสิ้น แต่เรื่องที่ว่าศาสตร์ของเจียนหยู่นั่นอ่อนแอจนไปเกินไปนั้นก็เป็นเรื่องจริง
เพราะหากมันเป็นเจียนเจิ้นเทา หากเขาหันมาตั้งใจมองเย่หยวนเมื่อใดตาของเขาก็จะบอดลงไปทันที
แต่เป็นเพราะชายคนนี้มันไม่มีความสามารถมากพอจึงไม่รู้สถานการณ์ที่แท้จริง ทำให้มันเป็นเหมือนว่าเย่หยวนนั้นไม่ติดอันดับใดๆ
พ่อของเด็กสาวคนนั้นเองก็ไม่ต่างกัน
เย่หยวนหันไปมองและโบกมือไล่ “นายน้อยคนนี้จะดูดวง หากพวกเจ้าอยากดูด้วยก็ไปรอต่อแถว อย่าได้ส่งเสียงรบกวนวุ่นวาย หากไม่ได้มาดูก็ไปไกลๆ อย่าได้มาเต้นแร้งเต้นกาสร้างความรำคาญแถวนี้”
เจียนหยู่หรี่ตาลงทันทีที่ได้ยินและถาม “เด็กน้อย มาที่เจ้ามาดูดวงที่นี่มันเท่ากับฝ่าฝืนข้อห้ามของข้า! เจ้ากล้าจะต่อต้านตระกูลเจียนเรารึ?”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็แทบกลั้นขำไม่อยู่ “ข้อห้าม? จะบอกว่าเจ้าห้ามไม่ให้ข้ามาดูดวงที่นี่อย่างนั้นรึ?”
เจียนหยู่หรี่ตาแคบลงก่อนจะหันไปมองที่เด็กสาวแทน “เสี่ยวหรานเจ้า…เจ้าลองบอกมันหน่อยสิว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นอย่างไร?”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นทันทีก่อนจะหันไปหาเด็กสาว
หรานเอ๋อนั้นดูเหมือนกระต่ายตัวน้อยที่ตื่นกลัว สีหน้าของนางนั้นซีดเผือด ทำให้ผู้คนที่ได้พบเห็นต้องรู้สึกอยากปกป้องดูแลทันทีที่ได้เห็น
เมื่อเห็นว่าเย่หยวนกำลังมองมาด้วยความสงสัย หรานเอ๋อก็บอกด้วยเสียงสั่นๆ “นายท่าน ข้า…ขอโทษ มันเป็นความผิดหรานเอ๋อเองที่ทำร้ายท่าน! ท่าน…ท่านรีบหลบหนีไปเถอะ ไม่เช่นนั้น…ไม่เช่นนั้นพวกมันจะหักขาท่าน! นายน้อยเจียนหยู่นั้นมาเตือนเราพ่อลูกก่อนหน้านี้ว่าหากมีใครมาดูดวงรับคำทำนายจากเรา เขาจะหักขามันผู้นั้นทิ้ง!”
เจียนหยู่มองดูด้วยรอยยิ้มเยาะ “ได้ยินไหมเด็กน้อย? อย่าได้มาโทษว่านายน้อยผู้นี้เลย หากอยากโทษใครก็ไปโทษเสี่ยวหรานนู่น! เอา จัดการ ไปหักขาไอ้เด็กน้อยคนนี้ให้ข้าหน่อย!”
เหล่าลูกน้อยทั้งหลายของเขายกมือยกไม้ขึ้นมาทำท่าทางพร้อมหาเรื่องเต็มที่ก่อนจะเข้ามาล้อมพวกเขาไว้
คนรอบๆ ที่เห็นภาพนั้นได้แต่แสดงสีหน้าสุดเอือมระอาออกมา
“เฮ้อ เด็กคนนี้มันโชคร้ายจริงๆ ดันเผลอไปทำให้จอมมารเจียนหยู่โกรธเช่นนี้ได้”
“เสี่ยวหรานเองก็น่าสงสารเสียจริงๆ ทั้งพ่อทั้งลูกต่างถูกผลักให้เข้าตาจนเช่นนั้น!”
“ใครไปทำให้จอมมารอย่างเจียนหยู่มาต้องตาเด็กน้อยเสี่ยวหรานคนนี้กัน? พวกเขาไปทำบาปกรรมใดมาหนอ?!”
…
ดูท่าแล้วคนรอบๆ เองก็คงเกรงกลัวเจียนหยู่คนนี้อยู่ไม่น้อย
ตอนนั้นเองที่จู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาตรงเข้าหาเจียนหยู่!
“เจียนหยู่ ข้าจางห่าวเทียนขอสู้กับเจ้าให้มันตายกันไปข้าง ต่อให้ต้องตายข้าก็ไม่ยกเสี่ยวหรานให้คนอย่างเจ้า!”
นี่เป็นการโจมตีที่แสนฉับพลัน ทุกคนไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นทำให้เจียนหยู่หน้าเสียไปไม่น้อย
ปัง!
จู่ๆ ก็มีอีกร่างเดินออกมารับหน้าเจียนหยู่ไว้ และต่อยส่งร่างของจางห่าวเทียนจนลอยกระเด็น
จางห่าวเทียนลงไปนอนกองกับพื้นโดยมีเลือดหลั่งไหลออกมาไม่หยุด
จางห่าวเทียนนั้นเป็นเพียงแค่นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาว แถมยังขาเสียไปข้าง
ลูกน้องคนเจียนหยู่แต่ละคนนั้นอย่างน้อยๆ ก็มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาว มีหรือที่จางห่าวเทียนจะยังสู้ได้?
เมื่อเย่หยวนได้เห็นเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น
ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นรวมๆ กับคำพูดที่คุยกัน ตอนนี้เขาจึงพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว
เจียนหยู่คนนี้คงเกิดชอบพอในหน้าตาจางเสี่ยวหรานและอยากได้ตัวนางไป แต่ทั้งจางห่าวเทียนและจางเสี่ยวหรานกลับไม่คิดที่จะยอมง่ายๆ
เพราะเช่นนั้นเจียนหยู่จึงได้พยายามผลักไม่ให้พ่อลูกคู่นี้ได้เปิดร้าน แถมยังไม่หยุดที่จะระรานพวกเขาด้วยการตั้งกฎโง่ๆ อย่างการหักขาทุกคนที่เข้ามารับคำทำนาย
เมื่อพ่อลูกคู่นี้ไม่มีปัญญาจะหาเลี้ยงชีพ สุดท้ายพวกเขาก็ต้องยอมจำนน
แน่นอนว่าจางเสี่ยวหรานนั้นไม่คิดที่จะยอมรับมัน นางจึงใช้โอกาสที่เจียนหยู่ไม่อยู่ในการดึงเย่หยวนเข้าร้านมารับการทำนาย
นางแค่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเจียนหยู่นั้นได้ปล่อยกำลังคนจับตาดูไว้ตลอด เมื่อเย่หยวนนั่งลง เขาก็รู้ได้ทันที
เย่หยวนจึงถูกดึงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวในครั้งนี้อย่างไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้นเช่นนี้
“จางห่าวเทียน เจ้ารนหาที่ตายเสียแล้ว! พวกเจ้าไปจัดการหักขาไอ้เด็กคนนี้ให้ข้า จากนั้นก็อุ้มทั้งพ่อทั้งลูกคู่นี้ไปให้ข้าด้วย!” เจียนหยู่ตะโกนอย่างโกรธแค้น
“ขอรับ!” เหล่าลูกน้องทั้งหลายต่างรับคำสั่งและมุ่งหน้าเข้ามาหาเย่หยวนราวกับหมาบ้าที่จ้องจะกัดเหยื่อ
เย่หยวนจึงบอก “เทียนปิง จัดการพวกมันทั้งหมดแล้วเอาไปโยนทิ้งที!”
“ขอรับนายใหญ่!”
หนิงเทียนปิงตอบกลับไปและปล่อยคลื่นพลังของยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวออกมาจนทำให้หน้าของคนที่อยู่รอบๆ ต้องเปลี่ยนสี
ตอนที่เข้าเมืองมาเย่หยวนไม่อยากจะทำตัวเด่นนัก เขาจึงได้บอกให้หนิงเทียนปิงปกปิดคลื่นพลังไว้
เจียนหยู่นั้นได้เห็นว่าพลังของหนิงเทียนปิงนั้นไม่ได้เก่งกาจมากมาย จึงกล้าที่จะวางตัวกร่างได้ขนาดนี้
เขาแค่นึกไม่ถึงว่าจริงๆ แล้วหนิงเทียนปิงจะเป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวด้วยอายุเพียงเท่านี้!
หลายปีที่ผ่านมานี้พลังบ่มเพาะของหนิงเทียนปิงนั้นเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดตามการพัฒนาของเย่หยวนมา ตอนนี้เขาได้บรรลุผ่านขึ้นมาเป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และเมื่อเขาลงมือ มีหรือที่เหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นต้นเหล่านี้จะรับมือได้?
เสียงร่ำร้องอันโหยหวนดังก้องไปทั่วบริเวณ ตอนนี้ถนนทั้งเส้นมีสภาพที่สุดแสนจะเละเทะ
หนิงเทียนปิงนั้นไม่ได้สังหารใครลง เขาแค่หักขาของพวกนั้นทั้งหลายลงก็เท่านั้น
เหล่าคนรับใช้ของตระกูลจึงได้แต่นอนกองลงกับพื้นเช่นนั้นอย่างไม่มีทางขัดขืน ได้แต่ร่ำไห้อย่างไม่มีหยุด
เหล่าผู้คนที่มองดูอยู่ไกลๆ ได้แต่ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
“เด็กคนนี้มันเป็นใครมาจากไหนกัน? ถึงกับจะยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวเป็นผู้ติดตามได้!”
“ตลกเสียจริงๆ เด็กคนนี้มันไม่มีอนาคตใดๆ และเป็นได้แค่ขยะ แต่กลับมีผู้ติดตามเป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาว!”
“คงเพราะทั้งเขาและตระกูลของเขาไม่รู้ถึงเรื่องนี้แหละมั้ง? การมาถึงเมืองจักรพรรดิเลิศประกายในวันนี้คนทำให้ตัวตนที่แท้จริงของเขาเปิดเผยออกมา”
…
ระหว่างที่พวกเขาชื่นชมพลังฝีมือของหนิงเทียนปิงไป เหล่าหมอดูคนอื่นๆ ก็ได้แต่สงสัยในตัวเย่หยวนมากขึ้นกว่าเก่า
หลายๆ คนพยายามใช้ปราณเทวะของตัวเองเพื่อเพ่งมองดูชะตาเย่หยวน แต่ก็พบเพียงแค่ว่ามันเป็นชะตาที่แห้งเหี่ยวไม่มีสัญญาณของคลื่นใดๆ เลยแม้แต่น้อย
ไม่ติดอันดับ!
“นายใหญ่ แล้วเจ้าหมอนี่เอายังไงดี?” หนิงเทียนปิงหันไปถามอย่างสบายๆ
เจียนหยู่นั้นมีใบหน้าที่ไร้สีเลือดสนิท เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าตัวเองจะเดินมาสะดุดก้อนเหล็กเข้าแบบนี้!
“เจ้ากล้าแตะต้องนายน้อยผู้นี้หรือ? ข้านั้นคือสมาชิกตระกูลเจียนนะ! หากเจ้ากล้าแตะต้องข้ามันก็เท่ากับว่าเจ้ายืนเหยียบหัวตระกูลเจียน! เจ้าคิดถึงผลที่จะตามมาเองเถอะ!” แม้ว่าเจียนหยู่จะกลัว แต่เมื่อนึกถึงกำลังของตระกูลแล้วเขาก็เกิดใจชื่นขึ้นมาได้บ้าง
และแน่นอนว่าตอนนี้เมื่อหนิงเทียนปิงได้ยินเขาก็แสดงสีหน้าลังเลออกมาอย่างทันที
เพราะยังไงเสียที่พวกเขามากันวันนี้ก็เพื่อจะขอความช่วยเหลือจากตระกูลเจียน หากไปทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจก่อนก็คงเก็บกวาดกันยากแน่ๆ
เจียนหยู่ได้เห็นสีหน้านั้นจึงรีบหันไปหาหนิงเทียนปิงอีกครั้ง “เด็กน้อย เจ้านั้นมีพลังฝีมือไม่เลว ตามข้าคนนี้ไปวันข้างหน้าจะมีอนาคตมากกว่าเจ้าขยะนั้นเยอะ! ข้าจะบอกให้ตรงๆ เลยนะ เจ้าเด็กคนนั้นมันเป็นขยะอย่างที่ไม่สามารถวัดค่าอันดับความขยะได้ด้วยซ้ำ!”
เมื่อหนิงเทียนปิงได้ยินเขาก็มีสีหน้าแปลกๆ
หากนายใหญ่ของเขาเป็นขยะ โลกใบนี้มันก็คงเป็นได้เป็นถังอุจจาระแล้ว
เขาได้แต่หัวเราะกับความคิดของตัวเอง “เจ้าโง่ เพราะศาสตร์การดูรัศมีของเจ้ามันยังไม่ถึงขั้น! รอให้เจ้าฝึกฝนมาใหม่และดูนายใหญ่ข้าอีกทีเถอะ เจ้าจะได้รู้ว่าทำไมเขาถึงบอกว่า เพราะเจ้ายังตาไม่บอด!”
ตอนนั้นเองเย่หยวนก็แทรกขึ้น “รออะไรอีก? หักขามันแล้วเอาไปโยนทิ้ง! อย่าให้มันได้ทำตัวเสียงดังน่ารำคาญ!”
เจียนหยู่หน้าถอดสีทันทีเมื่อได้ยิน “เจ้า…เจ้ากล้าเรอะ? เจ้า…เจ้าต้องเตรียมตัวรับผลที่จะตามมาด้วย! คนที่กล้าแตะต้องตระกูลเจียนไม่มีทางได้ตายดีแน่!”
เย่หยวนหัวเราะ “ด้วยพลังแค่นี้ของเจ้าก็กล้าเรียกตัวเองเป็นตัวแทนตระกูลเจียนแล้ว? งั้นตระกูลเจียนมันก็คงไม่เท่าไหร่หรอก! เทียนปิง จัดการ!”
“ขอรับนายใหญ่!”
ด้วยคำสั่งของเย่หยวน หนิงเทียนปิงก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและตวัดมือลงหักขาของเจียนหยู่จนแบนราบทันที
“อ้า! เด็กน้อย เจ้าจะต้องเสียใจ! อ้า!” เสียงร้องของเจียนหยู่ดังก้องไปทั่วถนนอย่างน่าสมเพช