Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1726 สภาวะตรัสรู้
“อย่างที่ข้าน้อยเคยบอกไปว่าตราบเท่าที่ท่านผู้อาวุโสจะช่วยข้าตามหาผู้เป็นที่รัก ข้าน้อยย่อมยอมจ่ายทุกอย่าง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้มีอะไรให้ต้องขอโทษกัน?” เย่หยวนตอบ
เจียนหงเซียวยิ้มตอบ “สหายหนุ่มเย่หยวนช่างเป็นผู้ถือมั่นในสายสัมพันธ์ หากเป็นเช่นนั้นแล้วก็มาเริ่มกันเถอะ! แต่…เฒ่าคนนี้เองก็คงดูได้ไม่แจ่มชัดนัก คงบอกได้แค่ว่าจะพยายามเท่านั้น”
ใบหน้าของเย่หยวนดูอ่อนแรงลงทันทีแต่ก็กลับกลายเปลี่ยนเป็นความกังวลตามมา “ผู้อาวุโสท่านแค่พยายามเท่าที่ทำได้เย่หยวนคนนี้ก็ซาบซึ้งอย่างถึงที่สุดแล้ว”
เย่หยวนรู้ดี ไม่ว่าเจียนหงเซียวจะทำสำเร็จหรือล้มเหลว เขาก็ต้องได้รับผลสะท้อนจากยอดเต๋าแน่นอน
แค่เรื่องนี้มันก็มากพอที่จะทำให้เขาติดหนี้บุญคุณเจียนหงเซียวแล้ว
เจียนหงเซียวพยักหน้ารับ “มาสิ”
พูดจบเจียนหงเซียวก็เดินมือไขว้หลังเข้าไปยังห้องด้านใน
เย่หยวนจึงรีบเดินตามเข้าไปทันที
เมื่อเข้ามาเย่หยวนก็ได้พบกับความรู้สึกเหมือนเดินเข้ามาในโลกใบใหม่อีกครั้ง
ด้านในนี้มันให้ความรู้สึกที่สั่นสะท้านไปถึงวิญญาณ
ที่ตรงกลางห้องนั้นมีตรายันต์แปดทิศวาดอยู่พร้อมด้วยสัญลักษณ์หยินหยางตรงกลาง
รอบๆ นั้นมีการกำหนดทิศเหนือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศตะวันออก ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศใต้ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงเหนืออยู่ครบด้าน
ตรายันต์แปดทิศนี้มันครบบรรจบตัวเอง สร้างแสงสว่างแปลกๆ ออกมาส่องสว่างทั่วบริเวณ
ราวกับว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากเจ้ายันต์ตัวนี้
ส่วนตัวเย่หยวนเองนั้นก็คุ้นเคยกับยันต์แปดทิศนี้ไม่น้อย
ตอนนั้นที่ยังอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เขาได้มีโอกาสหลอมโอสถด้วยยอดเต๋า มันเป็นการใช้ยันต์แปดทิศนี้นี่เอง
ยันต์แปดทิศนี้มันเป็นสิ่งที่แสนจะลึกลับซับซ้อน ความรู้สึกที่เย่หยวนรับรู้นั้นมันเป็นความรู้สึกที่ปั่นป่วน
การหลอมโอสถด้วยยอดเต๋าของเขานั้นมันกลั่นยันต์แปดทิศออกมา และการทำนายชะตาสวรรค์นี้เองมันก็มีการใช้ยันต์แปดทิศเช่นกัน
หรือว่าทั้งสองสิ่งนี้มันจะมีอะไรเกี่ยวข้องกัน?
ในเวลานี้สมองของเย่หยวนมันเปี่ยมไปด้วยความคิดเหล่านี้อย่างมากมายมหาศาลจนเริ่มคิดไปถึงต้นกำเนิดของยอดเต๋า
เพราะดูท่าแล้วมันต้องมีความเกี่ยวข้องอะไรสักอย่างระหว่างยันต์แปดทิศหยินหยางและยอดเต๋าแน่
ไม่นานเย่หยวนก็เข้าสู่สภาวะแปลกประหลาด
“สหายหนุ่ม เจ้าไปยืนทำอะไรอยู่หน้ายันต์แปดทิศกัน รีบ…”
เจียนหงเซียวพูดออกไปได้ยังไม่ทันขาดคำเขาก็พบว่าเย่หยวนกำลังเดินเข้าไปในวงยันต์แปดทิศแล้ว นั่นทำให้เขาตื่นตกใจอย่างมากมาย
เขาอยากจะรีบไปดึงตัวเย่หยวนกลับมา แต่มันก็สายไปแล้ว
“อย่าเข้า…”
เจียนหงเซียวพูดยังไม่ทันขาดคำอีกครั้งเขาก็ต้องเบิกตากว้าง ดูภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
ยันต์แปดทิศนี้เป็นสิ่งที่เขาติดตั้งไว้ตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ และมันก็เปี่ยมไปด้วยความรู้ความเข้าใจในยอดเต๋าที่เขาสั่งสมมาทั้งชีวิต
ต่อให้เป็นนักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์ การเข้าไปด้านในมันก็คงส่งผลทำให้พวกเขาต้องบาดเจ็บกระอักเลือดคำโตด้วยแรงกดดันจากยอดเต๋า
แต่ทว่าเย่หยวนกลับเดินเข้าไปได้อย่างไม่มีท่าทางยากลำบากใดๆ
เย่หยวนยืนนิ่งอยู่กลางสัญลักษณ์หยินหยางด้วยดวงตาที่ปิดแน่น ราวกับว่าเขาได้ตัดขาดกับโลกภายนอกไปแล้ว
เจียนหงเซียวมองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง “เด็กคนนี้…ตรัสรู้? ความเข้าใจในยอดเต๋าของเขามันมีมากถึงเพียงนี้เชียว?”
เจียนหงเซียวนั้นตื่นตะลึงอย่างเต็มหัวใจ เพราะตัวเขานั้นต้องใช้เวลากว่าล้านปีในการศึกษายอดเต๋าจนกว่าเขามาถึงจุดนี้ได้
แล้วเย่หยวนอายุเท่าไหร่?
จู่ๆ เย่หยวนก็เริ่มขยับ
ตอนนี้มือของเย่หยวนผายออกมาเป็นกำปั้นและก็เกิดยันต์แปดทิศปรากฏขึ้นมาตรงหน้าอย่างช้าๆ
จากนั้นเย่หยวนก็ค่อยๆ ขยับอย่างต่อเนื่องเป็นจังหวะ และภาพยันต์แปดทิศนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนหมุนไปตาม
มันเป็นภาพและท่าทางที่คล้ายกับการหลอมโอสถด้วยยอดเต๋าในครานั้น
เจียนหงเซียวร่างสั่นสะท้านทันที “หลอมโอสถด้วยยอดเต๋า! เขากำลังทำความเข้าใจวิถีโอสถ! เด็กคนนี้…มีความรู้ด้านโอสถมากถึงขนาดนี้เลยเชียว ช่างน่าเหลือเชื่อนัก!”
เพราะการที่เจียนหงเซียวจะสร้างยันต์แปดทิศได้สมบูรณ์ขนาดนี้ มันย่อมแสดงออกมาว่าเขานั้นมีความรู้มากกว่าที่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์คนไหนๆ จะเทียบเคียงได้
แต่เย่หยวนกลับสามารถประดิษฐ์ยันต์แปดทิศขึ้นมาได้ด้วยวิธีที่แตกต่างแต่ได้ผลลัพธ์ที่คล้ายกัน
เพราะเส้นทางที่เย่หยวนเดินนั้นคือเส้นทางนักหลอมโอสถ ส่วนเขานั้นเดินในเส้นทางศาสตร์แห่งความลับ มันเป็นเส้นทางที่แสนแตกต่างแต่กลับพาพวกเขามาบรรจบลงที่เดียวกัน
วินาทีที่เย่หยวนได้เห็นยันต์แปดทิศนี้เขาก็รู้สึกได้ถึงเสียงสะท้อนจากวิถีโอสถของตนเองทำให้เข้าได้เข้าสู่สภาวะตรัสรู้ทันที
ตอนนั้นที่เย่หยวนหลอมโอสถด้วยยอดเต๋าได้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาไม่คิดไม่ฝันว่าบนมหาพิภพถงเทียนนี้เขาจะสามารถใช้มันได้อีกครั้ง
เพราะดินแดนศักดิ์สิทธิ์และมหาพิภพถงเทียนนั้นมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หลังเย่หยวนมาถึงมหาพิภพถงเทียน แม้ว่าความรู้ด้านวิถีโอสถของเขาจะพัฒนาขึ้นได้อย่างก้าวกระโดดแต่มันก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะหลอมด้วยยอดเต๋าได้
แต่ตอนนี้เมื่อได้มาเห็นยันต์แปดทิศนี้เขาก็สามารถทำมันได้
เจียนหงเซียวนั้นตื่นตกใจอย่างถึงที่สุด เขารู้ดีว่านักหลอมโอสถที่สามารถใช้ยอดเต๋าหลอมโอสถได้นั้นบนมหาพิถงเทียนนี้มันมีเพียงแค่หนิบมือ
และคนเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนที่สร้างชื่อสะท้านมหาพิภพถงเทียน
แม้แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายก็ยังไม่กล้าจะไปทำอะไรเสียมารยาทกับคนเหล่านั้น
แต่แน่นอนว่าผู้คนเหล่านั้นเป็นสัตว์ประหลาดที่มีชีวิตยืนยาวอยู่มานานแสนนาน
ส่วนเด็กหนุ่มนามเย่หยวนคนนี้มีอายุแค่ไม่ถึงพันปี กลับสามารถเดินมาถึงจุดนี้ได้มันคงไม่มีทางที่เขาจะห้ามความตื่นตกใจไว้ได้
หลังหายตกใจแล้วเจียนหงเซียวก็ยิ่งรู้สึกอิ่มเอมใจ!
หลังจากเย่หยวนหักหมุนมันไปเรื่อยๆ ภาพยันต์แปดทิศนั้นก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นและยิ่งดูลึกลับมากขึ้นกว่าเก่า
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่สุดท้ายเย่หยวนก็ได่ดึงมือกลับมาไว้และปล่อยให้ภาพของยันต์แปดทิศนั้นหายลับไปสู่ความว่างเปล่า
เขาค่อยๆ เปิดตาออกมาด้วยรอยยิ้มที่แสนอิ่มเอม
หลังจากอาณาจักรเต๋ามา วิถีโอสถของเขามันก็ไม่มีการบรรลุใดๆ เพิ่มอีกเลย
แต่ตอนนี้ในที่สุดเขาก็บรรลุความหวังนั้นได้
เขาหันไปมองดูเจียนหงเซียวและกล่าวอย่างรู้สึกผิด “ผู้อาวุโส ต้องขออภัยจริงๆ ข้าน้อยผู้นี้เดินเข้ามาในยันต์แปดทิศนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต”
เจียนหงเซียวยกมือขั้นมาโบกปัดและหัวเราะลั่น “ในที่สุดเฒ่าคนนี้ก็ได้รู้แล้วว่ารัศมีผ่าจักรพรรดิมันเหนือฟ้าดินแค่ไหน! ฮ่าๆๆ สายหนุ่มเย่หยวน เจ้าช่วยให้เฒ่าคนนี้ได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ! หลอมโอสถยอดเต๋า! เฒ่าคนนี้ก็อยู่มาจนเกือบถึงโลงแล้วแต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นมัน! ช่างเยี่ยมยอดนัก!”
เย่หยวนค่อยๆ เดินออกมาจากยันต์แปดทิศและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “วิถีโอสถนั้นมันช่างลึกลับและสูงส่ง ข้าน้อยอยากหาทางบรรลุมันมานานปี ไม่นึกเลยว่าเรื่องนั้นจะมาเกิดขึ้นที่นี่ได้ จะว่าไปเรื่องนี้ผู้น้อยก็ติดค้างท่านผู้อาวุโสอีกเรื่องแล้ว”
เจียนหงเซียวลูบเครายาวของตนด้วยรอยยิ้มกว้าง “เฒ่าคนนี้ไม่ว่าหรอกหากจะทำให้เจ้าติดหนี้บุญคุณเพิ่มได้ ยิ่งมากสิยิ่งดี ฮ่าๆๆ เอาล่ะ ตอนนี้ไว้แค่นี้ก่อน มาเริ่มกันเถอะ! เจ้าไปนั่งบนเสื่อตรงนั้นและเขียนชื่อของผู้คนที่อยากตามหาบนโต๊ะ เฒ่าคนนี้จะดูให้เอง”
ที่ข้างๆ ยันต์แปดทิศนั้นมันมีเสื่อและโต๊ะวางอยู่
บนโต๊ะมีพู่กันและกระดาษวางอยู่หลายชิ้น
เย่หยวนเดินไปตามคำบอกและเขียนชื่อทั้งหลายลงไป เยวี่ยเมิ่งลี่ อิ้งหมัวหู่ ลู่เอ๋อและภูตเพลิง
เจียนหงเซียวค่อยๆ เดินเข้าไปในยันต์แปดทิศและนั่งลงขัดสมาธิตรงกลางก่อนจะเปิดปากพูดอีกครั้ง “ในไม่ช้าเฒ่าคนนี้จะค่อยๆ ทำนายไปทีละคน ใครก็ตามที่ชื่อมีแสงส่องออกมาเจ้าอ่านมันไว้ในใจด้วยล่ะ เข้าใจนะ?”
เย่หยวนพยักหน้ารับด้วยท่าทางที่ค่อยข้างกังวล “รับทราบ!”
ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดไหนขึ้นมา เย่หยวนนั้นก็รักษาท่าทางมุ่งมั่นหนักแน่นมาได้เสมอ
แต่ตอนนี้เขากำลังกังวล
เขานั้นกังวลมาก หากว่าหนึ่งในสี่นี้มีใครไปเจอเรื่องราวไม่คาดฝันเข้า เขาจะรับมันไว้ได้อย่างไร?
เย่หยวนนั้นสามารถสังหารยอดศัตรูและยอมรับที่จะถูกสังหารได้ มีแค่กับคนรอบๆ ตัวเท่านั้นที่เขายากจะปล่อยมือไป
เจียนหงเซียวเองก็เหมือนจะมองเรื่องนี้ออกจึงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “หากไม่มีภัยก็เป็นพร หากเป็นภัยแล้ว มันก็เลี่ยงมิได้ ชะตาของเจ้านั้นสูงส่งคนรอบตัวเจ้าเองก็ย่อมจะได้รับแสงจากมันไปด้วย การที่พวกเขาจากเจ้าไปมันอาจจะไม่ได้เป็นเรื่องร้ายก็ได้”
……………………….