Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1731 หาอันที่หกไม่เจอ
ลัวยองเบิกตากว้างทันทีพร้อมกับยิ้มมุมปากขึ้นอย่างชั่วร้ายราวกับว่าแผนการที่วางไว้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
เมื่อด้วนเผิงและคนอื่นๆ ได้ยินพวกเขาก็ต้องแสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมา
เด็กคนนี้มันช่างกล้า!
แต่เป็นหยูจิงที่พูดขึ้นอย่างกังวลแทน “เย่หยวน เจ้าอย่าได้ทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังเชียว!”
เย่หยวนมองดูนางครั้งหนึ่งก่อนจะตอบมาด้วยรอยยิ้ม “แค่ตะขาบเพลิงคลั่งตัวหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ใดๆ เลย หากพี่จิงว่าเช่นนั้นท่านจะช่วยระวังให้ข้าหน่อยได้หรือไม่?”
หยูจิงคิดนิดหน่อยแต่ก็พยักหน้าออกมา
เย่หยวนเองก็ไม่ได้พูดจาใดๆ ต่อไปและหยิบชักดาบจักรพรรดิล้ำฟ้าออกมาทันทีและมุ่งหน้าเข้าหาตะขาบเพลิงคลั่ง
เมื่อได้เห็นดาบจักรพรรดิล้ำฟ้าดวงตาของด้วนเผิงและคนอื่นๆ ก็เบิกกว้างทันที
สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำชั้นสูง!
เด็กคนนี้มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดวงตาของลัวยองที่มีแววความโลภปรากฏขึ้น
แม้ว่าเขาจะเป็นถึงราชันพระเจ้าหกดาวแล้วแต่ตัวเขากลับยังต้องใช้สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำชั้นต้น
เทียบกับเย่หยวนแล้วมันต่างกันราวกับว่าเขาเป็นได้แค่ขอทาน
เย่หยวนค่อยๆ เดินเข้าไปหาตะขาบเพลิงคลั่งโดยไม่คิดจะปล่อยแรงกดดันใดๆ ออกมา
“หึๆ”
ตะขาบตัวนั้นปล่อยเสียงกระทบกันแปลกๆ ออกมาและรีบหันหน้าหนีเข้าป่าไปทันที
ลัวยองเบิกตากว้างทันที ไม่เข้าใจว่าเรื่องตรงหน้ามันคืออะไรกันแน่
ตะขาบเพลิงคลั่งนั้นหนี?
แค่เจอราชันพระเจ้าสามดาวแต่มันกลับหนี?
เพราะอย่างไรเสียพวกสัตว์อสูรนั้นมันก็จะมีพลังกายที่เหนือกว่ามนุษย์ในระดับเดียวกันมาก
ที่สำคัญสัตว์ป่าที่ไม่มีปัญญาเช่นนี้หากช่องว่างพลังมันไม่ได้ยิ่งใหญ่จนเกินไป มันย่อมไม่มีทางที่จะรับรู้ได้ถึงคำว่ากลัวเลย
อย่างเช่นตอนแรกตะขาบเพลิงคลั่งนั้นเห็นมนุษย์ห้าหกคนเดินมา แต่มันก็ยังคิดที่จะเข้าโจมตี
แต่ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“จะหนีไปไหน!”
ระหว่างที่ทุกคนยังตื่นตกใจเย่หยวนก็ขยับร่างพุ่งตามเข้าไปในป่าทันที
ทุกคนต้องตื่นตะลึงอีกครั้งเพราะเจ้าเด็กคนนี้มันไม่กลัวตายจริงๆ!
“เย่หยวนอย่าตามมัน!”
หยูจิงหน้าถอดสีและรีบชักดาบวิ่งไล่ตามออกไปในทันที
แต่เมื่อผ่านป่าหนาทึบไปเช่นนั้นมีหรือที่นางจะยังทันเห็นเงาของเย่หยวนอีก?
หยูจิงไม่คิดยอมแพ้และวิ่งตามเข้าไปอีก
ลัวยองกลับมาตั้งสติได้และยิ้มกว้างออกมา
เด็กคนนี้มันรนหาที่ตายจริงๆ!
“ตะขาบเพลิงคลั่งมันเป็นอะไรไป? ทำไมมันถึงได้หนีเย่หยวนไปเช่นนั้น?” ด้วนเผิงถามขึ้นด้วยความมึนงง
ลัวยองจึงยิ้มตอบ “จะอะไรเสียอีก? มันคงเริ่มฉลาดขึ้นมาตอนที่เห็นพวกเราและรู้ว่าไม่ควรมายุ่งด้วยจึงรีบหนีไปต่างหาก”
ด้วนเผิงพยักหน้ารับ “คงเป็นเช่นนั้น! มันแค่…เย่หยวนตามออกไปเช่นนี้อันตรายนัก หวังว่าหยูจิงจะตามเขาเจอ”
ลัวยองนั้นไม่หวังให้เย่หยวนกลับมาเป็นๆ และยิ้มตอบออกมา “เด็กคนนั้นมันก็อารมณ์ร้อนเสียจริงๆ หากมันอยากรนหาที่ตายเองใครจะไปห้ามมันได้”
ด้วนเผิงส่ายหัวออกมา เพราะเขาเองก็รู้สึกว่าการกระทำนี้ของเย่หยวนมันโง่อย่างไร้เหตุผลจริงๆ
แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบลัวยอง แต่เรื่องนี้ด้วนเผิงก็เห็นด้วย
เย่หยวนไม่ประมาณตนเลย หากเขาตายมันก็คงไปโทษใครไม่ได้จริงๆ
ไม่นานนักหยูจิงก็กลับมาจากป่าทึบด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
“เป็นไง? เจอหรือไม่?”
แม้ว่าเขาจะรู้คำตอบดีแต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะถาม
ด้วนเผิงนั้นพอจะมองออกว่าหยูจิงห่วงเด็กหนุ่มคนนี้ไม่น้อย
หยูจิงส่ายหัวออกมาด้วยท่าทางที่แสนจะเหนื่อยล้า
ลัวยองรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างมาก “ไม่ต้องไปสนใจเจ้าเด็กนั่นหรอก ป่านนี้มันคงโดนตะขาบเพลิงคลั่งกินไปแล้วล่ะ ไปกันต่อเถอะ”
เมื่อหยูจิงได้ยินนางจึงสวนกลับมา “ลัวยอง เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้าทำกับพวกพ้องเช่นนี้หรือ? หากตอนนี้เจ้าคิดทิ้งเย่หยวนไป อีกหน่อยเจ้าจะไม่หนีหางจุกตูดเวลาเราเจอเรื่องเลวร้ายใช่ไหม?”
ลัวยองแทบสำลักเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาตอบกลับมาด้วยหน้าเสียๆ “จ-จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? เด็กคนนั้นมันประเมินตัวเองสูงเกินไปเอง ข้าไม่ได้ไล่ให้มันตามไปเสียหน่อย”
เพราะการทิ้งพวกพ้องไว้มันเป็นเรื่องต้องห้ามของนักล่า มันเป็นกฎที่พวกเขาทั้งหลายต่างรู้กันดี
เพราะหากชื่อเสียงเช่นนั้นแพร่กระจายออกไปแล้วมันก็คงไม่มีใครเชื่อใจเรียกคนผู้นั้นไปเข้ากลุ่มล่าอีก
และการที่ต้องเข้าเทือกเขามาด้วยตัวคนเดียวนั้นมันก็จะเป็นการเสี่ยงอันตรายที่มากเกินไป
คำพูดนี้ของหยูจิงมันเปิดเผยความในใจของเขา มันจึงทำให้ลัวยองไม่กล้าที่จะเถียงอะไรออกมา
“หัวหน้าด้วน ข้าขอให้เรารอเย่หยวนก่อน!” หยูจิงหันไปบอกด้วนเผิงด้วยสีหน้าจริงจัง
ด้วนเผิงเองก็คิดไปนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้ารับ “เช่นนั้นก็รอเขาสักหนึ่งชั่วโมง หากตอนนั้นเขายังไม่กลับมาเราย่อมมีแต่ต้องเดินหน้าต่อแล้ว”
“ไม่ต้องหรอก ข้ากลับมาแล้ว!”
หยูจิงกำลังจะพูดอะไรสักอย่างต่อ แต่นางก็ต้องได้ยินเสียงหนึ่งเข้าก่อน
ทุกคนมองตามต้นเสียงไปเจอพบว่าเย่หยวนกำลังเดินผ่านออกมาจากป่าทึบ
และจู่ๆ ทุกคนก็ต้องหรี่ตาลงด้วยท่าทางแสนตื่นตกใจ
เพราะเมื่อเย่หยวนเดินออกมา มันกลับมีร่างตะขาบใหญ่ยักษ์ออกมาตาม
และตะขาบตัวนั้นกำลังโดนเย่หยวนลากมาตามพื้น ตายอย่างหาร่องรอยชีวิตไม่ได้
บึก!
เย่หยวนโยนซากตะขาบเพลิงคลั่งลงต่อหน้าทุกผู้คน
ด้วนเผิงถามขึ้นด้วยใบหน้าตื่นตระหนก “นี่…ฝีมือเจ้ารึ?”
เย่หยวนยิ้มตอบ “แล้วยังจะมีใครอีกเล่า?”
นั่นทำให้ทุกคนพูดอะไรไม่ออก เพราะผลที่ออกมามันเหนือความคาดหมายทุกผู้คนจนเกินไป!
โดยเฉพาะกับลัวยอง เขารู้สึกเหมือนตัวเองไปเคี้ยวถูกแมลงวันเข้า
เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองส่งเย่หยวนไปตายได้แล้ว จึงพึงพอใจอย่างมาก
แต่ใครจะไปคิดว่าวินาทีต่อมา ไม่ใช่แค่เย่หยวนจะยังไม่ตายแต่เขากลับสังหารตะขาบเพลิงคลั่งลงได้อีก
ระหว่างที่คุยไปเย่หยวนก็หยิบผลไม้สีแดงออกมาโยนให้พวกเขาทั้งหลาย
แน่นอนว่าเว้นลัวยอง
ด้วนเผิงรับผลไม้นั้นมาและต้องหรี่ตาลงอีกครั้ง “สมุนไพรวิญญาณระดับสี่ ผลโลหิตจับ! เจ้า…ไปเอามันมาจากที่ใดกัน?”
เย่หยวนตอบไป “ข้าตามเจ้าสัตว์ร้ายนี่ไปจนถึงรังของมัน หลังจากสังหารมันแล้วข้าก็ลองค้นๆ ดูในรังมันและพบเข้ากับผลโลหิตจับนี้ ไหนๆ ทุกคนเราก็มากันเป็นกลุ่มแน่นอนว่าพวกเราต้องแบ่งสิ่งที่ได้ด้วยกัน แล้วก็เจ้าตะขาบเพลิงคลั่งนี้ข้าขอมอบให้หัวหน้าด้วนดูแลก่อนแล้วกัน หลังกลับออกไปค่อยให้หัวหน้าด้วนช่วยแบ่ง”
แม้ว่าผลโลหิตจับจะไม่ใช่สมุนไพรระดับสี่ที่หายากใดๆ มากมายแต่มันก็ยังมีราคาหลายพันล้านปราณเทวะ
การที่เย่หยวนเอาของแบบนี้มาให้มันนับเป็นของขวัญใหญ่
พวกเขาไม่ได้ทำอะไรสักนิด แต่กลับได้เงินนับพันล้านเข้ากระเป๋า
ที่สำคัญเจ้าตะขาบเพลิงคลั่งนี้มันมีค่าตั้งแต่หัวจรดหาง
พวกเขาคิดว่าที่เย่หยวนมาคงเพื่อแย่งส่วนแบ่ง แต่ที่ไหนได้ กลับเป็นเย่หยวนที่ช่วยหาสมบัติมาแบ่งให้พวกเขา
หัวหน้าด้วนมองดูเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ไม่คิดไม่ฝันว่าเย่หยวนจะใจกว้างได้ขนาดนี้
เรื่องนี้มันยิ่งทำให้ทุกคนมั่นใจว่าเย่หยวนมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
เพราะหากเป็นพวกเขาแล้วของเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ย่อมไม่มีทางจะปล่อยให้คนอื่นๆ ได้เห็นแน่
แต่เย่หยวนกลับเอามันออกมาแบ่งกับทุกคน
ลัวยองกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ “เด็กน้อย ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? คนอื่นๆ ได้ส่วนแบ่งแล้วทำไมข้าถึงไม่ได้กัน?”
เย่หยวนกล่าวออกมาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “พี่ลัว ข้าต้องขอโทษจริงๆ เย่ผู้นี้เจอผลโลหิตจับในรังของมันแค่ห้าผลเท่านั้น หาผลที่หกไม่เจอจริงๆ ข้าคงต้องขอให้พี่ลัวท่านลำบากแต่…หากข้างหน้าไปเราเจอสมบัติใด เย่คนนี้จะแบ่งให้พี่ลัวอย่างแน่นอน”
ด้วยคำพูดนี่ของเย่หยวนมันทำให้ทุกคนรู้สึกว่าภาพตรงหน้ามันคือละครตลกชัดๆ
ผลโลหิตจับนั้นไม่มากหรือน้อย แค่ห้าผลอย่างพอเหมาะพอเจาะ มันจะไม่บังเอิญไปรึ?
ที่สำคัญเย่หยวนกลับเลือกจะแบ่งให้คนอื่นๆ มีแค่ลัวยองที่ไม่ได้ มันย่อมไม่มีทางเป็นความบังเอิญไปได้
ลัวยองตอบกลับมาอย่างไม่พอใจ “ฮึ่ม! เด็กน้อยเจ้าทำดีมาก! แค่ผลโลหิตจับเจ้าคิดว่าพ่อเจ้าจะอยากได้มากเรอะ!”
………………………