Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1764 ตาเดินที่อ่อนหัด
เมื่อเห็นร่างที่ก่อตัวขึ้นมาจนเสร็จแล้วทุกผู้คนก็ต้องตกตะลึงไปจนถึงแก่นวิญญาณ
ร่างนี้มันต่างจากเงาร่างของโอสถบรรพกาลที่มืดมัวไม่ชัดเจน ร่างของเย่หยวนในตอนนี้มันชัดเจนและมั่นคงแน่นอนมาก
แค่มองผ่านๆ ก็แยกออกได้ทันทีว่านี่คือเย่หยวน!
“นี่มัน… เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมคนที่ขึ้นมาเล่นกับโอสถบรรพกาลจึงได้กลายเป็นเย่หยวน?”
“เจ้าล้อข้าเล่นเรอะ? เย่หยวนกลับสามารถขึ้นมาแทนที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลและเล่นกับโอสถบรรพกาลได้หรือ?”
“ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าใครจะขึ้นมาแทนที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้ ด้านในมันเกิดเรื่องบ้าบออะไรขึ้นกันแน่? ทำไมจึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกัน?”
…
ตอนนี้ทั้งวิหารนักบวชนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลและโอสถบรรพกาลนั้นเล่นเกมนี้มากว่าห้าสิบล้านปี ในประวัติศาสตร์อันยาวนานนี้มียอดอัจฉริยะจำนวนนับไม่ถ้วนที่คิดเข้ามาท้าทาย ‘อย่าถาม’ นี้
แต่คนที่ผ่านไปได้นั้นกลับมีจำนวนแค่สิบเอ็ดคนเท่านั้น
แต่มันก็ยังไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะมีคนขึ้นไปนั่งแทนที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลและเล่นกับโอสถบรรพกาลเช่นนี้
เรื่องแบบนี้ ต่อให้พูดออกไปก็คงไม่มีใครจะเชื่อ
แต่วันนี้เรื่องราวที่สุดน่าเหลือเชื่อนี้มันกลับเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขาทั้งหลาย
เรื่องเช่นนี้มีหรือที่ผู้คนจะยังใจเย็นได้?
แต่ว่ามันยังไม่จบแค่นั้น!
อีกด้านหนึ่งคลื่นพลังของโอสถบรรพกาลนั้นพุ่งขึ้นสูงทะลุฟ้า พลังแห่งยอดเต๋าแพร่กระจายไปจนทั่วฟ้าดิน
เมื่อทุกคนได้เห็นภาพนี้ พวกเขาก็ห้ามตัวเองไม่ได้หน้าถอดสีไม่ได้
ซิ่วมองดูภาพตรงหน้าด้วยความตื่นตกใจ “นี่มัน… เมื่อไม่มีการกดทับจากมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลแล้วโอสถบรรพกาลจึงปล่อยพลังออกมาได้เต็มที่! นี่เป็นศึกตัดสินระหว่างเย่หยวนและโอสถบรรพกาลอย่างแท้จริง! เจ้าเด็กคนนี้มันทำไปได้อย่างไรกัน?”
ซิ่วนั้นย่อมรู้ดีว่านี่คือ ‘อย่าถาม’ ฉบับง่าย
พลังความรู้ของโอสถบรรพกาลนั้นมันน้อยกว่าหนึ่งในร้อยจาก ‘อย่าถาม’ ของจริง!
แต่ถึงจะแค่หนึ่งในร้อย มันก็มากเกินกว่าที่คนธรรมดาทั่วๆ ไปจะจินตนาการได้แล้ว
ไม่เช่นนั้นคนที่ผ่านการทดสอบนี้ในช่วงเวลากว่าห้าสิบล้านปีมันคงไม่ได้มีแค่สิบเอ็ดคนแน่ๆ
แต่ว่าการทดสอบที่ผ่านๆ มานั้นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลจะปล่อยพลังออกมากดเสี้ยวความรู้ของโอสถบรรพกาลไว้ไม่ให้ปล่อยพลังอันเหนือล้ำของเขาออกมาได้
อย่างที่เย่หยวนว่าไปหมากล้อมนิรันดร์ ‘อย่าถาม’ กระดานนี้มันเป็นกระดานที่ชนะแน่นอน
ปัญหาเดียวที่ผู้ท้าทายต้องเจอก็คือพวกเขาจะสามารถทนรับจิตที่กดทับลงมาได้หรือไม่
แต่เมื่อพลังที่กดดันโอสถบรรพกาลได้หายไปจนสิ้นแล้ว ตอนนี้พลังที่ออกมามันจึงเป็นพลังของโอสถบรรพกาลอย่างแท้จริง!
แม้ว่ามันจะเป็นแค่เศษเสี้ยวจากพลังของโอสถบรรพกาลตัวจริงก็ตาม
ทุกคนไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เรื่องที่ว่าเย่หยวนขึ้นไปแทนที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นมันเป็นเรื่องที่คนธรรมดาไม่มีทางทำได้อย่างไม่ต้องสงสัย
“หรือว่าเย่หยวนจะทำลายเสี้ยวจิตของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล?”
นิคุนเผลอพูดความคิดออกมาแต่ก็ต้องรีบลุกขึ้นปฏิเสธความคิดนี้ของตัวเองทันที
เพราะเรื่องเช่นนั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้!
ตอนนั้นเขาเองก็ได้เข้าไปพบเจอกับพลังเสี้ยวจิตของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมากับตัว
พลังเช่นนั้นมันทำให้ผู้คนได้แต่ยอมแพ้โดยที่ไม่สามารถขัดขืนใดๆ ได้เลย
หากจิตของเขานั้นเป็นมด จิตของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็คงเปรียบได้ดั่งขุนเขา!
ระหว่างจิตของทั้งสองนั้นมันไม่มีการต่อต้านใดๆ ทั้งสิ้น
มันมีแต่ความยอมแพ้!
แถมตอนนี้พลังบ่มเพาะของเย่หยวนยังอ่อนด้อยกว่าตัวเขาในตอนนั้น มีหรือที่เย่หยวนจะสามารถทำลายเสี้ยวจิตของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลลงได้?
แต่ในใจของนิคุนกลับมีเสียงค้านอีกเสียงดังออกมาอย่างไม่ขาดสาย
…
ภายในกระดานเกมนั้นตรงข้ามของเย่หยวนราวกับมีหอคอยสูงนับแสนๆ เมตรตั้งตระหง่านอยู่
แถมคลื่นพลังที่อีกฝ่ายมีมันยังแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาก!
“น่าสนใจ ไม่นึกเลยว่าในโลกนี้จะยังมีคนที่สามารถปลดปล่อยเสี้ยวความรู้ของข้าคนนี้ที่ถูกเจ้ายี่กดทับให้เป็นอิสระได้! เจ้าคงเป็นคนแรกในรอบห้าสิบล้านปีล่ะมั้ง?”
เหนือท้องฟ้านั้นดวงตาคู่สีดำสนิทจ้องมองมายังเย่หยวน
นั่นคือดวงตาที่มองดูโลกทั้งใบ!
ต่อให้นี่จะเป็นแค่เสี้ยวความรู้ที่ไม่นับว่าเป็นเสี้ยวจิตเสียด้วยซ้ำ
แต่ดวงตาที่เหมือนจ้องมองดูมดปลวกนั้นมันย่อมทำให้เย่หยวนรู้สึกไม่ดีขึ้นมา
เย่หยวนตอบกลับไป “ข้าได้ยินมานานแล้วว่าความรู้ด้านการโอสถของโอสถบรรพกาลนั้นเหนือล้ำฟ้าดิน วันนี้เย่ผู้นี้ขอคำแนะนำด้วย!”
ร่างเงาตรงหน้านั้นแสดงใบหน้าที่ตกใจไม่น้อยออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ “ขอคำแนะนำ? หึๆ เจ้านั้นยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมาขอคำแนะนำจากข้าหรอก!”
คำพูดนี้มันเปี่ยมไปด้วยความเหยียดหยาม
โอสถบรรพกาลนั้นเป็นโอสถบรรพกาลผู้ทรงเกียรติ
แม้ว่านี่จะเป็นแค่เสี้ยวความรู้ของเขาจากเมื่อห้าสิบล้านปีก่อนมันก็ยังมีเกียรติและศักดิ์ที่มากกว่าผู้ใดจะเทียบเคียง
เพราะยังไงเสียเขาก็คือชายผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของศาสตร์แห่งโอสถ
หากให้พูดจริงๆ คนที่เขาคิดจะดูถูกนั้นมันคงไม่ได้มีแค่เย่หยวน
แม้แต่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเมื่อห้าสิบล้านปีก่อนที่จะท้าทาย เขาก็คงไม่คิดจะมองอีกฝ่ายอยู่ในสายตาแน่
‘อย่าถาม’ แค่สองคำนี้มันก็บอกถึงความหยิ่งยโสอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว
และดูท่าเหตุผลที่ทำให้มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลต้องกลับมาคิดหนักอยู่นานแสนนานนี้ก็คงเป็นเพราะว่าเขาอยากจะก้าวข้ามโอสถบรรพกาล
ความอับอายเช่นนี้ สำหรับมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลที่เป็นยอดฝีมือสูงสุดของเผ่าอสูรแล้วมันคงเป็นอะไรที่เหนือล้ำเกินกว่าที่จะทนแบกรับไว้ได้
แต่เย่หยวนในตอนนี้ก็ได้รับรู้ถึงความเก่งกาจของโอสถบรรพกาลกับตาตัวเองแล้ว!
เมื่อไม่มีการกดดันของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล โอสถบรรพกาลตรงหน้าเขาก็จึงยิ่งแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าตัวมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเมื่อสักครู่อีก
แม้จะเห็นท่าทางแบบนี้เย่หยวนก็ย่อมไม่คิดจะเก็บมันมาใส่ใจ “ยังไม่ได้ลองเลยท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่มีคุณสมบัติพอ?”
พูดจบเขาก็ไม่รอให้โอสถบรรพกาลตอบใดๆ กลับมาและชี้นิ้วออกไป ปล่อยหมากสีดำพุ่งออกมาจากความว่างเปล่า
ตุบ!
เสียงดังสนั่นพื้นลั่นก้องไปทั่วพิภพ!
คลื่นแห่งยอดเต๋ากระจายตัวออก!
เมื่อหมากตัวนั้นถูกวางลง ทั้งกระดานหมากก็เกิดแสงสว่างจ้า
พลังแสนรุนแรงสองเส้นพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า ราวกับว่าหมากทั้งหมดมันกำลังค่อยๆ กลายมามีชีวิต
ทั้งกระดานนั้นกลายเป็นทหารม้าทหารเท้าเดินไปมาภายใต้ลมอันรุนแรง
สองคลื่นยอดเต๋าเข้าปะทะกันอย่างใกล้ชิดโดยไม่มีใครยอมใคร
ในพื้นที่เล็กๆ นี้มันกลับเกิดทำนองแห่งยอดเต๋าบรรเลงขึ้นมา
โอสถบรรพกาลหรี่ตาลงทันทีด้วยความตื่นตกใจ “จุดศูนย์กลาง! เจ้าหนุ่มเจ้าช่างกล้า! นี่มันขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ!”
ตุบ!
บนท้องฟ้าอันว่างเปล่านั้นเกิดแสงจ้าขึ้น!
ร่างเงาของเย่หยวนขยับมือส่งหมากลงไปยังจุดศูนย์กลางทันที
ที่ด้านนอกทุกคนต่างร้องออกมาอย่างตกตะลึง “จุดศูนย์กลาง!”
เมื่อนิคุนได้เห็นภาพนี้ เขาก็ยิ้มออกมา “ไอ้เด็กคนนี้มันอ่อนหัดจริงๆ! เล่นจุดศูนย์กลางตอนท้ายเกมเช่นนี้! นี่มันต่างอะไรจากเข้าไปรนหาที่ตายกัน?”
ดี๋เชียวเองก็ได้แต่ส่ายหัวออกมา “เข้าสังเวียนอย่างดุเดือด ข้าก็สงสัยว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะเก่งกาจแค่ไหน ไม่นึกเลยว่ามันจะอ่อนหัดปานนี้ ด้วยหมากตานี้มันคงยากที่จะรอดแล้ว!”
การวางหมากนี้ของเย่หยวนมันทำให้ทุกคนมองว่าเขาเดินพลาด
‘อย่าถาม’ กระดานนี้มันถูกตั้งขึ้นโดยมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเองหลังจากย้อนตาไปหลายต่อหลายตา
แต่ละการเดินมันจะมีเส้นทางเป็นของตัวเอง
หากให้พูดง่ายๆ มันก็คือการย้อนตาที่เดินพลาดนั่นเอง!
ตราบเท่าที่ผู้ท้าทายอดทนรับแรงจิตของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลไว้ได้ พวกเขาก็จะสามารถกลายเป็นหมากในมือของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลและค่อยๆ เดินไปทีละก้าวจนชนะ
เว้นเสียแต่ว่ามันมีคนไม่มากที่จะทนพลังจิตได้หลายตาขนาดนั้น
แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับเดินหมากออกมาอย่างเหนือความคาดหมายทุกผู้คน
แน่นอนว่าคนที่มาดูนี้ มีหลายคนที่เล่นหมากล้อม
การเดินนี้ในสายตาของพวกเขานั้นมันคือความผิดพลาด
ทุกคนต่างรู้ว่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นมีทักษะการเล่นหมากและทักษะความรู้มากแค่ไหน การเดินแต่ละก้าวของเขานั้นนับได้ว่าเป็นการเดินที่สมบูรณ์แบบที่สุด
แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับคิดที่จะเดินออกนอกเส้นทางนั้น
ที่สำคัญเขายังเดินออกมาได้แสนห่วยแตก มีหรือที่คนอื่นๆ จะยังชื่นชม
ขาวและดำ จุดศูนย์กลางนั้นมันคือจุดยุทธศาสตร์!
เกมนี้มันคือการปะทะกับรอบๆ จุดศูนย์กลางของกระดานนี้
แต่ไม่มีใครกล้าที่จะลงหมากไปยังจุดศูนย์กลางแต่แรก!
แม้แต่โอสถบรรพกาลเองก็ไม่กล้า!
เพราะหากทำเช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่มีทางถอยได้
แต่เย่หยวนกลับลงมือทำออกมาอย่างไม่มีการลังเลใดๆ ทั้งสิ้น!
…………………………