Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1775 การต่อสู้อันดุเดือดกับสัตว์อสูรอันดุร้าย
- Home
- Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ
- ตอนที่ 1775 การต่อสู้อันดุเดือดกับสัตว์อสูรอันดุร้าย
เย่หยวนได้แต่ขมวดคิ้วแน่น!
ในหมู่ฝูงสัตว์อสูรจำนวนมากมายที่ดูแสนน่าขนลุกขนพองนั้นมันกลับมีสัตว์อสูรที่อยู่ในยอดของระดับสี่ขั้นปลายด้วย
พลังของมันนั้นเทียบเท่าได้กับราชันพระเจ้าเก้าดาวเลยทีเดียว
ตอนนี้เย่หยวนอยู่ในอาณาจักรวายุพระเจ้าห้าดาว ต่อให้ต้องเผชิญกับราชันพระเจ้าแปดดาวเขาก็ไม่หวานหวั่นแม้แต่น้อย
แต่ตอนนี้เจ้ากระทิงคลั่งอัสนีฟ้าที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงวัวกระทิงกลับมีคลื่นพลังที่เทียบได้กับราชันพระเจ้าเก้าดาว
ด้วยทักษะการเคลื่อนที่ของเย่หยวนแล้ว หากเขาคิดอยากหนีต่อให้เป็นเจ้ากระทิงคลั่งอัสนีฟ้าก็คงติดตามไปไม่ทัน
เพียงแค่ว่าตอนนี้หู่ชิงกำลังทำการโจมตีบรรลุขั้นอยู่ในจุดสำคัญ หากเขาหนีไปเสียแล้วสัตว์อสูรตัวอื่นๆ ก็คงเจ้ามารุมทำร้ายเจ้าเสือตัวนี้จนไม่เหลือซากร่างให้เก็บกลับไปแน่
หากเป็นคนอื่นพวกเขาคงเลือกที่จะหนีกันอย่างไม่คิด
แต่นี่คือเย่หยวน!
เมื่อรู้สึกได้ว่ามีคลื่นพลังรุนแรงห้อมล้อมอยู่รอบตัวคลื่นพลังของหู่ชิงก็เริ่มเกิดอาการสั่นไหวขึ้นมา
การบรรลุของเขากำลังมาถึงช่วงวิกฤต หากตอนนี้มีอะไรผิดพลาดไปอย่างน้อยๆ เขาต้องเสียการบ่มเพาะลงไปขั้นหนึ่ง แต่หากมันกลายเป็นเรื่องใหญ่เขาอาจจะต้องสูญเสียฐานบ่มเพาะไปทั้งหมดและคงเป็นการยากที่จะกลับมายืนอยู่ยังจุดเดิมได้อีก
“ตอนนี้เจ้าไม่ต้องไปคิดเรื่องอื่นใด ตั้งใจทำการบรรลุไปก็พอ ปล่อยที่เหลือให้ข้าจัดการ! ยิ่งเจ้าบรรลุได้เร็วเท่าใดเราก็จะยิ่งสามารถหนีออกไปได้เร็วเท่านั้น”
คำพูดของเย่หยวนนั้นส่งไปถึงหูของหู่ชิง ไม่นานนักพลังของเขาก็กลับมาสงบลงอีกครั้ง
เย่หยวนมองดูที่ฝูงสัตว์อสูรที่ด้านหน้าและถอนหายใจยาว “ดูท่าข้าคงมีแต่ต้องเสี่ยงและรอให้หู่ชิงบรรลุจนสำเร็จก่อนสินะ!”
จู่ๆ ก็มีเงาร่างอีกหนึ่งร่างปรากฏออกมาข้างๆ เย่หยวน แน่นอนว่าเขาย่อมคือหนิงเทียนปิง
ด้วยการพัฒนาพลังฝีมือที่เหนือล้ำของเย่หยวน ตอนนี้เรื่องที่หนิงเทียนปิงจะสามารถช่วยเขาได้มันจึงมีไม่มากมายนัก
เวลาหลายปีมานี้ เขาได้แต่เก็บตัวฝึกฝนบ่มเพาะอยู่ในโถงบัลลังก์ม่วง
ด้วยการชี้นำของโม่ลี่เฟยและโอสถที่ได้มาจากเย่หยวน ทำให้ตอนนี้เขาสามารถบรรลุคอขวดใหญ่และกลายมาเป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาว
“นายใหญ่ นี่มัน…”
เมื่อหนิงเทียนปิงออกมาพบภาพที่น่าสะพรึงตรงหน้าเขาก็อดไม่ได้ที่จะหน้าซีดเผือดลง
เย่หยวนตอบ “เจ้าเฝ้าหมอนี่ไว้! อย่าให้สัตว์อสูรตัวใดเข้ามาใกล้ที่เหลือปล่อยข้าจัดการเอง!”
หนิงเทียนปิงเปลี่ยนสีหน้าไปทันที “แต่นายใหญ่ เจ้าสัตว์อสูรตัวนั้นมันแข็งแกร่งเกินไป!”
เย่หยวนบอก “ข้าไม่ได้คิดจะไปเสี่ยงชีวิตกับมันเสียหน่อย จะกลัวอะไรอีก?”
“ขอรับนายใหญ่!” หนิงเทียนปิงได้แต่กัดฟันตอบไป
แม้จะต้องเจอสถานการณ์สุดเลวร้ายเช่นนี้ ตัวเขากลับสามารถทำได้แค่ช่วยอยู่ไกลๆ มันช่างเจ็บปวดหัวใจ!
เย่หยวนชักดาบยาวออกมาและยิงร่างตัวเองออกไปราวสายฟ้า หายวับไปกับร่องอากาศ
เมื่อเขาเริ่มลงมือ เขาก็โจมตีออกมาด้วยกระบวนท่าปลิดชีพ ดาบวิญญาณลับ!
ฉัวะ!
ร่างของเจ้าหมาป่าดำตัวก่อนหน้าถูกผ่าออกเป็นสองซีกทันทีด้วยดาบของเย่หยวน ตายจนไม่สามารถหาชีวิตใดๆ ได้จากตัวมันอีก
และการโจมตีในครั้งนี้มันก็เรียกให้สัตว์อสูรตัวอื่นๆ หันมาสนใจทันที
“โฮ่ก!”
ในความเงียบงันนั้นมันมีแต่เสียงคำรามร้องของสัตว์อสูรที่บ้าคลั่ง เป็นภาพที่แสนน่าขนลุกขนพอง
เย่หยวนเรียกความสนใจของเหล่าสัตว์อสูรทั้งหมดมาพร้อมๆ กัน
ในหมู่ฝูงสัตว์อสูรนั้น เย่หยวนขยับร่างไปมาหน้าหลังด้วยมิติอย่างไม่มีหยุด
เมื่อเขาลงมือ มันก็สามารถสังหารสัตว์อสูรได้ทุกครั้ง
แต่ตอนนี้เองที่เจ้าสัตว์อสูรยอดระดับสี่ขั้นปลายตัวนั้นโจมตีออกมา
“โฮ่ก!”
เมื่อเจ้ากระทิงคลั่งอัสนีฟ้าคำรามร้องออกมา พื้นที่รอบๆ ตัวเย่หยวนก็เปลี่ยนกลายเป็นทะเลสายฟ้าไปทันที
เย่หยวนหน้าถอดสี เจ้าสายฟ้าเหล่านี้มันช่างรุนแรงและมีฤทธิ์ในการหยุดมิติไว้ ทำให้เย่หยวนไม่สามารถใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติออกมาได้ดีนัก
เพราะยังไงเสียวิชาหลักหนึ่งของเย่หยวนก็คือแนวคิดแห่งห้วงมิติ
หากวิชาการเคลื่อนไหวของเขาถูกผนึกลง เขาย่อมไม่มีทางที่จะรอดออกไปได้
เจ้ากระทิงคลั่งอัสนีฟ้าตัวนี้มันไม่ได้โง่
“โฮ่ก!”
ด้วยเสียงคำรามอีกครั้งเจ้ากระทิงคลั่งอัสนีฟ้าตัวนั้นก็ก้าวออกมาด้วยความเร็วที่ปานสายฟ้า พุ่งเข้าชนใส่เย่หยวนอย่างเต็มแรง
เจ้าสัตว์อสูรตัวนี้มันช่างรวดเร็วจนเกินบรรยาย เพียงพริบตาก็สามารถขยับร่างมาถึงตรงหน้าเย่หยวนได้
ฉัวะ!
เขาแหลมๆ นั้นแทงรูสองรูเข้าใส่ร่างของสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายตัวหนึ่ง
เพราะในวินาทีเฉียดตายนั้นเย่หยวนสามารถปลดตัวเองออกจากพันธนาการและหลบเข้าไปยังช่องว่างแห่งมิติได้ทัน
ไกลออกไปหนิงเทียนปิงที่เห็นภาพเมื่อสักครู่ก็ได้แต่ยืนหน้าซีด
เมื่อเขาเห็นว่าเย่หยวนสามารถหลบได้แล้วเท่านั้นเขาถึงกล้าที่จะถอนหายใจออกมา
“อ่อก!”
เย่หยวนกระอักเลือดออกมาคำโต ดูท่าการโจมตีเมื่อสักครู่มันน่าจะแฝงพลังแห่งแนวคิดมาด้วยจึงทำให้เขาบาดเจ็บ
เย่หยวนไม่คิดที่จะหยุดอยู่ตรงหน้า วิ่งสู้ฝ่าฝูงสัตว์อสูรออกมาจากวงล้อมของสายฟ้า
เขาเชื่อว่าพลังที่รุนแรงและน่ากลัวขนาดนี้เจ้ากระทิงคลั่งอัสนีฟ้าย่อมไม่สามารถที่จะปล่อยออกมาติดๆ กันได้แน่
หนิงเทียนปิงนั้นหน้าซีดขาวหัวใจแทบร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
เพราะเขาไม่ได้เห็นเย่หยวนลงมือมานานแสนนาน เวลาหลายปีผ่านไปเย่หยวนกลับมีพลังฝีมือที่พัฒนาเหนือล้ำขึ้นอย่างน่ากลัว
ราชันพระเจ้าที่สามารถต่อสู้กลางดงฝูงสัตว์อสูรเช่นนี้ได้ หากคิดจะหาคนที่สองมันก็คงไม่มีอีกแล้ว
จู่ๆ เขาก็ต้องขมวดคิ้วแน่นเพราะตอนนี้กำลังมีฝูงสัตว์อสูรจำนวนไม่ต้องมุ่งหน้ามาหาเขาเช่นกัน
จากนั้นหนิงเทียนปิงก็เริ่มยกดาบยาวขึ้นทำการป้องปกหู่ชิงทันที
โชคยังดีที่เย่หยวนนั้นล่อฝูงสัตว์อสูรไว้จำนวนมาก ทำให้พวกที่มุ่งหน้ามาหาเขานั้นมันเป็นแค่สัตว์อสูรจำนวนน้อยนิด
ตอนนี้ด้วยการชี้นำของโม่ลี่เฟยพลังฝีมือของหนิงเทียนปิงเองก็ไม่ได้พัฒนาช้าไปนักเลย
แค่ฝูงสัตว์อสูรไม่กี่ตัว หนิงเทียนปิงนั้นไม่คิดจะกลัวพวกมันเลยแม้แต่น้อย
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถสังหารได้มากมายเช่นเย่หยวน แต่แค่สัตว์อสูรทั่วๆ ไปนั้นก็ไม่สามารถที่จะเข้ามาใกล้เขาได้เลยเช่นกัน
ที่ด้านเย่หยวน ตอนนี้มีเหลือแค่พวกสัตว์อสูรที่เขาสังหารลงไม่ได้ง่ายๆ
พวกที่เขาสามารถสังหารลงได้ด้วยดาบเดียวนั้นล้วนแต่เป็นสัตว์อสูรที่อ่อนแอ
พวกสัตว์อสูรที่มีพลังผ่านระดับสี่ขั้นปลายขึ้นไปนั้นเย่หยวนเองก็ไม่สามารถจะสังหารฆ่ามันลงได้ง่ายๆ เช่นกัน
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น มันก็ยังมีสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายเจ็ดถึงแปดตัวนอนตายอยู่แถวๆ นั้น
ส่วนพวกศพของสัตว์อสูรที่อ่อนแอนั้นยิ่งกองกันมากเป็นภูเขา
เมื่อถูกล้อมอย่างหนักเช่นนี้ เย่หยวนเองก็รู้สึกได้ถึงความกดดันอันมหาศาลเช่นกัน
จู่ๆ เย่หยวนก็ได้เห็นว่ามีสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายสองตัวกำลังมุ่งหน้าเข้าไปทางด้านหนิงเทียนปิง
เย่หยวนนั้นตกตื่นอย่างมาก เพราะด้วยพลังฝีมือของหนิงเทียนปิงในตอนนี้มันเป็นเรื่องยากมากที่จะสามารถทนรับการโจมตีของสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายถึงสองตัวพร้อมๆ กัน
ที่สำคัญตอนนี้เขาก็ต้องรับมือกับสัตว์อสูรอื่นอยู่หลายตัว
ฟุบ!
สองดาบแสงพุ่งตรงแหวกอากาศไป ฟันทำลายร่างของสัตว์อสูรทั้งสองตัวนั้นจนลงไปกองแน่นิ่งกับพื้น
แต่ตอนนั้นเองทางด้านเจ้ากระทิงคลั่งอัสนีฟ้าเองก็ปล่อยลูกสายฟ้าออกมาจากปากของมัน
เพื่อที่จะสังหารเจ้าสัตว์อสูรทั้งสองตัวนั้น เย่หยวนได้เปิดช่องว่างขนาดใหญ่ขึ้นมา และหากคิดจะหลบตอนนี้มันก็คงสายไปเสียแล้ว
แต่เรื่องนี้เย่หยวนก็เข้าใจมันดีมาตั้งแต่แรก
ลายสีฟ้าครามปรากฏขึ้นบนร่างของเย่หยวนพร้อมแสงสีทองเจิดจ้า
ปัง!
เย่หยวนฝืนรับการโจมตีนี้ไว้โดยตรง ร่างของเขาถูกสายฟ้ากระแทกเข้าอย่างแรงจนต้องกระอักเลือดสาดกระเซ็นออกมาทั่วฟ้าพร้อมปลิวถอยไปไกลลิบ
ตอนนั้นเองที่หู่ชิงก็บรรลุได้สำเร็จ!
เมื่อได้เห็นภูเขาสัตว์อสูรตรงหน้านี้หู่ชิงก็ตื่นตระหนกขึ้นอย่างรุนแรง
“นี่มัน… ฝีมือของท่านเย่หยวนหรือ? เขามีพลังที่น่ากลัวถึงขนาดไหนกันแน่เนี่ย?!”
หู่ชิงไม่เคยคาดคิดว่ามนุษย์จะมีพลังที่น่าเกรงขามได้มากมายถึงขั้นนี้
การต้องถูกสัตว์อสูรยอดระดับสี่ขั้นปลายและยังมีฝูงสัตว์อสูรอีกจำนวนมากล้อม เขากลับสามารถสังหารอีกฝ่ายลงได้อย่างมากมายถึงขั้นนี้
พลังของเย่หยวนนี้แข็งแกร่งจนเขาอดไม่ได้ที่จะขนลุก
เพราะยังไงเสียในสายตาของเขาเย่หยวนก็เป็นแค่ราชันพระเจ้าห้าดาว!
“เจ้าเสือโง่ จะยังยืนนิ่งทำอะไรอีก? รีบไปช่วยนายใหญ่เร็ว!”
ดวงตาของหนิงเทียนปิงนั้นกลายเป็นสีแดงเลือดทันทีที่ได้เห็นว่าเย่หยวนได้รับบาดเจ็บ
เมื่อได้เห็นว่าหู่ชิงที่บรรลุสำเร็จแล้วกลับเอาแต่ยืนนิ่ง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะตะโกนว่าออกมา
……………………….