Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1810 กลองเจ็ดดาวหมีใหญ่
“ไม่ได้การแล้ว อาวุธของเย่หยวนมันเสียเปรียบจนเกินไป!”
“วรยุทธระดับนภาสวรรค์ปะทะกับวรยุทธระดับราชันพระเจ้า ที่สำคัญคนทั้งสองยังมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำจนตอนนี้อาวุธของเย่หยวนมันไม่อาจทนแรงปะทะนั้นได้ไหวอีกต่อไปแล้ว!”
ดาบจักรพรรดิล้ำฟ้าที่แตกหักลงนั้นทำให้ทุกผู้คนเกิดกังวลแทนเย่หยวน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งไป่หลี่ชิงหยาน ตอนนี้ใบหน้างามๆ ของนางนั้นซีดเผือดราวกับเป็นไก่ต้มไปแล้ว
“ฮ่าๆๆ ขอดูหน่อยเถอะว่าจะยังไม่ตายอีกไหม!”
เมื่อเชียนเย่เห็นเช่นนั้นใบหน้าของเขาก็แสดงความตื่นเต้นดีใจออกมาอย่างถึงที่สุด หอกยาวๆ ของเขายกขึ้นสูงพลังที่ปล่อยออกมารุนแรงกว่าเก่าอย่างมาก
เวลานี้แรงของหอกนั้นมันเหมือนถูกพุ่งเร่งขึ้นด้วยเครื่องยนต์จนพุ่งเข้าใส่เย่หยวนอย่างรุนแรงเทียบก่อนหน้าไม่ติด
หอกนี้โจมตีมาจนถึงเบื้องหน้าของเย่หยวน
เย่หยวนทนรับการโจมตีสุดรุนแรงนี้ไว้ด้วยใบหน้าไม่สู้ดีแต่เขาก็ยังหัวเราะเย้ยกลับไปได้ “เจ้าจะดีใจเร็วเกินไปแล้ว!”
พูดไปก็มีคลื่นดาบพุ่งออกมาจากร่างกายของเย่หยวน
ในวินาทีนั้นราวกับว่าเศษดาบจักรพรรดิล้ำฟ้าที่หักไปมันกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง
กลางอากาศนั้นเศษดาบนับร้อยพุ่งขึ้นปิดท้องฟ้าจนมืดมัวพร้อมส่องแสงที่ทำให้ผู้คนมึนงง
“เจตดาบในเส้นไหม!”
เจียงหงและเฉียวฟูร้องออกมาพร้อมๆ กันด้วยท่าทางแสนตื่นตกใจ
ดูท่าแล้วเรื่องนี้มันคงเหนือการคาดเดาของพวกเขาไปมาก
“ตาย!”
เย่หยวนร้องบอกพร้อมส่งเศษดาบนับไม่ถ้วนนั้นพุ่งเข้าใส่เชียนเย่
เชียนเย่หน้าถอดสีทันทีเพราะพลังโลกของเขานั้นไม่อาจหยุดเหล่าเศษดาบทั้งหลายนี้ได้เลย
ในวินาทีนั้นเชียนเย่รู้สึกราวกับว่ามีดาบนับล้านเล่มวิ่งพุ่งผ่านตัวเขาไปจากทุกทิศทาง
แม้ว่าหอกของเขาอาจจะปัดป้องพวกมันได้แต่หอกของเขาก็ใช้ทำการโจมตีออกไปอย่างรุนแรงและไม่อาจดึงกลับมาป้องกันได้อีกแล้ว
เชียนเย่กัดฟันแน่นและร้องบอก “หากอยากสังหารข้าเจ้าก็ต้องตายตกไปตามกัน! อ้า…”
ความเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันนี้มันเหนือล้ำความคาดหมายของทุกผู้คนรวมไปถึงเชียนเย่ด้วย
เขานั้นรู้ดีว่าตัวเองไม่อาจถอยได้และคิดจะตายตกตามกันไปกับเย่หยวน
ปัง!
ฉึก! ฉึก! ฉึก!
หอกยาวของเชียนเย่พุ่งผ่านสะท้อนเศษดาบนับพันไปได้แต่มันยังมีเศษดาบอีกนับไม่ถ้วนที่พุ่งเข้าใส่ร่างของเขาทำให้ร่างของเขานั้นพรุนจนแทบไม่เหลือสภาพคน
แต่ว่าเย่หยวนก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนักเพราะพลังหอกนั้นมันแสนรุนแรงทำให้สุดท้ายเย่หยวนก็มิอาจป้องกันมันไว้ได้ทั้งหมด
แสงสีทองส่องออกมาจากร่างของเย่หยวนพร้อมด้วยลายสีฟ้า แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็ยังปลิวลอยถอยไปไกล
หลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดในที่สุดคนทั้งสองก็ร่วงลงไปกองกับพื้นพร้อมๆ กันอย่างไม่รู้เป็นรู้ตาย
“เจตดาบในเส้นไหม เด็กคนนี้… มันกลับเก่งกาจถึงขั้นนี้!” เจียงหงมองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตะลึง
เจตดาบในเส้นไหมนั้นมิใช่กระบวนท่าพิเศษใด แต่มันเป็นแนวคิดในเรื่องของเจตจำนงดาบ
หลังจากวิชาดาบเดินทางมาถึงแดนหลุดพ้น แท้จริงแล้วมันไม่ได้จบแค่ตรงนั้น
เมื่อนักยุทธทำการพัฒนาเจตจำนงดาบไปอีกขั้นหลังจากนั้นมันจะขึ้นไปถึงเจตดาบในเส้นไหม
ตำนานกล่าวกันว่าผู้ที่ฝึกวิชาดาบจนถึงขั้นสูงสุดนั้นแม้แต่ใบหญ้าก็กลายเป็นดาบที่คมกริบได้ พวกเขาเหล่านั้นไม่ต้องใช้สมบัติสวรรค์ใดๆ เลย
แค่ขยับมือมันก็มีคลื่นดาบออกมา
และเย่หยวนก็เดินมาถึงเจตดาบในเส้นไหมและใกล้เข้าสู่ยอดเต๋าแห่งดาบได้แล้ว
ความตื่นตกใจของเฉียวฟูก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเจียงหงเลย
เขาเองก็ไม่คิดว่าเวลาแค่สองร้อยปีนี้เย่หยวนกลับสามารถพัฒนาฝีมือตัวเองไปได้อย่างเหนือล้ำขนาดนี้
อัจฉริยะรับนี้มันหาได้ยากในโลกหล้าจริงๆ!
บนสังเวียน เชียนเย่เริ่มแสดงอาการกระตุกขึ้น
ตอนนี้ร่างของเขานั้นเต็มไปด้วยรูแต่เพราะความเป็นยอดฝีมือนภาสวรรค์อาการบาดเจ็บแค่นี้มันคงไม่อาจสังหารเขาลงได้
ส่วนอีกด้านเย่หยวนก็ขยับนิ้วและเริ่มยันตัวลุกขึ้นมาได้ ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปหาเชียนเย่ในที่สุด
นั่นทำให้เจียงหงหน้าถอดสีทันทีเพราะเย่หยวนดูท่าคิดจะสังหารเต็มที่!
เจียงหงขยับร่างกายไปบังหน้าเย่หยวนไว้และบอก “พอแล้ว วันนี้เจ้าได้สร้างเรื่องราวมามากพอแล้ว หยุดแค่นี้แหละ! เรื่องความผิดที่เจ้าสังหารจงฮันหลินข้าจะไปพูดกับทางนิกายให้ ด้วยความสามารถระดับเจ้าทางนิกายเองก็คงไม่ลงโทษอะไรมากมาย”
เชียนเย่นั้นเป็นยอดอัจฉริยะอีกคนหนึ่งของยอดดอกตูมสวรรค์ เป็นผู้ที่อาจจะบรรลุขึ้นไปได้ถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ เขาจะยอมให้เชียนเย่ต้องมาตายลงเพราะเย่หยวนไม่ได้
จงฮันหลินเองก็ได้ตายไปแล้ว หากวันนี้เชียนเย่ตายไปอีกยอดดอกตูมสวรรค์นั้นคงขาดอัจฉริยะไปหนึ่งรุ่นทีเดียว
แม้ว่าพรสวรรค์ความสามารถของเย่หยวนมันจะทำให้เจียงหงต้องอ้าปากค้างแต่เจียงหงเองก็เข้าใจได้ว่าถึงตอนนี้แล้วการจะให้เขาย้ายมายังยอดดอกตูมสวรรค์มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
หากเย่หยวนยอมที่จะมา อย่าว่าแต่เชียนเย่ ต่อให้เป็นสิบเชียนเย่เขาก็ยอมแลกอย่าไม่สะทกสะท้าน
เย่หยวนนั้นบาดเจ็บทั่วไปทั้งร่างตอนนี้แม้จะยกแขนยังยกไม่ขึ้น
แต่เขานั้นกลับยืนกรานตอบกลับไป “ข้าบอกแล้วว่าวันนี้มันต้องตาย!”
เจียงหงขมวดคิ้วแน่น “ไอ้เด็กคนนี้อย่าได้ใจให้มันมาก! ความอดทนของข้ามันมีขีดจำกัด!”
เย่หยวนไม่คิดจะยอมแพ้และมองเข้าไปในดวงตาของเจียงหงนั้นด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสเจียงนั้นคือผู้อาวุโสถ่ายทอด ท่านบอกข้าหน่อยได้ไหมว่าอะไรคือโทษของการทำร้ายศิษย์คนอื่นระหว่างการสอบเข้าทั้งๆ ที่ตนเป็นผู้คุมสอบ? แถมยังส่งข้าไปยอดเพลิงเมฆาเพื่อหวังให้ข้าตายอีก มันมีโทษเช่นใด?”
เจียงหงแทบสำลักออกมาเมื่อได้ยิน “แต่ตอนนี้เจ้าก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ได้ดี! ที่สำคัญเจ้าก็สังหารจงฮันหลินไปแล้ว เรื่องในคราวนี้… มันควรจบลงได้แล้ว!”
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “จงฮันหลินนั้นเป็นแค่ตัวหมากที่เต้นบนฝ่ามือของเชียนเย่! หากไม่ใช่เพราะเชียนเย่เข้าโจมตีข้าตอนนั้นข้าคงสังหารมันไปตั้งแต่บนเทือกเขาเงาจันทร์แล้ว คนร้ายที่แท้จริงมันคือเชียนเย่คนนี้!”
เจียงหงนั้นรู้สึกได้ว่าเย่หยวนไม่คิดจะยอมง่ายๆ จึงตะคอกกลับมาด้วยความโกรธ “พอ! วันนี้ข้ามาอยู่ตรงนี้แล้วเจ้ายังคิดว่าตัวเองจะคิดสังหารใครก็ได้อย่างนั้นหรือ?”
เย่หยวนยิ้มออกมาอย่างสิ้นแรง “หากข้าไม่แสดงฝีมือออกมาข้าก็ควรถูกเชียนเย่ส่งไปตาย เช่นนั้นหรือ? ชีวิตของพวกมันมีค่ากว่าข้า?”
เจียงหงบอก “แล้วทำไม? โลกนี้คือโลกที่ผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ เมื่อไม่มีพลังย่อมถูกกำจัดลง! ถอยไป วันนี้เจ้าไม่มีทางสังหารเขาลงได้แล้ว!”
เฉียวฟูเองก็หันมาบอกเย่หยวนพร้อมถอนหายใจยาว “เย่หยวนช่างมันเถอะ เชียนเย่นั้นเป็นความหวังสุดท้ายของยอดดอกตูมสวรรค์ เจียงหงคงไม่ยอมให้เจ้าสังหารมันแล้ว”
เฉียวฟูนั้นย่อมมองออกทันทีว่าเจียงหงนั้นจะไม่ยอมให้เย่หยวนลงมือและพร้อมปกป้องเชียวเย่อย่างสุดตัว
ต่อให้ตัวเฉียวฟูจะช่วยอย่างไรมันก็ไม่มีทางได้ผล
ที่สำคัญต่อให้นำเรื่องนี้ขึ้นไปยังพูดคุยกับทางนิกาย สุดท้ายมันก็เป็นความผิดของเย่หยวน
เย่หยวนสังการจงฮันหลินนั้นมันก็เป็นความผิดพอแล้ว ไปสังหารเชียนเย่อีกมันคงเกินไป
เย่หยวนมองดูเจียงหงด้วยรอยยิ้มแปลกๆ
เมื่อเจียงหงเห็นรอยยิ้มนี้เขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา
เย่หยวนพูดขึ้นมาด้วยจิตสังหารที่ไม่สั่นคลอน “หึๆ ข้าเย่หยวนพูดสิ่งใดไว้ย่อมต้องทำให้ได้เสมอ! หากข้าอยากสังหารมัน มันก็ต้องตาย!”
เจียงหงขมวดคิ้วแน่นด้วยความรู้สึกว่าเย่หยวนนั้นช่างไร้เหตุผล
เขาขยับแขนเสื้อหนึ่งครั้งและส่งร่างของเชียนเย่ไปหาผู้อาวุโสเถา “พามันไปรักษา!”
ทุกคนต่างหันมามองเย่หยวนด้วยท่าทางเสียดายในใจ
เขาทำไปตั้งมากมาย แต่สุดท้ายเย่หยวนก็ยังไม่อาจสังหารเชียนเย่ลงได้
มันช่วยไม่ได้ เพราะอย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นถึงเทพถ่องแท้ ไม่ว่าเย่หยวนจะเก่งกาจแค่ไหนเขาก็ไม่อาจเปลี่ยนผลลัพธ์ที่ออกมาได้
เจียงหงมองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา “เรื่องสังหารเชียนเย่เจ้ายอมแพ้เสียเถอะ! ด้วยท่าทางนี้ของเจ้าหากวันนี้เฉียวฟูไม่อยู่ด้วยข้าก็คงไม่สนหรอกว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์ที่มากมายแค่ไหน ข้าจะสังหารเจ้าลงแน่!”
เย่หยวนหรี่ตาลงทันที “ข้าได้ยินว่าตราบเท่าที่ศิษย์สามารถตีกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่ได้ พวกเขาจะสามารถขออะไรก็ได้จากทางสำนักหนึ่งอย่าง ผู้อาวุโสเจียง ท่านคิดว่า… ข้าจะขอให้นิกายสังหารมันลงไปทั้งๆ แบบนั้นเลยได้ไหม?”
…………………………