Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1819 ไหลตามคลื่น
ในน่านน้ำอันกว้างใหญ่นั้นเรือลำน้อยกำลังค่อยๆ ล่องไปด้านหน้า
พื้นที่รอบๆ ผิวน้ำตอนนี้ปกคลุมไปด้วยหมอกหนาจนไม่อาจเห็นได้แม้แต่นิ้วมือของตัวเอง
พลังปิดกั้นอันมหาศาลหลั่งไหลมาจากทุกทิศทางทำให้พวกเย่หยวนต้องตื่นตกใจ
วิหารศักดิ์สิทธิ์กอไผ่นั้นแสนที่จะยิ่งใหญ่ พวกเขามีพลังอำนาจมากถึงขั้นเปลี่ยนผืนทะเลกว้างใหญ่นี้ให้กลายเป็นดินแดนต้องห้ามของตน
เรือนั้นไม่มีใครพาย มันแค่ไหลไปตามทะเลเรื่อยๆ
ตู้ม!
จู่ๆ ก็เรือน้อยก็สั่นสะท้านขึ้นมาจนทำให้หัวเรือส่ายไปมาอย่างไร้ทิศทางและมุ่งหน้าเข้ากลุ่มหมอกที่หนากว่าเดิมไป ตอนนี้ต่อให้หน้าชนกันพวกเขาก็ไม่อาจมองเห็นได้เลยว่าใบหน้านั้นเป็นของใคร
“ทุกคนระวังด้วยตอนนี้เรากำลังเข้าสู่พายุต้องห้าม คลื่นพลังแนวคิดในนี้มันแสนรุนแรงทุกคนจงระวังอย่าให้ตัวเองถูกเข้ากับพลังปิดกั้น ไม่เช่นนั้นหากเจ้าตกลงทะเลสงบวิญญาณไปแล้วมันคงไม่มีใครสามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้!”
คำพูดเตือนของชูเวินจากหัวเรือดังขึ้น
นั่นทำให้ทุกผู้คนใจสั่นขึ้นมาทันทีด้วยความกลัวและพยายามหลบเลี่ยงพลังปิดกั้นอย่างถึงที่สุด
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดแต่ในที่สุดคนทั้งหลายก็ผ่านพ้นหมอกและกลับมายังทะเลที่เรียบสงบได้
จู่ๆ ไป่หลี่ชิงหยานก็สะดุ้งตัวขึ้น “เย่หยวนล่ะ? เย่หยวนหายไปแล้ว!”
เมื่อทุกคนหันหน้าไปก็พบว่าเย่หยวนที่เดิมทีนั่งอยู่ท้ายเรือนั้นได้หายตัวไปแล้ว
ซู่เหยียนถามขึ้นทันที “ชูเวิน เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เรื่องนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน?”
มีหรือที่ซู่เหยียนจะไม่เข้าใจ? ชูเวินนั้นไม่พอใจและนำพาพวกเขาเข้าเส้นทางนี้มาเพื่อผลักให้เย่หยวนตกทะเลไป
ซู่เหยียนนั้นกล่าวถามขึ้นมาโดยลืมตัวเปลี่ยนวิธีพูดไปสิ้นเชิง
เย่หยวนนั้นคือความหวังในชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่นี้ของเขา ซู่เหยียนนั้นประเมินเย่หยวนไว้สูงมาก แต่ตอนนี้ความหวังนั้นกลับร่วงหายไปมีหรือที่ซู่เหยียนจะยังใจเย็นได้?
ตอนที่เย่หยวนเป็นแค่ราชันพระเจ้าเก้าดาวเขากลับต่อสู้กับนภาสวรรค์หนึ่งดาวได้อย่างสูสีจนสุดท้ายกลับได้เปรียบมาด้วย ตอนนี้เมื่อเขาบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ขึ้นมาได้แล้วพลังฝีมือของเขาย่อมพัฒนาไปอย่างยากที่จะวัดได้
ตอนนี้ซู่เหยียนนั้นมั่นใจว่าเย่หยวนคงไม่มีปัญหาแม้ต้องเจอนภาสวรรค์สองดาว
ส่วนเขาจะทำได้มากกว่านั้นไหม มันเป็นเรื่องที่ยากจะบอกได้
ม้ามืดระดับนี้กลับหายไปก่อนได้ลงมือ แน่นอนว่าซู่เหยียนย่อมต้องโกรธแค้นจนหน้าดำหน้าแดง
ชูเวินหัวเราะอยู่ในใจแต่ก็ยังปั้นหน้าตาซื่อออกมา “ไม่เคยเกิดย่อมไม่ได้หมายความว่าไม่มีทางเกิด ทะเลสงบวิญญาณนั้นเป็นสถานที่แสนอันตรายพลังปิดกั้นหลายครั้งมันมักเปลี่ยนเส้นทาง พลาดไปก้าวเดียวแม้แต่เทพถ่องแท้ก็ไม่แน่ว่าจะรอดกลับมาได้ เมื่อสักครู่นี้มันเป็นแค่การเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อยเราจึงยังรอดออกมาได้อย่างปลอดภัย ผู้อาวุโสซู่ข้าไม่ได้จะว่าหรอกนะ แต่พลังฝีมือของศิษย์ท่านมันอ่อนแอเกินไปไหม? ดูสิว่าคนอื่นๆ ไม่เห็นเป็นไรเลย?”
เขาย่อมคิดทำเช่นนี้ด้วยความจงใจ ทะเลสงบวิญญาณนี้คนนอกไม่รู้จักแต่มีหรือที่ศิษย์วิหารจะไม่รู้
ชูเวินนั้นจงใจอ้อมและเดินทางมาหาคลื่นพลังปิดกั้นเล็กๆ นี้
และจุดที่อันตรายที่สุดก็คือจุดที่เย่หยวนได้ที่นั่ง
เพราะท้ายเรือมันย่อมเป็นตำแหน่งที่ต้องรับพลังของแนวคิดไปมากที่สุด
ดวงตาของไป่หลี่ชิงหยานแดงก่ำขึ้นมาทันที “เจ้าคนชั่วร้ายหน้าไม่อาย! หันเรือกลับเดี๋ยวนี้ ข้าจะกลับไปหาเย่หยวน!”
แต่ชูเวินกลับส่ายหัวออกมา “ไม่เจอแล้วล่ะ ทะเลสงบวิญญาณนี้เปลี่ยนแปลงในทุกวินาที เมื่อตกลงไปย่อมต้องเจอกับพลังปิดกั้นอันมหาศาล มันไม่มีทางที่เขาจะกลับมาได้แล้ว”
ไป่หลี่ชิงหยานตอบกลับมาด้วยท่าทางโกรธแค้น “ข้า… ข้าจะสู้กับเจ้าให้มันรู้แล้วรู้รอดไป!”
ชูเวินบอก “หากเจ้าอยากให้ทุกคนบนนี้ตายตกไปกับเจ้าก็เอาเถอะ ลองดูแล้วกัน!”
ซู่เหยียนดึงแขนของไป่หลี่ชิงหยานไว้พร้อมบอก “อย่าเพิ่งรีบร้อนไป ไปถึงฝั่งแล้วค่อยว่ากัน!”
น้ำตาไหลลงมานองหน้าไป่หลี่ชิงหยานตอนนี้นางมิอาจต้านทานพลังของซู่เหยียนได้และได้แต่ต้องยอมรามือ
แต่สายตาที่นางใช้มองชูเวินนั้นมันช่างเย็นเยือก
ชูเวินยิ้มเยาะอยู่ในใจเพราะท่าทางข่มขู่ของไป่หลี่ชิงหยานนี้มันไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่เขาเลย
แม้ว่าไป่หลี่ชิงหยานจะมีฝีมือที่ไม่ธรรมดา แต่จะผ่านชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ได้หรือไม่นั้นมันยังบอกได้ยาก
ตราบเท่าที่นางไม่ได้เข้าวิหารมา เขาก็ไม่ต้องไปสนใจใดๆ
ไม่นานนักคนทั้งหลายก็มองเห็นผืนดิน
เมื่อเดินขึ้นมาถึงเกาะไป่หลี่ชิงหยานก็ไม่รอช้าพุ่งตัวเจ้าใส่ชูเวินทันที
ชูเวินนั้นราวกับว่าคาดคิดเตรียมรับมือกับมันมานานและแค่ชี้นิ้วกลับออกมา
“ถอยไป!”
ชูเวินร้องบอกส่งคลื่นพลังอันแสนน่ากลัวใส่ร่างไป่หลี่ชิงหยานจนนางนั้นต้องกระเด็นกลับไปไกล
ความแตกต่างระหว่างชูเวินและไป่หลี่ชิงหยานนั้นมันมากเกินไป!
“หึ! ช่างประเมินตัวเองสูงเกินจริง! หากไม่เห็นแก่หน้าผู้อาวุโสซู่ข้าคงสังหารเจ้าทิ้งไปแล้ว!” ชูเวินบอก
ไป่หลี่ชิงหยานหันกลับไปร้องว่าชูเวินทันที “เจ้ารอก่อนเถอะ สักวันข้าต้องแก้แค้นให้เย่หยวนได้อย่างแน่นอน!”
ชูเวินนั้นตอบกลับมาด้วยความถูกดูเปี่ยมใบหน้า “เรื่องนั้นมันขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะชนะชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ได้หรือไม่! ในสายตาของข้าแล้วความหวังนั้นมันคงริบหรี่นัก”
ซู่เหยียนเองก็พยายามกดเก็บความโกรธแค้นในจิตใจไว้ “ชูเวิน เจ้าทำเกินไป! เรื่องในวันนี้ข้าจะนำไปรายงานต่อท่านทูตให้เขาลงโทษจัดการ”
แต่ชูเวินกลับดูท่าทางไม่คิดสนใจและยิ้มตอบกลับมา “เอาเลย!”
เมื่อเห็นท่าทางนั้นของชูเวินซู่เหยียนก็รู้สึกใจหาย
เพราะอย่างไรเสียเมื่ออยู่ต่อหน้าวิหาร พวกเขาเหล่าเทพถ่องแท้ก็เป็นได้แค่ตัวตนน้อยๆ!
“หืม? พวกเจ้าดูนั่น มีใครอยู่บนทะเลสงบวิญญาณ!” อี้ชิงเซียงบอก
นั่นทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีไปทันที พวกเขาต่างหันไปมองยังจุดที่อี้ชิงเซียงชี้และแน่นอนว่าพวกเขาทั้งหลายกำลังเห็นจุดดำเล็กๆ ลอยมาตามคลื่นและเข้าใกล้ฝั่งมาเรื่อยๆ
แม้ว่าสายตาของพวกเขานั้นจะเหนือมนุษย์แค่ไหน แต่เจ้าทะเลนี้มันก็เปี่ยมไปด้วยเมฆหมอกจนไม่อาจมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน
“หรือว่า… จะเป็นเย่หยวน?” ซู่เหยียนบอก
ชูเวินถอดสีไปด้วยดวงตาที่พยายามหรี่มอง เขาพยายามใช้ทุกอย่างเพื่อเพิ่งมองผ่านหมอกนั้นไป
แต่เงาร่างนั้นมันก็มีอยู่จริง ตอนนี้เงาร่างนั้นกำลังล่องเข้ามาใกล้ฝั่งไปเรื่อยๆ
“เป็น… เป็นไปได้อย่างไร?” ชูเวินบอก
เมื่อไป่หลี่ชิงหยานเห็นเงาร่างนั้นนางก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นทันที
“เย่หยวนแน่ๆ! มันต้องเป็นเย่หยวน!” ไป่หลี่ชิงหยานพูดขึ้นด้วยท่าทางดีใจ
เมื่อเงาร่างนั้นเข้าใกล้มาเรื่อยๆ ภาพที่พวกเขาทั้งหลายเห็นมันก็เริ่มชัดขึ้นและชัดขึ้น
จนสุดท้ายพวกเขาก็ได้เห็นว่าเงาร่างนั้นกำลังมายังที่แห่งนี้ด้วยความเร็วปานสายลม
ที่สำคัญคือเขากำลังขี่ยอดคลื่นเข้ามา
“จริงด้วย! เขาไม่ตาย! เขาไม่ตายจริงๆ ด้วย!” ไป่หลี่ชิงหยานร้องออกมาด้วยเสียงขาดๆ ติดๆ
แต่ตอนนี้ไม่มีใครคิดสนใจนางอีกแล้ว
คนทั้งหลายรวมไปถึงซู่เหยียนด้วยต่างมองภาพนั้นอย่างตกตะลึง
“นี่มัน… เป็นไปไม่ได้! นอกจากศิษย์ของวิหารศักดิ์สิทธิ์แล้วไม่มีใครผ่านทะเลสงบวิญญาณเข้ามาได้! แต่ทำไมเขา… ถึงทำได้กัน?”
ชูเวินมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
เย่หยวนนั้นขี่ยอดคลื่นยักษ์เข้ามาใกล้ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับกำลังเล่นโต้คลื่น
“เจ้าทำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าเย่หยวนจะทำไม่ได้! ตอนนี้เข้าคงผิดหวังมากล่ะสิ?”
ไป่หลี่ชิงหยานบอกออกมาพร้อมสายตาที่มองเหยียดหยามชูเวินอย่างถึงที่สุด
เมื่อเห็นสีหน้านั้นของชูเวิน นางเองก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาในหัวใจ
ในหัวของนางนั้นวิหารมันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เปี่ยมไปด้วยความน่าศรัทธา
แต่ตอนนี้เมื่อนางเห็นการกระทำของชูเวิน มันจึงทำให้ความคิดความเชื่อของนางต้องสั่นคลอน
ฟุบ!
เย่หยวนบินร่อนลงมาถึงพื้นดิน
นั่นทำให้ไป่หลี่ชิงหยานอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาด้วยความปลื้มใจยินดี
เย่หยวนเองก็ได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างมึนงงไม่แพ้คนอื่น แต่ก็ยังมีสติพอจะเข้าไปตบบ่าปลอบใจไป่หลี่ชิงหยาน “ไม่เป็นไร มันจบแล้ว”
…………………………