Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1848 มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?
“นายน้อย เกิดเรื่องแล้ว!”
เล้งห่าวที่กำลังทำการเก็บตัวบ่มเพาะอยู่ถูกขัดขึ้นด้วยชายชุดดำที่จู่ๆ ก็พุ่งตัวเข้ามาด้านใน
การต่อสู้เพื่อตัดสินตำแหน่งนายน้อยผู้สืบทอดตระกูลมันใกล้เข้ามาทุกทีแล้วทำให้ท่าทางและคำพูดในน้ำเสียงของชายชุดดำต่อเขาดีขึ้นอย่างมาก
แน่นอนว่าเมื่อเล้งห่าวได้ยินเขาก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที
“หืม? เรื่องใดเหรอ?”
ชายชุดดำบอก “ไม่กี่วันก่อนเล้งซู่ยังใช้ชีวิตอย่างเศร้าหมองดื่มสุราไปวันๆ แต่เมื่อวานนี้เขากลับเริ่มหยิบจับดาบขึ้นมาฝึกฝนอย่างหนักหน่วงและดูท่าจริงจังมากด้วย”
เมื่อเล้งห่าวได้ยินเช่นนั้นเขาก็หัวเราะลั่น “เวลาแค่สิบวันมันจะทำอะไรได้? ไม่ว่ามันจะฝึกฝนตัวไปมากแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางเป็นคู่มือข้าได้แน่! เจ้ามารบกวนการบ่มเพาะของข้าด้วยเรื่องแค่นี้อย่างนั้นหรือ?”
ชายชุดดำนั้นรีบพูดแก้ตัวขึ้นมาทันที “การฝึกฝนหลายปีของเขานั้นได้มาถึงจุดสำคัญแล้ว ท่านจงอย่าประมาทไป!”
เล้งห่าวขมวดคิ้วแน่น เขาหยุดคิดไปนิดหน่อยก่อนจะบอก “ช่างเถอะ ที่เจ้าว่ามามันก็ถูก นี่คือขวดผงหอมสวรรค์เอ็นอ่อนมาพอที่จะทำให้ปราณเทวะของผู้คนไม่อาจไหลถ่ายเทได้คล่อง เจ้าจงหาโอกาสใช้มันเพื่อวางยาน้องชายข้าเสีย ศึกนี้ ข้าจะจัดการเขาต่อหน้าผู้คนอย่างสง่าและผ่าเผย”
เมื่อพูดไปเล้งห่าวก็นำผงหอมสวรรค์เอ็นอ่อนออกมาหนึ่งขวดและมอบมันให้แก่ชายชุดดำ
ผงหอมสวรรค์เอ็นอ่อนนั้นเป็นสิ่งที่ไร้สีไร้กลิ่น ต่อให้ผู้คนดื่มกินมันเข้าไปก็ยากที่จะรู้ตัวได้
มีเพียงเวลาที่จะเริ่มทำการต่อสู้จริงๆ เท่านั้นที่ฤทธิ์ของมันจะแสดงออกมา
ชายชุดดำคนนั้นยิ้มขึ้นมาทันที “ในที่สุดความหวังหลายต่อหลายปีของท่านก็จะเป็นจริงแล้ว ข้าน้อยขอยินดีกับท่านด้วยจริงๆ!”
…
สิบวันผ่านไปในพริบตาจนถึงวันนี้ในที่สุดคนตระกูลเล้งก็ได้มารวมตัวกันที่ลานฝึก
ศิษย์ของตระกูลเล้ง ยามเฝ้าตระกูล รวมไปถึงคนใช้ต่างออกมาเพื่อดูศึกตัดสินความเป็นนายน้อยของตระกูล
“หึ สายสัมพันธ์มนุษย์ปลอมๆ ผู้นำตระกูลคนก่อนตายลงอย่างไม่คาดฝัน ตอนนี้เล้งซู่ก็ไม่อาจรักษาตำแหน่งผู้นำตระกูลได้อีกต่อไปแล้ว”
“การต่อสู้นี้มันก็แค่พิธีเพื่อทำเรื่องราวให้เป็นทางการ พลังฝีมือของเล้งซู่ย่อมไม่มีทางเทียบเล้งห่าวได้แต่แรกแล้ว”
“หากเล้งซู่ยังพอมีปัญญาอยู่บ้างเขาคงต้องมาเพื่อยอมแพ้โดยตรงแน่”
…
นี่แหละคือมนุษย์
ผู้นำตระกูลคนก่อนตายไปนานหลายปีแล้ว ตอนนี้เล้งห่าวก็เป็นดั่งดวงตะวันที่ฉายแสงไปทั่ว ทุกคนต่างรับรู้ดีว่าสุดท้ายเขาคนนี้จะได้ขึ้นเป็นนายน้อยสืบทอดตระกูลแทน และมันย่อมทำให้ไม่มีใครคิดสนใจจะไปอยู่ข้างเล้งซู่
ในตระกูลใหญ่ๆ อย่างตระกูลเล้งนี้ สายสัมพันธ์ของผู้คนมันเย็นชาเสียยิ่งกว่าน้ำแข็ง
บางทีอาจจจะเป็นเพราะว่าเขาใกล้ได้เป็นนายน้อยของตระกูลแล้ว ทำให้เล้งห่าวดูท่าทางร่าเริงและมารออยู่บนสังเวียนตั้งแต่ไก่โห่
เรื่องราวที่แสนสำคัญเช่นนี้ เล้งหงซิ่วและเหล่าผู้เฒ่าผู้แก่ของตระกูลเล้งย่อมต้องออกมาดูชมมัน แต่พวกเขากลับพบว่ามีแค่เล้งซู่เท่านั้นที่ยังมาไม่ถึง
เหล่าผู้เฒ่านั้นเริ่มพูดขึ้นอย่างร้อนใจ “หึ! เล้งซู่นี้มันช่างไม่เชื่อฟังใคร ทำให้เราเหล่าคนเฒ่าคนแก่ต้องมารอมัน! คนอย่างมันนี้ไม่ต้องให้เป็นผู้สืบทอดตระกูลต่อนั่นแหละดีแล้ว”
“เล้งซู่มันไม่เชื่อฟังใครทำอะไรตามใจตน เดิมทีมันก็ไม่เคยคิดจะเห็นหัวผู้อาวุโสเราอยู่แล้ว จะว่าไปเด็กน้อยเล้งห่าวคนนี้ยังดีกว่าเยอะ”
เมื่อเหล่าผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งหลายเริ่มมาถึงพวกก็พูดเห็นด้วยไปตามๆ กัน
เมื่อเล้งห่าวได้ยินคำพูดของเหล่าผู้เฒ่าทั้งหลายเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างมาก
เหล่าผู้เฒ่าทั้งหลายนี้ ปกติแล้วเขาย่อมเข้าหาอย่างอ่อนน้อม มีหรือที่มันจะเหมือนเล้งซู่ที่ไม่คิดสนใจผู้เฒ่าผู้แก่ของตระกูลเลย?
เพราะฉะนั้นตำแหน่งนายน้อยของเล้งซู่มันจึงมีแต่ความหายนะเท่านั้น
เล้งห่าวยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “การต่อสู้ครั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญ น้องซู่คงต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานกว่าปกติเป็นเรื่องธรรมดา หวังว่าเหล่าผู้อาวุโสจะรอเขาอีกสักนิด”
คำพูดของเล้งห่าวนั้นทำให้ผู้เฒ่าทั้งหลายเริ่มยอมอ่อนข้อลง
เพราะตอนนี้แม้แต่เล้งหงซิ่วก็ไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติใดๆ และแค่พยักหน้ารับไปเท่านั้น
เว้นเสียแต่ว่าจะมีนางสวรรค์คนหนึ่งที่นั่งข้างๆ เขานั้นขมวดคิ้วแน่นด้วยท่าทางอึดอัด
จู่ๆ ก็เกิดเสียงขึ้นมาในฝูงชนก่อนจะแหวกกันไปเป็นทาง
ชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งเดินกระโดดออกมาจากเส้นทางนั้นขึ้นมายังสังเวียน
เขามองดูเล้งห่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “ยังคงเป็นพี่ห่าวที่เข้าใจข้าเสมอ ศึกสำคัญเช่นนี้มีหรือที่ข้าจะไม่เตรียมตัวให้พร้อมได้?”
สภาพของเล้งซู่ในตอนนี้ดูคึกคักสดใสมาก ใบหน้าของเขาสว่างชัด สภาพจิตใจเบิกบานราวกับได้เกิดใหม่
เมื่อเล้งห่าวเห็นรอยยิ้มบางๆ ของเล้งซู่นั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึงขึ้นมาในหัวใจ
ที่ผ่านๆ มาเขาได้เห็นแต่ใบหน้าเจ็บปวดของเล้งซู่ แต่เล้งซู่ในวันนี้มันดูจะแตกต่างจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง
มันเกิดอะไรขึ้นในเวลาแค่สิบวันนี้กัน?
จู่ๆ หน้าของเขาก็ยิ่งซีดหนักลง “เจ้าบรรลุแล้ว!”
เล้งซู่พยักหน้ายิ้มรับ “ศัตรูของข้าในวันนี้คือพี่ห่าว มีหรือที่ข้าจะไม่พยายามได้?”
เมื่อได้เห็นความตื่นตกใจของเล้งห่าว เล้งซู่ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในหัวใจ
วันนี้ทุกผู้คนจะได้รู้ว่าตัวเขา เล้งซู่นั้นคือยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลเล้ง!
และตำแหน่งนายน้อยสืบทอดตระกูลใดๆ นี้ เขาไม่ต้องการมัน!
แน่นอนว่าที่เขาสามารถบรรลุขึ้นมาได้มันย่อมเป็นเพราะเย่หยวน
เดิมทีเขานั้นมีพลังบ่มเพาะแค่อาณาจักรนภาสวรรค์สี่ดาวขั้นต้น มันย่อมไม่มีทางใดที่จะบรรลุขึ้นมาได้ง่ายๆ เช่นนี้ แต่ด้วยโอสถระดับเทวะโมฆะของเย่หยวนมันจึงช่วยให้เขาสามารถบรรลุขึ้นสู่นภาสวรรค์สี่ดาวขั้นกลางได้ในเวลาแค่สิบวัน
เล้งห่าวนั้นมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่อาณาจักรนภาสวรรค์สี่ดาวขั้นปลาย ทำให้ความแตกต่างของทั้งสองในตอนนี้ไม่ได้ห่างชั้นกันมากนัก
แม้ว่าเล้งห่าวจะมีพรสวรรค์ที่ไม่น้อย แต่เล้งซู่ก็ยังเหนือกว่าทำให้เขามีแนวคิดที่ลึกล้ำกว่าพี่ชายอย่างเล้งห่าวมาก!
เล้งห่าวพยายามฝืนยิ้มออกมา “ฮ่าๆ เยี่ยม! แต่ว่าอย่างไรเสียข้าก็มีพลังบ่มเพาะที่เหนือกว่าเจ้า ข้าย่อมไม่มีทางที่จะแพ้เจ้าได้!”
เล้งซู่มองดูเล้งห่าวด้วยรอยยิ้มแสนสงบ “เช่นนั้นหรือ? พี่ห่าว ท่านนั้นเป็นพี่ชายของข้ามาเสมอ ท่านนั้นคือเป้าหมายที่ข้าตั้งไว้! และวันนี้ข้าจะก้าวข้ามเป้าหมายนั้นให้ดู!”
เขาไม่ได้ล้อเล่นใดๆ เล้งห่าวนั้นมีพลังฝีมือที่นับได้ว่าเป็นยอดคนของรุ่นคนหนุ่มสาวในตระกูลเล้ง
ไม่เช่นนั้นด้วยเชื้อชาติเกิดของเขา เขาย่อมไม่มีทางจะขึ้นมาสู่ตำแหน่งนี้ได้ง่ายๆ จนได้รับการยอมรับเป็นนายน้อย
เล้งห่าวนั้นเป็นพี่ชายที่ไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้ในสายตาของเล้งซู่เสมอ เพราะฉะนั้นเมื่อถูกเล้งห่าวคนนี้คิดร้ายใส่มันจึงทำให้เขาเจ็บปวดอย่างมาก
ภาพจำที่ค่อยๆ แตกสลายพังลงต่อหน้ามันเป็นสิ่งที่เจ็บปวดอย่างยากหาสิ่งใดมาทดแทน
แต่ด้วยการช่วยเหลือของเย่หยวน ในที่สุดเขาก็กลับมายืนหยัดได้
เมื่อได้เห็นความมั่นใจของเล้งซู่ เล้งห่าวก็ได้แต่หัวเราะเย้ยในหัวใจ
เล้งซู่นั้นกินผงหอมสวรรค์เอ็นอ่อนเข้าไปแล้ว ต่อให้เขาจะบรรลุขึ้นมาได้มันก็ย่อมไม่มีทางจะต่อต้านขัดขืน!
การต่อสู้นี้เป็นชัยชนะที่กำหนดมาตั้งแต่ยังไม่เริ่ม!
เล้งหงซิ่วยิ้มบอก “ในเมื่อซู่เอ๋อก็มาถึงแล้ว มาเริ่มการประลองเพื่อตำแหน่งนายน้อยสืบทอดตระกูลกันเลย”
เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้นคลื่นพลังดาบอันรุนแรงก็เข้าปะทะกันทันที
คนทั้งสองนั้นฝึกฝนดาบด้วยกันทั้งคู่ แถมยังมีแนวคิดอยู่ที่ระดับห้าเหมือนๆ กัน ทั้งยังใช้วรยุทธบ่มเพาะเดียวกันเสียอีก
แต่ว่าเล้งห่าวที่เป็นนภาสวรรค์สี่ดาวขั้นปลายกลับไม่สามารถชิงความได้เปรียบต่อเล้งซู่ที่เป็นนภาสวรรค์สี่ดาวขั้นกลางได้!
ยิ่งเล้งห่าวสู้ เขาก็ยิ่งตื่นตกใจเพราะพลังฝีมือของเล้งซู่นั้นพัฒนาขึ้นอย่างมาก!
เวลาสิบวันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทำไมเล้งซู่จึงได้เปลี่ยนไปจนแทบกลายเป็นคนละคนเช่นนี้?
ที่สำคัญ… ทำไมผงหอมสวรรค์เอ็นอ่อนถึงยังไม่ออกฤทธิ์ใดๆ อีก?
เล้งห่าวนั้นแทบจะบ้าตาย!
“พี่ห่าว ไม่ตั้งสติให้ดีระวังจะแพ้นะ!” เล้งซู่พูดบอกด้วยรอยยิ้ม
เล้งห่าวนั้นตื่นตกใจขึ้นทันทีพร้อมเพิ่มแรงลงแขนทั้งสองข้างไป
แต่เขาก็ยังมึนงง ทำไมผงหอมสวรรค์เอ็นอ่อนถึงยังไม่ออกฤทธิ์อีกกัน?
“พี่ห่าวกำลังคิดว่าทำไมผงหอมสวรรค์เอ็นอ่อนถึงไม่ออกฤทธิ์หรือ? ไม่ต้องรอหรอก เพราะแม้ข้าจะได้กินผงหอมสวรรค์เอ็นอ่อนลงไปจริงๆ แต่… พิษนั้นมันถูกขจัดออกจากร่างข้าแล้ว!”
เป็นตอนนั้นเองที่เล้งซู่พูดบอกขึ้นมาอีกครั้ง
เล้งห่าวนั้นสั่นสะท้านไปทั้งดวงใจ พิษของผงหอมสวรรค์เอ็นอ่อนนั้นกลับถูกขจัดออกได้!
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกัน?
…………………………