Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1850 จัดการเจ้าเด็กนี่เสีย!
“เจ้า… เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ถึงกล้ามาว่ากล่าวเรื่องในตระกูลเล้งข้าเช่นนี้? สังหารน้อง? เจ้ามีหลักฐานใดกัน? คนที่มันทำให้ตระกูลเล้งต้องเสียหน้ามันก็คือตัวเจ้าและเล้งซู่ มิใช่ข้าเล้งห่าว! เจ้ามายืนพูดจาใดไร้สาระ มีหลักฐานใดกัน?”
เล้งห่าวนั้นถูกเย่หยวนซัดจนลอยปลิวไป ตอนนี้สายตาที่เขามองมายังเย่หยวนมันจึงเปี่ยมไปด้วยความแค้นเคือง
ตั้งแต่ที่เล้งซู่ได้มารู้จักเย่หยวน ทุกสิ่งอย่างมันก็ได้เปลี่ยนแปลงไป
แต่ตอนนี้มันเป็นโอกาสอันแสนดีงาม!
เย่หยวนนั้นรนหาที่ตาย ไปท้าทายหานดงจุนเช่นนั้น นี่มันคือโอกาสที่จะทำให้เขาพลิกกลับมาได้!
เมื่อหานดงจุนเห็นเย่หยวนดวงตาทั้งสองของเขาก็แทบลุกเป็นไฟ
“เจ้าหรือคือเย่หยวนที่สังหารเซี่ยวเอ๋อของข้า?” หานดงจุนกัดฟันกล่าวขึ้น
เย่หยวนนั้นแค่ยิ้มตอบกลับมาน้อยๆ ก่อนจะลากร่างของชายชุดดำและสาวใช้คนหนึ่งออกมาบนสังเวียน
เขาหันหน้าไปหาเล้งหงซิ่ว “สาวใช้นางนี้คือสายลับที่เล้งห่าวใช้ให้มาจัดการเล้งซู่ ไม่กี่วันก่อนนางได้ผสมผงหอมสวรรค์เอ็นอ่อนใส่อาหารของเล้งซู่ เพื่อที่จะทำให้เล้งซู่หมดสภาพในการต่อสู้วันนี้ไป ส่วนเจ้าชายชุดดำคนนี้เขาคือคนสนิทของเล้งห่าว สิ่งที่เล้งห่าวได้ทำมาหลายปีนี้ หากท่านผู้นำตระกูลลองค้นจิตของมันดู ท่านก็ย่อมจะรู้ทุกสิ่งอย่างได้”
เมื่อได้เห็นคนทั้งสองนั้นสีหน้าของเล้งห่าวก็เปลี่ยนไปทันที
สาวใช้นางนั้นยังพอว่า แต่ชายชุดดำนั้นเป็นดั่งแขนขวาของเขาเรื่องราวใดๆ เขาย่อมรู้ดีไม่ต่างจากตัวเล้งห่าว
หากเขาถูกค้นวิญญาณแล้วเรื่องราวมันคงจบสิ้นกัน!
แท้จริงแล้วในวันนั้นที่หน้าบ้านตระกูลเล้ง เย่หยวนก็สามารถสัมผัสรับรู้ได้ถึงตัวตนของชายชุดดำนี้
เพียงแค่ว่าตอนนั้นอีกฝ่ายไม่คิดลงมือ เขาจึงไม่คิดที่จะทำอะไรเช่นกัน
ในวันก่อนหน้านี้ทั้งชายชุดดำและสาวใช้คนนี้แอบพบกันและถูกเย่หยวนรับรู้ได้เพราะสัมผัสด้านมิติของเขา เขาจึงสามารถจับได้อย่างคาหนังคาเขา
แต่เพื่อไม่ให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น เขาจึงปล่อยให้ชายชุดดำนั้นได้กลับไป
วันนี้เขาได้ใช้โอกาสที่มีคนมาขัดจังหวะการประลองหานายน้อยคนใหม่ เย่หยวนจึงไปจับทั้งตัวชายชุดดำและสาวใช้มา
เล้งห่าวนั้นแทบจะล้มทรุดลงกับพื้น
“ผู้นำตระกูล อย่าได้ฟังคำของมัน! มันนั้นมีความคิดชั่วร้าย ข้าไม่รู้จักคนทั้งสองนี้เลย!” เล้งห่าวนั้นตื่นตกใจอย่างมากแต่ก็ยังพยายามพูดปกป้องตัวเองออกมา
หลายปีมานี้เขาได้ทำเรื่องราวที่ไม่อาจเปิดเผยได้อย่างมากมายเพื่อที่จะได้รับตำแหน่งนายน้อยของตระกูลมาครอง
เมื่อมันถูกเปิดเผยออกมาแล้วเรื่องราวทั้งหมดคงจบสิ้น!
แต่เย่หยวนกลับกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางเหยียดหยาม “หากไม่ใช่เพราะเล้งซู่ ข้าเองก็ไม่ได้อยากมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวสุดจะน่าทุเรศนี้หรอก กล่าวหาเจ้าหรือ? เจ้าคิดว่าตัวเองมีค่าพอหรือ?”
ใบหน้าของเล้งหงซิ่วเองก็ดูไม่ค่อยดีเช่นกัน
เพราะตอนนี้เรื่องราวมันกำลังดำเนินไปอย่างเหนือความคาดหมายของเขามาก
มีหรือที่เขาจะมองไม่เห็นถึงความลนลานในสายตาของเล้งห่าว?
แต่ว่าเล้งห่าวในสายตาของเขานั้นมิใช่คนชั่วร้ายอย่างที่ถูกกล่าวว่านี้เลย
กลับกัน เขาคิดว่าเล้งห่าวเป็นคนดีมีน้ำใจเสียด้วยซ้ำ
เพราะเช่นนั้นเขาถึงได้คิดจะแต่งตั้งให้เล้งห่าวเป็นนายน้อยสืบทอดตระกูลต่อไป
เล้งซู่นั้นมีนิสัยรักอิสระไม่มีความรับผิดชอบ ให้พูดตรงๆ แล้วคนเช่นนี้ย่อมไม่เหมาะที่จะรับภาระหน้าที่ของผู้นำตระกูล
เรื่องนี้เล้งหงซิ่วได้คิดคำนวณมาอย่างดีแล้ว
เพราะเขานั้นคือผู้นำตระกูล ย่อมต้องคิดการใดๆ ให้รอบคอบก่อนลงมือ
แต่ตอนนั้นเองที่หานดงจุนกลับพูดขึ้นมาด้วยท่าทางโกรธแค้นเพราะตัวเองถูกทำราวกับเป็นอากาศธาตุ “เด็กน้อย ข้าพูดกับเจ้าอยู่ เจ้าไม่ได้ยินข้ารึ? เจ้าคือผู้ที่สังหารเซี่ยวเอ๋อของข้าใช่หรือไม่?”
เย่หยวนได้แต่กลอกตากลับไปตอบ “เจ้าเป็นใคร คิดว่าข้ารู้จักเจ้าไหม? ทำไมข้าต้องเสียเวลาไปคุยกับเจ้าด้วย? ที่สำคัญเล้งห่าวก็เพิ่งเรียกชื่อข้าไปมิใช่หรือ? เจ้าหูหนวกหรืออย่างไร?”
“ฮ่าๆ!”
คำพูดของเย่หยวนทำให้คนตระกูลเล้งหัวเราะลั่นขึ้นมา
ต่อให้เป็นคนตระกูลหานที่เขาพามาด้วยก็ยังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น
หานดงจุนนั้นโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด ลูกชายเขาถูกสังหาร แถมยังต้องมาถูกคนร้ายกล่าวว่าให้เสียหน้าเช่นนี้ เรื่องนี้มันบ้าบออะไรกัน?
“เจ้าสารเลว เจ้าสังหารเซี่ยวเอ๋อของข้า วันนี้ต่อให้จักรพรรดิหยกมาเองเขาก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้!” หานดงจุนตะโกนบอก
เย่หยวนกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางเย้ยหยัน “ตอนที่ข้าสังหารหานเซี่ยวมีผู้คนมากมายเห็นเหตุการณ์ มันเป็นคนที่คิดเข้ามาลอบโจมตีข้าเอง แต่กลับถูกข้าสวนกลับจนตายไป แต่ตอนนี้เจ้ากลับจะมาบอกว่าข้าผิด หึ คนตระกูลหานนี้มันเอาตัวเองเป็นที่ตั้งเสียจริงๆ!”
หานดงจุนกล่าวขึ้น “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงกล้าเอาตัวมาเปรียบกับเซี่ยวเอ๋อของข้า? หากเทียบกับเขาเจ้ามันเป็นขยะที่แย่ยิ่งกว่าสัตว์หน้าขนเสียอีก!”
เย่หยวนยักไหล่ตอบ “ใช่ ข้านั้นคือขยะที่แย่ยิ่งกว่าสัตว์หน้าขน ที่สังหารลูกเจ้าได้ด้วยดาบเดียว เช่นนั้นแล้วลูกชายเจ้า… ก็คงต่ำเสียยิ่งกว่าขยะที่แย่ยิ่งกว่าสัตว์หน้าขนอีก!”
ฮ่าๆ!”
เสียงหัวเราะดังขึ้นมาอีกระรอกหนึ่งจนทำให้หานดงจุนไม่อาจทนความโกรธแค้นได้อีกต่อไป เขาตะโกนลั่นขึ้น “เจ้าหัวเราะอะไรกัน? หัวเราะอีกครั้งข้าจะฉีกปากเจ้าทิ้งเสีย!”
พูดจบเขาก็หันไปหาเล้งหงซิ่วด้วยสีหน้าท่าทางเย็นชา “เล้งหงซิ่ว เจ้าคิดจะทำอย่างไร? ข้าจะพาคนไปแล้ว เจ้าคงไม่คิดขัดใช่ไหม? เพราะอย่างไรมันก็ยอมรับมาแล้วว่ามันสังหารหานเซี่ยวของข้า!”
เล้งหงซิ่วหันไปมองดูเย่หยวนเล็กน้อยก่อนจะบอก “คนผู้นี้มิใช่คนตระกูลเล้ง หากเจ้าคิดอยากพามันไปข้าก็ย่อมไม่คิดขัด แต่มันต้องไม่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลเล้งข้า! หลังจบเรื่องราวตรงนี้แล้วข้าจะไล่มันออกจากบ้านตระกูลเล้งไป จากนั้นเจ้าจะเอามันไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็เชิญได้เลย”
เมื่อหานดงจุนได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “ได้ เช่นนั้นข้าจะรอ! เด็กน้อย เจ้าจะได้รู้เองว่าโทษที่มาสังหารเซี่ยวเอ๋อมันจะเป็นอย่างไร!”
เมื่อเห็นท่าทางและคำพูดนั้นของหานดงจุนเย่หยวนย่อมไม่คิดตื่นตกใจ ทำแค่ยักไหล่ตอบ “แค่คนเช่นเจ้าคนกักขังข้าไว้ไม่ได้หรอก!”
หานดงจุนจึงหัวเราะขึ้นราวกับได้ยืนเรื่องขำขันมา “เจ้าคนอวดอ้างหน้าไม่อาย แค่นภาสวรรค์สองดาวกลับคิดว่าจะหนีจากน้ำมือของหานคนนี้พ้น! หากข้าปล่อยเจ้าหลุดรอดไปได้ ข้าหานดงจุนจะไม่ขอโผล่หน้าในเมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยานนี้อีก!”
หานดงจุนนั้นเป็นถึงเทพถ่องแท้ครึ่งก้าว แน่นอนว่าเขาต้องมีตำแหน่งที่สูงส่งในตระกูลหาน
ไม่ว่าเย่หยวนจะเก่งกาจอย่างไร นภาสวรรค์สองดาวมันก็ไม่มีทางที่จะหนีรอดจากเทพถ่องแท้ครึ่งก้าวได้แน่
เย่หยวนมองไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าจำคำที่พูดไว้ให้ดีล่ะ ถึงเวลานั้นอย่าได้กลับคำ”
เขานั้นมีวิชาเคลื่อนย้ายมิติ เพียงแค่คิดก็สามารถไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา
ต่อให้เป็นเทพถ่องแท้ตัวจริงก็คงไม่อาจตามตัวเขาได้ทัน อย่างว่าแต่เทภถ่องแท้ครึ่งก้าวเลย
ที่ด้านข้างนั้นเล้งห่าวกำลังกังวลใจอย่างมาก
เขานั้นคิดอยากจะขึ้นไปสังหารคนทั้งสองนั้นด้วยมือตัวเอง แต่การสังหารปิดปากคนเช่นนั้นมันก็เท่ากับว่าเป็นการยอมรับความผิดไป
แต่หากไม่สังหารลง เมื่อเล้งหงซิ่วตรวจจิตพวกเขาดู เรื่องราวทั้งหมดมันก็จะถูกเปิดเผย
ตอนนั้นเองที่เล้งหงซิ่วพูดขึ้นบ้าง!
“ในเมื่อเจ้าว่าห่าวเอ๋อคิดร้ายต่อซู่เอ๋อ ข้าก็จะทำการตรวจสอบจิตของคนทั้งสองนี้! หากมันไม่เหมือนดั่งที่เจ้าว่า เจ้าอย่าได้หาว่าตระกูลเล้งเราไร้จิตใจเลย!” เล้งหงซิ่วมองดูเย่หยวนอย่างเย็นชา
เย่หยวนไม่คิดพูดตอบใดๆ แต่เขากลับรู้สึกถึงลางสังหรณ์
เหมือนว่าเขาจะดูถูกสายสัมพันธ์ที่เล้งหงซิ่วมีต่อเล้งห่าวเกินไป!
ตอนนั้นเองที่ปราณเทวะของเทพถ่องแท้ถูกปล่อยออกมาใส่ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของคนทั้งสองอย่างรุนแรง
“อ่อก!”
คนทั้งสองกระอักเลือดออกมาทันทีอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะร่วงลงกับพื้นพร้อมหมดลมหายใจ
เย่หยวนหน้าเปลี่ยนสีทันที นี่มัน… จะไม่ถือว่าเป็นการปิดปากพยานอย่างหนึ่งหรือ?
เล้งห่าวนั้นแสดงใบหน้าที่แสนกังวลออกมา ตอนนี้ร่างของเขานั้นสั่นสะท้านอย่างถึงที่สุด
เล้งหงซิ่วจะประกาศความผิดของเขาออกมาหรือไม่?
ตาที่หลับของเล้งหงซิ่วค่อยๆ เปิดขึ้นก่อนจะหันมามองเย่หยวน “พูดจาไร้สาระ ทำลายชื่อเสียงตระกูลเล้งข้า! พวกเจ้าทั้งหลาย! มาจัดการเจ้าเด็กนี่เสีย!”
…………………………