Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1875 ผีเทพสวรรค์ขวังต้าว
“ช่างเงียบเสียเหลือเกิน ดูท่ามันคงมิใช่สถานที่ที่ดีงามแน่ เย่หยวนระวังตัวด้วย” ตอนนี้พื้นที่รอบกายของพวกเขาทั้งหลายนั้นเงียบสงัดจนมันทำให้จิตใจของกู่เทียนเฉรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ที่เห็นนี้มันเปี่ยมไปด้วยพลังงานหยิน ดูท่าแล้วคงมีผีวิญญาณร้ายผ่านไปมาอยู่บ่อยๆ”
แต่ในความเป็นจริงแล้วเย่หยวนไม่ได้กังวลมากมาย
เพราะหวู่เฉินได้บอกเขามาก่อนแล้วว่าที่แห่งนี้มันคือแดนกักวิญญาณ เป็นสถานที่ที่จอมเทพนิรันดร์มอบให้เหล่าผีร้ายอาศัย
ในที่แห่งนี้ผีเต๋าหลายต่อหลายตนได้ถูกเลี้ยงดูให้เก่งกาจ มันอาจจะมีถึงขั้นตัวตนระดับเทพสวรรค์เลยก็เป็นได้
แต่เมื่อมีหวู่เฉินอยู่ด้วยเย่หยวนย่อมไม่คิดกังวล
ตอนนี้มันเป็นเวลาร่วมเดือนแล้วที่พวกเขาทั้งหลายออกมาจากค่ายกลดาบสังหารสวรรค์
ระหว่างทางมานี้พวกเขาได้เห็นศพมากมายหลายต่อหลายศพระหว่างทาง แต่ตัวพวกเขาทั้งหลายเองนั้นยังคงปลอดภัยดี
และแน่นอนว่าทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะเย่หยวน
การที่จะบอกว่ากู่เทียนเฉไม่รู้เรื่องราวของธงศึกดาวฤกษ์มันก็คงไม่มีทางจะเป็นไปได้แน่
แต่สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันมิใช่แค่นภาสวรรค์ทั่วๆ ไปที่จะถูกข่มขู่ได้ง่ายๆ อีกแล้ว
พลังการต่อสู้ของเขานั้นอยู่ในระดับของเทพถ่องแท้เก้าดาว!
ต่อให้กู่เทียนเฉจะคิดอะไรอยู่ในหัว เขาก็ย่อมได้แต่ต้องหักห้ามใจเอาไว้
พวกเขาทั้งสามค่อยๆ เดินทางเข้ามาลึกเรื่อยๆ ในแดนกักวิญญาณจนจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ดังขึ้นมาจากด้านหน้าไม่ห่างออกไกลนัก ทำให้ทั้งสามต้องรีบตั้งท่ารับการโจมตีทันที
“หยางอี้เต่า จัดการเจ้าผีพวกนี้ก่อน ไม่เช่นนั้นมันคงไม่มีใครจะได้หินรุ้งเจ็ดสีไป!” จีคังร้องบอกอย่างไม่พอใจ
พลังโลกของหยางอี้เต่าพุ่งทะยานตอนนี้เขากำลังรับการโจมตีจากผีระดับหกขั้นสุดถึงสามตน
เหล่าผีทั้งหลายนี้เป็นตัวตนที่จัดการได้ยากยิ่ง เพราะแทบทุกตนนั้นรู้วิชาผีเต๋าร้อยยันต์ทำให้พลังการต่อสู้ของพวกมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
จีคังเองก็ไม่ได้สบายไปกว่ากัน ตอนนี้เขาเองก็กำลังรับมือกับผีอยู่หลายตน
ยอดฝีมือคนอื่นๆ เองก็กำลังตกที่นั่งลำบากเมื่อเจอวงล้อมนี้ของเหล่าผี
จากนั้นหนึ่งในผีเต๋าก็ร้องขึ้นอย่างโกรธแค้น “พวกเจ้ามนุษย์ทั้งหลายกลับกล้าคิดมาแย่งชิงหินรุ้งเจ็ดสีไป! พวกเจ้าต้องตาย!”
ตอนนี้เหล่าผีเต๋านั้นมีจำนวนเยอะกว่าฝั่งมนุษย์มาก ทำให้ฝ่ายมนุษย์ต้องเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
ได้ยินคำพูดเหล่านั้นกู่เทียนเฉจึงได้แต่เบิกตากว้างขึ้น
“หินรุ้งเจ็ดสี! ที่แท้มันเป็นหินรุ้งเจ็ดสี!”
เย่หยวนเผลอถามขึ้นด้วยความมึนงง “ผู้อาวุโส หินรุ้งเจ็ดสีมันคืออะไรกัน?”
นั่นทำให้กู่เทียนเฉหันกลับมามองเย่หยวนอย่างแปลกประหลาดใจ “เจ้ากลับไม่รู้จักถึงหินรุ้งเจ็ดสีจริง?”
เพราะในสายตาของเขาแล้วเย่หยวนนั้นเป็นคนที่มีเบื้องหลังสุดลึกล้ำเกินหยั่งถึง มันย่อมไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ถึงหินรุ้งเจ็ดสีไปได้
นั่นทำให้เย่หยวนต้องผงะไป คิดในใจว่าเช่นนี้ไม่ดีแล้ว
เพราะเหตุผลที่กู่เทียนเฉยังคงเข้าข้างเขามาจนทุกวันนี้มันก็เพราะว่าอีกฝ่ายเกรงกลัวในตัวตนที่ไม่มีจริงของเขา
แต่การที่เขาเผลอถามออกไปเช่นเมื่อกี้นี้มันอาจจะทำให้กู่เทียนเฉรู้สึกสงสัยอะไรขึ้นมาแล้วก็ได้
“อ่า ข้าเคยได้ยินผู้คนพูดถึงชื่อมัน แต่เรื่องที่ว่ามันมีผลใดนั้นข้าไม่ทราบได้” เย่หยวนยิ้มตอบ
แต่คำพูดนี้มันก็ไม่ได้ทำให้ความสงสัยหายไปจากสายตาของกู่เทียนเฉ แต่สุดท้ายเขาก็ยังคงอธิบายออกมา “หินรุ้งเจ็ดสีนั้นคือของวิเศษในเขาแห่งถงเทียน ที่สำคัญมันจะปรากฏออกมาแค่ในเขตของเทพสวรรค์เท่านั้น! แต่ทว่าของสิ่งนี้มันหายากเสียเหลือเกิน ล้านปียังไม่แน่เลยว่ามันจะปรากฏออกมาสักครั้ง หากเทพถ่องแท้คนใดสามารถได้รับหินรุ้งเจ็ดสีมาไว้ในมือได้การจะขึ้นไปอาณาจักรเทพสวรรค์มันก็คงไม่ยากเย็นแล้ว! ของสิ่งนี้สำหรับเทพสวรรค์ทั้งหลายแล้วมันก็มีประโยชน์มหาศาลไม่แพ้กัน”
ได้ยินเช่นนั้นเย่หยวนก็ตกตะลึงขึ้นมาเช่นกัน เพราะสิ่งของที่ทำให้เทพถ่องแท้บรรลุขึ้นเป็นเทพสวรรค์นั้นมันย่อมไม่แปลกที่ผู้คนทั้งหลายจะมุ่งหน้าอยากได้มันอย่างบ้าคลั่ง
ดูท่าคนทั้งหลายนี้คงรู้ตัวดีว่าตนไม่อาจชนะเหล่าผีเต๋าได้ แต่จิตใจก็ไม่คิดที่จะยอมถอย
“เย่หยวน เจ้าหินรุ้งเจ็ดสีนี้เราต้องเอามันมาให้ได้!” กู่เทียนเฉพูดออกมาด้วยสายตาสุดแสนมุ่งมั่น
เพราะพื้นที่โล่งด้านหลังเหล่าผีเต๋าในตอนนี้มันเผยให้เห็นถ้ำลึกลงไป
หากคาดเดาไม่ผิดแล้ว หินรุ้งเจ็ดสีคงต้องอยู่ในถ้ำนี้เป็นแน่
‘ฟุบ!’
กู่เทียนเฉขยับร่างมุ่งหน้าไปยังปากถ้ำทันที
เรื่องราวอันกะทันหันนี้ทำให้ยอดฝีมือหลายคนต้องตื่นตะลึง
“กู่เทียนเฉ เจ้าช่างกล้า!” จีคังร่ำร้อง
“กู่เทียนเฉ เจ้ามันสมควรตาย!” หยางอี้เต่าร้องตามขึ้น
การกระทำของกู่เทียนเฉนี้มันทำให้ทุกผู้คนแทบคลั่งตาย
พวกเขาต่อสู้กันอย่างไม่หยุดพักมาครึ่งค่อนวัน แต่จู่ๆ กู่เทียนเฉกลับฉวยโอกาสช่องว่างได้เสียก่อน
แต่ทว่าความเร็วของกู่เทียนเฉนั้นไม่ธรรมดา ในพริบตาเดียวเขาก็พุ่งตัวเข้าไปถึงถ้ำได้เรียบร้อย
นั่นทำให้หัวหน้ากลุ่มผีเต๋าร้องบอกขึ้น “ผีเฟิง เจ้าตามไปฆ่าสังหารมัน! หินรุ้งเจ็ดสีนั้นเราจะให้ผู้อื่นมาแย่งชิงไปไม่ได้เด็ดขาด!”
“ขอรับ!” ผีเฟิงที่ได้รับคำสั่งรีบมุ่งหน้าลงไปในถ้ำทันที
เมื่อผีเฟิงจากไปมันจึงทำให้ทางฝั่งจีคังเริ่มต่อสู้ได้ง่ายมากขึ้น
“เย่หยวน นี่มัน…” เล้งชิวหลิงไม่นึกไม่ฝันว่ากู่เทียนเฉจะทำตัวบ้าบิ่นได้ขนาดนี้จนไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรต่อไป
ภายในถ้ำนั้นไม่ทราบได้ว่ามันมีตัวตนเช่นใดอยู่บ้าง นางจึงเป็นห่วงกังวลถึงความปลอดภัยของกู่เทียนเฉ
เย่หยวนไม่คิดขยับและแค่กล่าวขึ้น “รอดูไปก่อนเถอะ อีกไม่นานเหล่าจิ้งจอกเฒ่าที่แฝงตัวเข้ามาคงต้องโผล่หางออกมาบ้างแล้ว”
และไม่นานจากนั้นหัวหน้าผีก็ปลดปล่อยพลังที่เหนือล้ำกว่าเก่าขึ้นมาและพูด “จัดขบวน! สังหารพวกมันทั้งหลายให้สิ้น!”
‘วูว! วูว!’
จู่ๆ ลมหยินรอบๆ ก็เกิดร่ำร้องขึ้นมาพร้อมด้วยคลื่นพลังผีเต๋าอันรุนแรง
เมื่อจีคังและพวกเห็นสภาพเช่นนั้นพวกเขาย่อมได้แต่มองมันด้วยใบหน้าซีดเผือด
ตอนนี้เหล่าผีเต๋าระดับหกขั้นสุดทั้งหลายต่างกำลังปล่อยวาดตราที่ดูลึกลับขึ้นมา พร้อมๆ กับสร้างคลื่นพลังอันแสนหนาแน่นขึ้นตรงหน้า
หัวหน้าผีเต๋าร้องบอก “ผีเทพสวรรค์ขวังต้าว รวมตัว!”
‘โฮ่!’
ตอนนี้ยอดฝีมือผีเต๋าตนหนึ่งกำลังค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่าง!
คลื่นพลังที่หนักแน่นและเย็นเฉียบจากเงาร่างนี้มันค่อยๆ ทำให้พื้นที่รอบๆ แข็งขึ้น
นั่นทำให้จีคังต้องเบิกตากว้างด้วยใบหน้าที่ขาวซีดราวกระดาษ “ผีเทพสวรรค์! ผีเทพเต๋าสวรรค์!”
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวนั้นถือดาบโค้งที่ไม่ทราบได้ว่าทำมาจากวัตถุใด แต่แค่สายตาคู่นั้นของเขามองผ่าน มันก็ทำให้ทุกผู้คนรู้สึกได้ถึงความตายที่มาเยือนตรงหน้า
จากนั้นหัวหน้าผีเต๋าก็คุกเข่าลงทันที “ท่านผีเทพสวรรค์ คนเหล่านี้มันคิดหมายจะแย่งชิงหินรุ้งเจ็ดสีไป นายท่านโปรดลงโทษพวกมันด้วยเถิด!”
“คนที่คิดหมายจะแย่งหินรุ้งเจ็ดสีไป จงตาย!” ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวร้องบอกคำพูดนั้นออกมาด้วยเสียงแหลมที่เสียดบาดแก้วหู
จากนั้นผีเทพสวรรค์ขวังต้าวก็สะบัดดาบโค้งออกมาจนทำให้พื้นที่ที่มันเคลื่อนผ่านแตกสลายลง
คลื่นพลังมิติอันรุนแรงมันทำให้เกิดพายุที่บ้าคลั่ง ราวกับว่าพายุลูกนี้มันคิดจะกลืนกินทุกสิ่งลงไปจนสิ้น
นั่นทำให้พวกจีคังทั้งหลายต้องสะดุ้งพุ่งตัวหนีหายไปทันที
แต่แม้พวกเขาจะรวดเร็วปานใด ดาบของผีเทพสวรรค์ขวังต้าวมันก็ยังเร็วกว่า!
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวนี่คือตัวตนระดับเทพสวรรค์อย่างแท้จริง แน่นอนว่าพลังของเขามันย่อมจะเหนือล้ำกว่าคนทั้งหลายอย่างมาก
แต่เวลานั้นกลับเกิดสองคลื่นพลังอันมหาศาลขึ้นมาในหมู่ยอดฝีมือชาวมนุษย์
คลื่นพลังสีดำทะมึนสองสายพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และมันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าผีเทพสวรรค์ขวังต้าวเลย!
เทพสวรรค์อีกสองคน!
‘ปัง!’
‘ปัง!’
เมื่อพลังสีดำทั้งสองสายพวยพุ่งออกมา มันก็เข้าปะทะกับดาบของผีเทพสวรรค์ขวังต้าวไว้
มิติของดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมันอ่อนแอเหมือนกระดาษ เมื่อต้องถูกพลังกดดันจากการปะทะนี้มันจึงแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ ได้ไม่ยาก
ยอดฝีมือเทพสวรรค์ของเผ่าปีศาจผู้นั้นหัวเราะร้องขึ้น “หึๆ ข้าก็นึกว่าจะสามารถเก็บซ่อนตัวตนไว้จนถึงปราสาทของเฒ่าจอมเทพนิรันดร์ได้ ไม่นึกว่าแท้จริงแล้วข้าต้องมาเผยตัวเสียแต่ตรงนี้!”
เทพสวรรค์เผ่าปีศาจอีกคนก็ร้องบอกขึ้น “เฒ่าจอมเทพนิรันดร์นี้มันช่างสมเป็นคนที่ได้ขนานนามว่าเทียบเคียงกับท่านเจี่ยวชางจริงๆ ตายไปแล้วกลับยังสามารถเรียกยอดฝีมือผีเต๋าที่ทรงพลังขนาดนี้ออกมาได้!”
คนทั้งสองนี้คือเทพสวรรค์ของเผ่าปีศาจ!
เมื่อพลังที่ปะทะของคนทั้งสามเบาบางลง มิติรอบๆ จึงค่อยๆ กลับมาสมานตัวได้อีกครั้ง
เย่หยวนมองดูภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
สุดท้ายสิ่งที่เขาเกรงกลัวมากที่สุดมันก็เกิดขึ้นจนได้!
…………………………