Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1877 เงาผีอนันต์
“ให้ตาย! เจ้าบ้านี่ ไสหัวไปให้พ้นหน้าพ่อเจ้าเสีย!” ภายในหลุมยุบนั้นมีเสียงคำรามร้องของกู่เทียนเฉดังออกมา
กู่เทียนเฉและผีเฟิงทั้งสองนั้นกำลังเข้าปะทะกันอยู่อย่างดุเดือดภายใน
กู่เทียนเฉนั้นมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำกว่าขั้นหนึ่ง แต่หากจะคิดอยากจัดการผีเฟิงลงแล้วมันก็คงต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย
ภายในถ้ำนั้นมีแท่นหินหนึ่งตั้งอยู่พร้อมด้วยหินก้อนหนึ่งที่มีขนาดเท่ากำปั้นวางอยู่ด้านบน
นั่นทำให้เย่หยวนต้องหรี่ตาจ้องมองเจ้าหินก้อนนั้นทันทีด้วยความคิดที่ว่าหินนี้คงเป็นหินรุ้งเจ็ดสีแล้ว
เพราะแม้จะอยู่ห่างไกลกันไม่น้อยแต่เย่หยวนก็ยังรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานอันมหาศาลที่ถูกเก็บกักไว้ภายในจนทำให้ตอนนี้อาการบาดเจ็บต่างๆ บนร่างกายของเขามันรู้สึกดีขึ้นมากทีเดียว
“นี่หรือคือหินรุ้งเจ็ดสี? สมชื่อสมคำร่ำลือจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเหล่าเทพสวรรค์ถึงคิดอยากได้มัน” เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยความตื่นตะลึง
ระหว่างที่ดูไปเขาก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังมหาศาลที่ตามมาจากด้านหลัง แน่นอนแล้วว่าคงเป็นผีเทพสวรรค์ขวังต้าวและพวกเทพสวรรค์เผ่าปีศาจที่ตามมา
เย่หยวนจึงได้เหยียบเท้าพุ่งตัวลงไปยังแท่นหินนั้นอย่างไม่รอช้า
“หินรุ้งเจ็ดสีนั้นเป็นของข้า!” ที่ด้านล่างกู่เทียนเฉร้องตะโกนขึ้น
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจเขาแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาทำเพียงแค่ยื่นมือออกไปจับหินรุ้งเจ็ดสีไว้
นั้นทำให้ผีเฟิงหัวเราะลั่น “เจ้าคนเขลาไม่รู้คิด แค่อาณาจักรนภาสวรรค์ก็คิดอาจเอื้อมแตะต้องหินรุ้งเจ็ดสีแล้ว!”
เขารู้เป็นอย่างดีว่าแท่นหินนี้มันมิใช่สิ่งของที่จะปล่อยให้ผู้คนมาหยิบหินรุ้งเจ็ดสีไปจากมันได้อย่างง่ายดาย
‘วูว! วูว!’
มือของเย่หยวนยังไม่ทันได้แตะหินรุ้งเจ็ดสีแต่มันกลับมีคลื่นพลังอันเย็นเยือกไหลวนออกมา
เสียงโหยหวนร้องของเหล่าผีร้ายทั้งหลายดังขึ้น พุ่งทะยานออกมาจากแท่นหินนั้นเข้าปะทะร่างของเย่หยวนอย่างแรง
เหล่าผีร้ายทั้งหลายนี้ต่างมีคลื่นพลังที่สุดแสนแข็งแกร่ง ต่อให้คนที่มาหยิบจับไปนี้จะเป็นเทพถ่องแท้มันก็คงไม่พ้นต้องถูกบดแหลกเป็นชิ้นๆ
เจ้าแท่นหินนี้แท้จริงแล้วมันกลับกลายเป็นสถานที่เก็บซ่อนผีร้าย!
เมื่อกู่เทียนเฉเห็นเช่นนั้นใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดลงเช่นกัน ต่อให้ผีเฟิงจะไม่ได้ตามตัวเขามา แต่หากเขาเข้าไปหยิบหินรุ้งเจ็ดสีไว้ ผลลัพธ์ที่ตามมาของเขามันก็คงไม่แตกต่างจากภาพตรงหน้านี้นัก
โชคยังดีที่ตอนนี้เย่หยวนได้ล่อผีร้ายทั้งหลายออกไปแล้ว
“ฮ่าๆ หินรุ้งเจ็ดสีเป็นของข้าแล้ว!”
ตอนนั้นเองที่กู่เทียนเฉรีบปลดปล่อยพลังออกมาผลักดันร่างของผีเฟิงจนต้องถอยไปหลายก้าว
จากนั้นเขาก็พุ่งร่างออกไปราวสายฟ้า ตะปบมือเข้าที่หินรุ้งเจ็ดสีในทันที
ผีเฟิงเองก็ตื่นตกใจอย่างมากแต่จะไปขวางตอนนี้มันก็คงไม่ทันเสียแล้ว
แต่ในวินาทีนั้นมันกลับมีคลื่นพลังวิญญาณอันแสนรุนแรงพุ่งทะยานขึ้นมาจากร่างของเย่หยวน
คลื่นพลังนี้มันทำให้เหล่าผีร้ายทั้งหลายต้องกรีดร้องแล้วผละตัวออกจากเย่หยวน ราวกับว่าเย่หยวนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดหรือโรคร้าย
เย่หยวนจึงได้ยื่นมือออกไปหยิบและได้หินรุ้งเจ็ดสีมาไว้ในมือในที่สุด
เมื่อเหล่าผีร้ายไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เย่หยวนแล้วพวกมันจึงได้หันไปเล็งเป้ากู่เทียนเฉเป็นคนต่อไป พวกมันพุ่งตัวเข้าไปหาเขาอย่างบ้าคลั่งแทน
‘ฟุบ!’
‘ฟุบ!’
‘ฟุบ!’
และในเวลานั้นสามเงาร่างก็ถึงมาถึงถ้ำหลุบยุบนี้ด้วยคลื่นพลังอันมหาศาล แน่นอนว่าพวกเขานั้นคือเทพสวรรค์ทั้งสามนั่นเอง!
“หึๆ เด็กน้อย ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะยังหนีไปไหนได้อีก!” เฉียวหยวนพูดขึ้นด้วยท่าทางดูถูก
“ไม่นึกเลยว่าเด็กนภาสวรรค์คนหนึ่งจะรับหมัดจากพ่อเจ้าคนนี้ได้! เก่งกาจจริงๆ! แต่สุดท้ายมันก็คงจบลงเท่านี้แล้ว ส่งเฉียวหยวนมาเสีย!” อายเมิงบอกขึ้นด้วยรอยยิ้มแสนชั่วร้าย
เพราะถ้ำหลุบยุบนี้มันมีทางเข้าออกเพียงแค่ทางเดียว และตอนนี้ทางออกที่ว่านั้นก็กำลังถูกปิดกั้นไว้โดยสามเทพสวรรค์ แน่นอนว่าหากคิดจะหนีมันก็คงไม่มีทางไปได้
เหล่ายอดฝีมือที่เหลือเองก็ตามมาที่ด้านหลังแต่พวกเขาได้แต่ตามมาห่างๆ ไม่กล้าที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในครั้งนี้
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวจ้องมองดูเย่หยวนด้วยความโกรธแค้น “เด็กน้อย วางหินรุ้งเจ็ดสีลง!”
เย่หยวนผงะไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มขึ้นมาและหันไปบอกเทพสวรรค์อีกสองคน “ข้าไปบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าข้าจะหนี?”
เฉียวหยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ต้องผงะไปเช่นกันก่อนจะยิ้มขึ้นมา “ไม่หนีน่ะดีแล้ว ดูท่าเจ้าคงยอมรับชะตาของตนแล้ว! ส่งหินรุ้งเจ็ดสีมาแล้วเทพสวรรค์คนนี้อาจจะไว้ชีวิตเจ้าได้!”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็หัวเราะออกมาอย่างควบคุมแทบไม่อยู่ “เจ้าปีศาจร้าย พวกเจ้าทุกตัวมันช่างโง่งมเหมือนกันหมดจริงๆ คิดว่าข้าจะโง่เง่าเหมือนพวกเจ้าหรือ? ไว้ชีวิต? เรื่องเช่นนี้เอาไปหลอกเด็กสามขวบมันยังไม่เชื่อเลย”
รอยยิ้มของเฉียวหยวนที่มีในทีแรกจึงหายวับไปทันที “เด็กน้อย เจ้ามันกล้า! เทพสวรรค์คนนี้จะทำการขังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าให้กลายเป็นทาสปีศาจไปนับแสนๆ ปี!”
เย่หยวนไม่คิดสนใจเขาและหันกลับไปหาผีเทพสวรรค์ขวังต้าว “เจ้ามานี่ หินรุ้งเจ็ดสีนี้ข้าจะมอบให้เจ้า! นอกจากนั้นข้ายังจะช่วยเจ้าขับไล่ปีศาจโง่ทั้งสองไปด้วย!”
เมื่อเฉียวหยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็หัวเราะลั่นออกมา
“ฮ่าๆ เด็กน้อย มุกตลกของเจ้ามันช่างน่าขันจริง ข้าเกือบท้องแข็งตายแล้ว” เฉียวหยวนหัวเราะลั่น
ตอนนี้อย่าว่าแต่เหล่าปีศาจ แม้แต่ทางผีเทพสวรรค์ขวังต้าวก็ไม่คิดจะเชื่อคำพูดของเย่หยวนแม้แต่นิด
แต่ที่เย่หยวนบอกว่าจะมอบหินรุ้งเจ็ดสีให้มันจึงทำให้เขาขยับตัวในที่สุด
แค่ขยับนิดเดียว ร่างนั้นมันก็มายืนอยู่ตรงหน้าเย่หยวนเสียแล้ว
แต่มันมาพร้อมกับคลื่นพลังของความตายที่แสนเย็นเยือกจนเกือบจะแช่ร่างของเย่หยวนให้กลายเป็นน้ำแข็ง
นี่คือคลื่นพลังหยินของผีเทพสวรรค์ แน่นอนว่ายอดฝีมือทั่วๆ ไปย่อมไม่มีทางต้านทานได้
“เด็กน้อย เช่นนั้นก็ส่งหินรุ้งเจ็ดสีมา” ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวบอก
“ขวังต้าว เจ้าจำเฒ่าคนนี้ไม่ได้แล้วหรือ?” เสียงหนึ่งดังเข้ามาในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของผีเทพสวรรค์ขวังต้าวทำให้ร่างของเขาต้องสั่นสะเทือน
“ท่าน…ท่านหวู่เฉิน?” ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวตอบกลับไป
หวู่เฉินหัวเราะ “หึๆ เป็นเฒ่าคนนี้เอง!”
ร่างของผีเทพสวรรค์ขวังต้าวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง คลื่นพลังเช่นนี้ เขานั้นคุ้นเคยกับมันอย่างมาก มันจะเป็นใครได้อีกหากมิใช่หวู่เฉิน?
จอมเทพนิรันดร์นั้นฝึกฝนบ่มเพาะยอดฝีมือผีเต๋า แล้วเขาใช้อะไรในการฝึก?
แน่นอนว่ามันต้องเป็นไข่มุกสยบวิญญาณ!
สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ประเภทวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นี้มันมิใช่สิ่งที่สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ทั่วๆ ไปจะสามารถเทียบเคียงได้เลย
จะกล่าวบอกว่ายอดฝีมือผีเต๋าทั้งหลายนั้นหวู่เฉินเป็นคนเลี้ยงดูมาทั้งสิ้นมันก็คงไม่ผิดนัก
“เยี่ยม! นายท่าน ท่านยังอยู่ดี! มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!” ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวกล่าวขึ้นด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ
“หึๆ ตอนนี้มันมิใช่เวลามาระลึกความกัน ข้าขอยืมสิงร่างเจ้าสั่งสอนเหล่าเทพสวรรค์ปีศาจทั้งสองนี้ก่อน” หวู่เฉินบอก
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวไม่คิดแม้แต่จะลังเล แค่พยักหน้าตอบกลับมา “ได้ขอรับ! เมื่อท่านหวู่เฉินลงมือเองเช่นนี้เจ้าสองสวะนี้ย่อมต้องไม่ได้ตายดี!”
จู่ๆ ดวงตาของผีเทพสวรรค์ขวังต้าวก็เบิกกว้างขึ้นพร้อมพลังงานรอบกายของเขาที่เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เฉียวหยวนและอายเมิงหน้าถอดสีทันที คิดอยู่ในใจว่าเช่นนี้คงไม่ดีแล้ว
ที่พวกเขาไม่ได้ห้ามผีเทพสวรรค์ขวังต้าวไว้ก่อนหน้ามันก็เป็นเพราะว่าสุดท้ายไม่ว่าใครจะได้หินรุ้งเจ็ดสีไป สุดท้ายพวกเขาทั้งสองก็คงไม่อาจจะละเว้นการต่อสู้กับผีเทพสวรรค์ขวังต้าวได้
เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือการเฝ้าทางออกไว้ให้ดีที่สุด
เมื่อเป็นการสู้สองต่อหนึ่ง โอกาสชนะของพวกเขามันก็ย่อมจะสูงกว่า
ส่วนเรื่องที่เย่หยวนบอกว่าจะช่วยผีเทพสวรรค์ขวังต้าวกำจัดพวกเขานั้น คนทั้งสองย่อมไม่คิดจะใส่ใจมันอย่างจริงจัง
แต่ตอนนี้พวกเขากลับเริ่มเห็นถึงลางไม่ดีขึ้นมาตรงหน้าแล้ว
“อายเมิง โจมตี!” เฉียวหยวนร้องบอกก่อนพุ่งร่างเข้าไปโจมตีผีเทพสวรรค์ขวังต้าวพร้อมๆ กับอายเมิง
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวทำแค่หัวเราะรับ “ผีเต๋าร้อยยันต์… เงาผีอนันต์! ดาบผีพิฆาตมืด!”
ในวินาทีนั้นร่างของผีเทพสวรรค์ขวังต้าวก็ได้กลายเป็นร่างเงานับไม่ถ้วน พวกมันแต่ละตนนั้นก็มีคลื่นพลังที่สุดแสนจะรุนแรงด้วย
เฉียวหยวนและอายเมิงหน้าซีดเผือดลงทันที พยายามที่จะเดินปราณปีศาจของตนขึ้นมาให้ถึงที่สุด
‘ปัง! ปัง! ปัง!’
ดาบจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าปะทะอย่างบ้าคลั่งจนมันกลายเป็นตาข่ายดาบหั่นพื้นที่ตรงหน้าจนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เฉียวหยวนและอายเมิงได้แต่ร้องออกมาอย่างน่าสมเพช ร่างของพวกเขากระเด็นถอยกลับไปไกลพร้อมๆ กับปราณปีศาจบนร่างที่ค่อยๆ เบาบางหายไป
เฉียวหยวนพยายามที่จะคลานลุกขึ้นมาพร้อมกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น “ให้ตายสิ! มันกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน?!”
…………………………