Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1884 เด็กหัวรั้น
“หึ เช่นนั้นก็แสดงวิชาของเจ้าออกมา ข้าจะแสดงให้เห็นเองว่าข้าเตรียมอะไรไว้ให้เจ้า!”
จอมเทพนิรันดร์วาดตราขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้างก่อนที่ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพด้านล่างจะปลดปล่อยพลังอันแสนรุนแรงออกมา
คลื่นพลังของมันตอนนี้แท้จริงแล้วไม่ได้อ่อนแอไปกว่าคลื่นพลังจากร่างของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางเลย
เมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางเห็นเช่นนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “แค่พลังเท่านี้? มันแข็งแกร่งเหนือล้ำกว่าเทพสวรรค์ก็จริง แต่เจ้าคิดว่าด้วยพลังเพียงเท่านี้จะพอสังหารจักรพรรดิเทพสวรรค์เช่นข้าลงได้? งั้นเรอะ?”
จอมเทพนิรันดร์หัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นเยือกก่อนที่จะขยับตราในมืออีกครั้ง
จู่ๆ เจ้าศิลาจารึกบัลลังก์พิภพที่ด้านล่างก็ลอยขึ้นมาอยู่กลางอากาศพร้อมส่องแสงสุดแสนเจิดจ้า
ตอนนี้พลังของศิลาจารึกบัลลังก์พิภพนั้นกำลังแข็งแกร่งเพิ่มพูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นั่นทำให้จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางหน้าเสียไปไม่น้อยก่อนจะปล่อยคลื่นพลังจากร่างของตัวเองออกมาพร้อมด้วยพลังจากเต๋าสวรรค์ที่ลงมาครอบคลุมพื้นที่รอบๆ
ตอนนี้มีลายสีฟ้ากำลังปรากฏขึ้นมาในอากาศ!
เมื่อได้เห็นลายเหล่านั้นเย่หยวนก็ได้แต่เบิกตากว้าง
เพราะเจ้าสิ่งนี้มันช่างคุ้นตาเขาเสียเหลือเกิน!
ลายพระเจ้า!
กลายเป็นว่าลายพระเจ้าเหล่านี้เป็นสิ่งที่จักรพรรดิเทพสวรรค์ก็ควบคุมได้เช่นกัน!
พร้อมๆ กันนั้นลายพระเจ้าสีฟ้านั้นมันก็พุ่งพวยออกมาจากศิลาจารึกบัลลังก์พิภพเช่นกัน
นั่นทำให้จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางหน้าถอดสีไปในทันที
“ฮ่าๆ…เจี่ยวชางคงนึกไม่ถึงล่ะสิ?! ก่อนที่เทพสวรรค์ผู้นี้จะตายลงข้าได้รับรู้ถึงปลายของยอดเต๋าและควบคุมลายพระเจ้าได้! น่าเสียดายที่ร่างกายของข้าในตอนนั้นมันหนักหนาเกินกว่าจะทนไหวแล้ว ไม่เช่นนั้นมีหรือที่เจ้าจะยังได้หายใจจนทุกวันนี้?”
ในเสียงหัวเราะของจอมเทพนิรันดร์นั้นมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความผิดหวังและเสียใจอย่างสุดซึ้ง
เขานั้นทำตัวได้สมชื่อยอดอัจฉริยะของเทพสวรรค์ ถึงขั้นสามารถแตะฐานของอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ก่อนตายได้ เพียงแค่อีกก้าวเดียวเขาเองก็จะก้าวขึ้นไปสู่อาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้แล้ว
แล้วตัวตนของจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นคืออะไร?
พวกเขานั้นคือตัวตนที่เอื้อมถึงเต๋าบรรพกาลได้ เป็นตัวตนที่ปกครองดูแลพื้นที่ส่วนใหญ่ของมหาพิภพถงเทียน!
นั่นคือตัวตนที่เหนือล้ำ ตัวตนที่ยืนอยู่เหนือทุกชีวิต!
แน่นอนว่าเขาต้องเจ็บแค้น!
“เทพสวรรค์ผู้นี้ได้ดึงพลังต้นกำเนิดจากสองสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มาใช้และยังมีพลังโลกที่เก็บสะสมมานานกว่าห้าล้านปี เพื่อการโจมตีเจ้าในวันนี้โดยเฉพาะ! เจ้าเตรียมตัวตายได้เลย!” จอมเทพนิรันดร์หัวเราะลั่นออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ตู้ม!
รอยแตกอันชัดเจนปรากฏขึ้นกลางอากาศในดินแดนศักดิ์สิทธิ์พร้อมด้วยคลื่นมิติอันแสนบ้าคลั่งที่สาดซัด ดึงดูดทุกสิ่งอย่างไปจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
ตอนนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังจะเดินเข้าสู่หายนะ
พลังอันรุนแรงทั้งหลายเหล่านี้มันมิใช่อะไรที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จะต้านรับไว้ได้เลย
ตอนนี้ผู้คนธรรมดามากมายต้องถูกพลังคลื่นมิตินี้กลืนกินจนไม่อาจหวนคืนได้
เมื่อใดก็ตามที่จักรพรรดิเทพสวรรค์ลงมือ ผู้คนย่อมล้มตายกันเป็นเบือ!
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดใดก็ไม่อาจอธิบายโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ได้แล้ว
หัวใจของเย่หยวนตอนนี้แทบแตกสลาย ตอนนี้อารมณ์ในจิตใจของเขามันไม่อาจจะระบายออกมาเป็นคำใดๆ ได้อีกแล้ว
ด้วยพลังฝีมือของเขาในตอนนี้ เขาไม่อาจหยุดยั้งการปะทะกันของคนระดับจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งสองนี้ได้เลย!
จู่ๆ เขาก็ทำหน้าเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ก่อนจะหันไปหาหวู่เฉิน “ผู้อาวุโส ข้าต้องการเชื่อมต่อกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยไข่มุกสยบวิญญาณและศิลาจารึกบัลลังก์พิภพมันจะพอเป็นไปได้หรือไม่?”
หวู่เฉินตอบกลับมา “แน่นอนว่าได้! แต่…ในเวลานี้มันอันตรายจนเกินไป! หากโลกใบนี้แตกสลายลงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเองก็คงจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ!”
“ไม่มีเวลามาสนใจมันแล้ว! หากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้จะแตกสลายลงข้าก็ขอตายไปด้วยดีกว่า!” เย่หยวนกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น
หวู่เฉินนั้นอยู่กับเย่หยวนมานานเขาย่อมเข้าใจนิสัยของเย่หยวนเป็นอย่างดี เขาจึงได้แต่ถอนหายใจยาว “ได้ ข้าจะช่วย! แต่สัญญากับข้าว่าหากมันไม่ไหวแล้วจริงๆ เจ้าต้องรีบหนีกลับออกมา!”
เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะส่งจิตศักดิ์สิทธิ์ของตนลงไปยังสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ทั้งสองชิ้น
ไข่มุกสยบวิญญาณและศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ สองสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นี้คือเสาหลักค้ำยันดินแดนศักดิ์สิทธิ์เอาไว้
ด้วยความช่วยเหลือของหวู่เฉินการรวมจิตของเย่หยวนเข้ากับดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมันจึงไม่เป็นเรื่องยากเย็น
ในเวลานี้ ร่างกายของเขานั้นได้กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด
มันเป็นความรู้สึกเหมือนฝันที่เหนือล้ำราวกับว่าตัวเขาได้กลายเป็นโลกทั้งใบ
“อั่ก…”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นเพราะความเจ็บปวดมหาศาลที่พุ่งเข้ามาโจมตีจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขา
ราวกับว่าตอนนี้จิตศักดิ์สิทธิ์ของเขามันกำลังจะแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ
ภายในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนทั้งปราณโกลาหลและลายพระเจ้าต่างพุ่งพวยออกมาผสานเข้ากับตัวทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์!
…
ฟางเทียนดูท้องฟ้าสีดำตรงหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวนั้นด้วยความสิ้นหวัง
“ดูท่าเย่หยวนคงไม่สามารถช่วยเราได้แล้วครั้งนี้! ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องแตกสลายลงแน่แล้ว!”
กวนควางเทียนกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าซีดเซียว “เราช่างไร้ประโยชน์เสียจริงๆ ทุกครั้งเมื่อเจอปัญหาเราก็ต้องให้เย่หยวนช่วยเหลือ! ตอนนี้ข้าไม่รู้เลยว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
ฟางเทียนบอกขึ้นอย่างหมดหวัง “การต่อสู้ระดับนั้นเย่หยวนเองก็คงเข้าไปขัดขวางไม่ไหวหรอก ไม่เช่นนั้นสถานการณ์เช่นนี้มันคงไม่มีทางเกิดขึ้น พ่อแม่ของเย่หยวนเป็นอย่างไรบ้าง?”
กวนควางเทียนบอก “สบายใจได้ สัญญานั้นได้ส่งผลมานานแล้ว ตราบเท่าที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่แตกสลายลงพวกเขาย่อมไม่เป็นอะไรแน่”
ฟางเทียนถอนหายใจออกมา “ตอนนี้ด้วยความเสียหายระดับนี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์คงสูญเสียไปกว่าครึ่งแล้ว ชีวิตนับไม่ถ้วนต้องถูกทำลายเหลือเพียงเศษผง! ถึงเวลานี้จุดจบมันก็คงอยู่อีกไม่ไกลแล้ว เมื่อโลกใบนี้แตกสลายลง แม้จะเป็นข้าหรือเจ้าเองก็คงไม่มีทางรอดออกไปได้แน่!”
ระหว่างที่คนทั้งสองกำลังพูดคุยกันไปอย่างจนปัญญาพวกเขากลับรู้สึกถึงความเสถียรของโลกที่อีกครั้ง
เหล่ารอยแยกมิติทั้งหลายนั้นกำลังค่อยๆ คืนกลับมาสู่สภาพสงบเป็นปกติ!
ฟางเทียนเบิกตากว้างร้องออกมาอย่างตื่นตะลึง “นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกัน?”
กวนควางเทียนกล่าวขึ้นด้วยท่าทางดีใจ “ฮ่าๆ! ต้องเป็นเย่หยวนแน่! ต้องเป็นเย่หยวนอย่างแน่นอน! ดูท่าเราจะยังพอมีหวังกันอยู่!”
ฟางเทียนเองก็แสดงใบหน้าปลาบปลื้มออกมาราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก “คงลำบากเย่หยวนมากแล้ว!”
ตอนนี้ทุกผู้คนต่างแสดงสีหน้าโล่งอกโล่งใจออกมา
เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าเย่หยวนกำลังทนสู้กับพลังนี้อย่างยากลำบากแค่ไหน
…
“อ่อก!”
เมื่อพลังอันรุนแรงนี้ถูกกระแทกออกมาเย่หยวนก็ต้องกระอักเลือดคำโต
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางหันมาเหลือบมองก่อนจะยิ้มขึ้น “หึๆ ศิษย์ของเจ้าคนนี้มันช่างหัวรั้นจริงๆ! เพื่อโลกใบน้อยของเจ้านี้มันกลับไม่คิดรักชีวิตอีกต่อไปแล้ว!”
จอมเทพนิรันดร์หัวเราะขึ้น “คิดว่าจะใช้เขาเพื่อทำให้ข้าใจอ่อนหรือ? ไม่มีประโยชน์! วันนี้เจ้าต้องตาย!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางหัวเราะขึ้น “เรื่องอาจจะไม่จบเช่นนั้น! ตราบเท่าที่ข้าสามารถได้ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพไป แม้จะต้องจ่ายราคาไปสักหน่อยข้าก็ไม่เกี่ยง”
จอมเทพนิรันดร์หัวเราะขึ้น “เช่นนั้นหรือ? เจี่ยวชาง เช่นนั้นจงเตรียมรับของขวัญที่ข้าใช้เวลาเตรียมให้เจ้ากว่าห้าล้านปีนี้ไปเถอะ!”
“ดัชนี…ทลาย…สวรรค์!”
ที่เบื้องหน้าของจอมเทพนิรันดร์ลายพระเจ้าได้มารวมตัวกันก่อให้เกิดรูปร่างคล้ายนิ้วมือ
คลื่นพลังจากเจ้านิ้วมือนี้มันเหนือล้ำจนทำให้ฟ้าถล่มดินทลาย!
นั่นทำให้รอยยิ้มของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางจางหายไปทันที
ตอนนี้เขาเริ่มเร่งพลังขึ้นมาสู้จนถึงจุดสูงสุด
“เฒ่านิรันดร์ จักรพรรดิคนนี้ขอชื่นชมเจ้า! ไม่นึกเลยว่าตายไปแล้วแท้ๆ กลับยังสามารถวางแผนการร้ายไว้ได้ถึงขั้นนี้! แต่ทว่า ของแค่นั้นมันไม่มีทางที่จะสังหารข้าลงได้หรอก!” จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
จากนั้นเขาก็วางตราขึ้นมาตรงหน้าก่อนที่แหวนวงหนึ่งของเจี่ยวชางจะปล่อยคลื่นพลังอันบ้างคลั่งออกมาพร้อมด้วยหมอกหนาสีดำสนิทครอบคลุมร่างเขาไว้
จากนั้นลายพระเจ้าของตัวเขาก็เริ่มลอยออกมารอบๆ เช่นกัน
“พรหมปีศาจเทวะ! เทวรูปอสูรเทวะ!”
พูดจบมันก็มีเงาสีดำหนาปรากฏขึ้นมาบังหน้าเจี่ยวชางไว้
นั่นทำให้จอมเทพนิรันดร์หน้าถอดสีทันที เขาได้แต่ร้องออกมาอย่างตื่นตะลึง “สะ…สมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์! เจ้ากลับมีสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ติดตัวด้วย!”
………………………..