Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1892 เรื่องราวที่ตามมา
นภาสวรรค์แปดดาวนั้นคือตัวตนที่เหนือล้ำไม่สามารถเทียบเคียงได้ในสายตาของเหล่าผู้คนเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์
แต่ตัวตนที่ไร้เปรียบเช่นนั้นกลับถูกคนที่พวกเขาคุ้นเคยฆ่าสังหารลงอย่างง่ายดาย
แต่เขาคนนี้เป็นเพียงแค่นภาสวรรค์ห้าดาว
กับเย่หยวนแล้วทุกผู้คนต่างคุ้นเคยกับเขาดี
สายตาของผู้คนที่มองมายังเขามันยังคงเป็นเด็กหนุ่มยอดอัจฉริยะคนหนึ่งอยู่
ไม่มีใครคิดใครฝันว่าเวลาแค่ไม่กี่ร้อยปีมานี้เด็กหนุ่มยอดอัจฉริยะคนหนึ่งจะเติบโตจนกลายเป็นยอดฝีมือได้ขนาดนี้
อีกด้านทางเล้งชิวหลิงก็ได้จัดการหวู่เทียนลงได้สำเร็จ
เล้งชิวหลิงชี้นิ้วออกมากดทับลงบนอกของหวู่เทียน
ทางหวู่เทียนที่โดนเช่นนั้นไปก็รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดเข้าที่กลางอกจนต้องกระอักเลือดคำโตออกมา ร่างปลิวลอยไปไกล
เย่หยวนค่อยๆ บินร่อนลงมาจากด้านบนและมองดูหวู่เทียน “หากมีเรื่องใดเกิดขึ้นกับเจียงยู่ถัง เจ้าจะได้รู้ว่าความตายนั้นมิใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดบนโลกใบนี้”
เขาหันไปส่งสัญญาณบอกหนิงเทียนปิง ทำให้ทางหนิงเทียนปิงรีบเดินขึ้นมาจัดการผนึกทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของหวู่เทียนและยกนำร่างของเขาไปทันที
เมื่อพวกโซชูเจียเห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ได้แต่ยืนมองราวกับว่าเรื่องราวตรงหน้านี้มันเป็นแค่ความฝัน
วันนี้ ผู้ตรวจการคนใหม่ได้มาถึง แต่สุดท้ายแล้วเขายังไม่ทันเดินพ้นประตูเมืองก็ถูกเย่หยวนจัดการจนไม่เหลือชิ้นดี
เมื่อได้เห็นเย่หยวนเดินเข้ามาหาพวกเล่งหยูทั้งหลายต่างไม่มีใครกล้าที่จะขยับตัวแม้แต่น้อย
เพราะเย่หยวนในตอนนี้มันมิใช่เด็กหนุ่มเย่หยวนคนนั้นแล้ว!
เย่หยวนย่อมเข้าใจจิตใจของอีกฝ่ายได้และยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “ท่านเจ้าเมืองโซ พี่เล่ง ท่านอย่าได้ทำเช่นนี้เลย เย่หยวนคนนี้ก็ยังเป็นเย่หยวนคนเดิม เป็นผู้อาวุโสใหญ่ของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์คนเดิมนี้แหละ”
ได้ยินเช่นนั้นเล่งหยูและพวกท่าก็แสดงท่าทางผ่อนคลายออกมาอย่างเห็นได้ชัดแต่แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหลายย่อมไม่ทางมองเย่หยวนเหมือนก่อนได้แล้ว
เหล่าคนทั้งหลายเดินทางเข้าเมืองและมายังจวนเจ้าเมือง แน่นอนว่าการคุยกัน มันย่อมต้องเปิดเริ่มด้วยการถามสารทุกข์สุกดิบ
นั่นทำให้เย่หยวนได้รู้ว่าหลายปีมานี้เจียงยู่ถังได้ดูแลเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มาอย่างดี
ส่วนเรื่องของคนผู้อยู่เหนือบนกว่านั้นพวกเขาทั้งหลายย่อมไม่มีทางรู้ได้
แต่เย่หยวนคาดเดาว่าเหตุผลที่เจียงยู่ถังแตกหักกับหวู่เทียนนั้นน่าจะเป็นเพราะสัญญาที่เขาได้มีไว้ให้แก่เย่หยวนเมื่อหลายร้อยปีก่อน
เพราะหากเขาทิ้งตำแหน่งผู้ตรวจการไปแล้ว เขาย่อมไม่อาจควบคุมเรื่องราวต่างๆ ไม่อาจดูแลเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้อีกต่อไป
คิดมาได้ถึงตรงนี้เย่หยวนก็รู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาจับใจแก่การตัดสินใจนี้ของเจียงยู่ถัง
“ดูท่าข้าคงต้องเดินทางไปยังเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นเสียหน่อย ทุกคนอย่างได้กังวล เรื่องราวของผู้ตรวจการนี้ข้าจะคิดหาทางจัดการมันให้เอง นอกจากนั้นข้ายังมีโอสถมาฝากพวกท่านทั้งหลายด้วย”
เย่หยวนหยิบขวดโอสถออกมาหลายขวดจนทำให้พวกโซชูเจียทั้งหลายต้องเบิกตากว้าง
ก่อนหน้านี้เย่หยวนได้สร้างความแตกตื่นแก่วงการโอสถในสิบเมืองสันเขาใต้มาก่อน ตอนนี้เวลาผ่านไปหลายร้อยปีแถมเขายังก้าวขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ได้ โอสถที่เขากลั่นหลอมมันจะเป็นของดีแค่ไหน?
แน่นอนว่าเมื่อเย่หยวนนำโอสถออกมา โอสถของเย่หยวนทุกเม็ดต่างมีคุณภาพที่สูงส่ง
การบรรลุขึ้นดาวของพวกเขาทั้งหลายนั้นมันไมเป็นปัญหาอีกต่อไป
“อ่า จริงด้วย ด้วยตัวตนอย่างหวู่เทียน ทำไมเขาถึงต้องมาเป็นผู้ตรวจการสิบเมืองสันเขาใต้เพราะเด็กผู้หญิงคนเดียวด้วย?”
โซชูเจียถอนหายใจยาวและบอกขึ้น “หลายปีที่เจ้าจากไปนี้เมืองจักรพรรดิหยกเมฆาได้ให้กำเนิดยอดฝีมืออัจฉริยะนางหนึ่งนามหรงซีเยว่ขึ้นมา นางนั้นเป็นลูกสาวของเจ้าเมืองเมืองจักรพรรดิหยกเมฆา หรงฮั่ว เด็กสาวนางนี้เกิดมาด้วยพลังบ่มเพาะอาณาจักรราชันพระเจ้า มันถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเมืองจักรพรรดิหยกเมฆา ทุกวันนี้นางได้พัฒนาตัวจนไปถึงอาณาจักรนภาสวรรค์เจ็ดดาวแล้ว! ยอดอัจฉริยะเช่นนี้แน่นอนว่าทางหอยอดดอกย่อมต้องให้ความสนใจและรับนางเข้าเป็นศิษย์คนหนึ่ง แต่หลายปีก่อนหรงฮั่วได้รับบาดเจ็บหนักจากมิติวิเศษหนึ่งทำให้หรงซีเยว่ต้องกลับมายังเมืองจักรพรรดิหยกเมฆาเพื่อดูแลพ่อที่บาดเจ็บหนัก ทำให้สุดท้ายหวู่เทียนถึงได้ตามมา”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นทันทีที่ได้ยิน “เรื่องราวนี้… มันคงมีอะไรมากกว่านี้ใช่หรือไม่?”
โซชูเจียยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “สิบเมืองสันเขาใต้นี้มันเป็นเพียงแค่ดินแดนชายขอบไม่มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเมืองหลวงจักรพรรดิใดๆ เรื่องราวทั้งหลายนี้เองก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในดินแดนของสิบเมืองสันเขาใต้ เราจึงพอที่จะรับรู้ถึงมันได้ ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้นเราย่อมไม่มีปัญญาจะไปหาข้อมูลได้ เรื่องของผู้ตรวจการเจียงเองก็เช่นกัน… เฮ้อ!”
สิบเมืองสันเขาใต้นั้นเป็นดินแดนชายขอบในเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น มันย่อมไม่มีใครคิดจะหันมาสนใจติดแดนเช่นนี้
หากไม่ใช่เพราะยอดอัจฉริยะอย่างหรงซีเยว่ ดินแดนแห่งนี้มันก็คงยังเป็นดินแดนไร้ชื่อเสียงใดๆ
เย่หยวนค่อยๆ ลุกขึ้นยืน “เรื่องนี้ไม่ยาก ไปที่เมืองจักรพรรดิหยกเมฆาเพื่อถามหรงซีเยว่ตรงๆ ไม่นานคงได้รู้”
เสียยังไม่ทันจางหายแต่ร่างของเย่หยวนก็ได้จางหายไปจากจุดที่เขายืนอยู่แล้ว
โซชูเจียและพวกได้แต่หันไปมองหน้ากันเพราะเย่หยวนในตอนนี้ช่างทำอะไรรวดเร็วเฉียบขาดเสียเหลือเกิน
คิดจะทำอะไรก็ลงมืออย่างไม่คิดลังเลแม้แต่น้อย
“เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราอยู่ห่างจากเมืองจักรพรรดิหยกเมฆานับล้านกิโลเมตร การเดินทางนี้มันคงกินเวลาหลายเดือน เย่หยวนี่ช่าง…” โซชูเจียเองก็ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อ
แต่หนิงเทียนปิงกลับตอบขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “นายใหญ่เขาเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติอย่างลึกซึ้งจนสามารถใช้วิชาเคลื่อนย้ายมิติได้แล้ว แค่ลมหายใจเดียวเขาก็เดินทางได้ไกลนับหมื่นๆ กิโลเมตร! อย่างมากคงกลับมาช่วงบ่ายๆ”
“วิชาเคลื่อนย้ายมิติ? แนวคิดแห่งห้วงมิติสี่ดาว?” เล่งหยูร้องขึ้นมาด้วยความตื่นตกใจทันที
เขานั้นเป็นหนึ่งในผู้ใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติ เขาย่อมรู้ดีว่าการบรรลุขึ้นไปให้ถึงสี่ดาวมันยากเย็นแค่ไหน
หลายร้อยปีมานี้เย่หยวนกลับสามารถบรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติไปจนถึงขั้นที่น่ากลัวแล้ว!
คนอื่นๆ เองก็ได้แต่เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง มองดูใบหน้าของหนิงเทียนปิงอย่างไม่อยากเชื่อ
หากพวกเขาไม่รู้จักหนิงเทียนปิงมาก่อนพวกเขาคงคิดว่าเด็กคนนี้แค่พูดโม้โอ้อวดเท่านั้น
โซชูเจียหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดออกมา “เย่หยวนนั้นไม่ได้ใช้พลังแท้จริงในการต่อสู้กับนภาสวรรค์แปดดาวคนนั้นอย่างนั้นหรือ?”
หนิงเทียนปิงแทบหลุดขำออกมา “นภาสวรรค์แปดดาวระดับนั้นแค่เทียบแนวคิดกับข้ามันยังเทียบไม่ติด เหตุใดนายใหญ่ต้องลงมือกับมันอย่างจริงจังด้วย?”
ทุกผู้คนต่างอ้าปากค้างแต่ตอนนี้ความสนใจของพวกเขาทั้งหลายก็ได้กลับมาจ้องมองที่ตัวหนิงเทียนปิงอย่างจริงจัง
เพราะหนิงเทียนปิงในตอนนี้ที่ได้หลอมเลือดแท้เต่าดำไปมันทำให้เขาสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์สามดาวมาได้!
ในเวลาแค่ไม่กี่ร้อยปีนี้คนหนุ่มผู้หนึ่งของตระกูลหนิงได้กลับกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์
เรื่องนี้มันเกินกว่าที่จะวาดฝันนัก
ตอนนี้แม้แต่หนิงจื่อหยวนก็ไม่รู้จะต้องพูดอะไรออกมา
เมื่อผู้คนบรรลุเต๋า แม้แต่หมาแมวข้างกายก็จะได้ขึ้นสวรรค์ไปด้วย
หนิงเทียนปิงที่พัฒนาขึ้นมาถึงตรงนี้ได้มันย่อมทำให้อนาคตของตระกูลหนิงแสนที่จะสดใสขึ้น
ในวันหน้าของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้มันคงไม่มีตระกูลใดเข้ามาเทียบเคียงกับตระกูลหนิงได้อีกต่อไป
เป็นตอนนี้เองที่เขาได้รับรู้อย่างสุดซึ้งว่าการตัดสินใจผิดพลาดครั้งเดียวของเขานั้นเกือบได้ลากตระกูลหนิงทั้งตระกูลลงนรกทั้งเป็น
โชคยังดีที่ตระกูลหนิงมีคนหนุ่มที่ซื่อสัตย์อย่างหนิงเทียนปิงเข้ามาช่วยกู้สถานการณ์ไว้ได้ทัน
ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงรู้สึกผิดกับตระกูลหนิงอย่างมาก
…
แม้ว่าแนวคิดแห่งห้วงมิติของเย่หยวนจะค่อยๆ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แต่การใช้วิชาเคลื่อนย้ายมิติในตอนนี้มันก็ยังต้องใช้เวลาถึงสองชั่วโมงในการมายังเมืองจักรพรรดิหยกเมฆานี้
เขานั้นไม่คิดจะทักทายใครแค่เดินเข้าไปยังจวนเจ้าเมืองในทันที
ฟู่!
เย่หยวนไม่คิดจะทำตัวลับๆ ล่อๆ ปล่อยคลื่นพลังของนภาสวรรค์ห้าดาวที่แสนรุนแรงออกมา!
ด้วยความแข็งแกร่งของทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวน พลังที่เขาปล่อยออกมามันจึงใกล้เคียงกับนภาสวรรค์หกดาวเสียยิ่งกว่านภาสวรรค์ห้าดาว!
นั่นทำให้ยอดฝีมือในเมืองจักรพรรดิหยกเมฆาสะดุ้งตัวไปตามๆ กัน
ยอดฝีมือนภาสวรรค์สี่ดาวคนหนึ่งรีบเข้ามารับหน้าเย่หยวนในทันที
เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังจากร่างของเย่หยวนสีหน้าของเขาก็ซีดเผือดลงไป
ยอดฝีมือนภาสวรรค์สี่ดาวแห่งเมืองจักรพรรดิหยกเมฆาคนนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางเกรงๆ และกลัว “ข้าเหมิงซิงแห่งเมืองจักรพรรดิหยกเมฆา นายท่านมีธุระอันใดถึงได้มายังเมืองจักรพรรดิหยกเมฆาเราหรือ?”
เย่หยวนหันไปมองหน้าอีกฝ่ายและถามขึ้น “ข้ามาหาหรงซีเยว่”
เหมิงซิงเบิกตากว้างและตอบกลับมา “ไม่นานก่อนหน้านี้คุณหนูซีเยว่ได้เดินทางออกจากเมืองจักรพรรดิหยกเมฆากลับไปยังเมืองหลวงจักรพรรดิเก้าแล้ว”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นก่อนจะถามขึ้นอีกครั้ง “เช่นนั้นหรงฮั่วเล่า?”
เหมิงซิงตอบกลับไปอย่างสุภาพ “ท่านเจ้าเมืองเองก็ได้เดินทางไปยังเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นพร้อมๆ กับคุณหนูซีเยว่”
…………………………