Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1897 เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจแต่จิตใจของหลินฉางชิงกลับปวดร้าว
นี่มันคือโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาล!
ต่อให้จะเป็นวังพำนักเทพสวรรค์มันก็ไม่มีทางจะปรากฏขึ้นมาได้
เพียงแค่ว่าในสถานการณ์เช่นนี้แล้วเขาย่อมไม่มีทางเลือกอื่น
เขานั้นเป็นถึงเทพสวรรค์ที่มีถิ่นกำเนิดในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์มั่น เขาย่อมมีศักดิ์ศรีของตน
ไม่ว่าเขาจะเสียดายมันมากมายเพียงใดเขาก็จำต้องทำลายโอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนี้ทิ้ง!
เพราะเขา หลินฉางชิงนั้นจะยอมเสียหน้าไม่ได้!
แน่นอนว่าตอนนี้เขาเสียหน้าไปอย่างมากแล้วแต่ต้น
“หึ! เจ้าคิดว่าเทพสวรรค์ผู้นี้จะเชื่อหรือว่านี่คือโอสถที่เจ้าหลอม? เจ้ามันก็แค่ไอ้คนโชคดี!” หลินฉางชิงร้องบอกอย่างไม่คิดยอมรับ
“เรื่องของเจ้าสิ เกี่ยวอะไรกับข้า กลับไปบ่มเพาะฝึกฝนให้ดี หวังว่าอีกสองพันปีจากนี้เจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” เย่หยวนบอก
นั่นทำให้ใบหน้าของหลินฉางชิงบิดเบี้ยวขึ้นทันที เพราะเจ้าเด็กคนนี้มันกลับแย่งคำพูดของเขาไปเสียอย่างนั้น!
คำพูดเช่นนี้มันต้องเป็นผู้แข็งแกร่งกล่าวต่อผู้อ่อนแอมิใช่หรือ?
“ยังไม่ไปอีก? หรือเจ้าจะรอให้พวกข้าเชิญไปกินข้าวด้วยกัน?” ตงน้อยบอก
หลินฉางชิงนั้นย่อมไม่คิดสนใจตงน้อยมากมาย แต่ในเวลานั้นเองที่เจ้าหมูสมบัตินั้นกลับเบิกตากว้างขึ้นมา
จู่ๆ หลินฉางชิงก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองถูกสัตว์ร้ายจ้องมอง
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมาอยู่หลายคราก่อนที่สุดท้ายจะก้าวเท้าส่งร่างจางหายไป
เฮ้อ…
นั่นทำให้ทุกผู้คนต้องถอนหายใจยาว
เพราะตั้งแต่ที่หลินฉางชิงปรากฏตัวออกมานั้นพวกเขาทั้งหลายก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดังๆ
พลังกดดันจากเทพสวรรค์นั้นมันรุนแรงจนสุดทนทาน
ตุบ!
หลังจากหลินฉางชิงจากไปเย่หยวนก็ไม่อาจทนไหวอีกต่อไป ร่วงลงสลบกับพื้นทันที
ด้วยพลังดัชนีของเทพสวรรค์ แค่การที่เย่หยวนทนมาได้จนถึงตอนนี้มันก็นับได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว
จนเวลาล่วงผ่านไปกว่าสามวันให้หลัง เย่หยวนจึงลืมตาตื่นฟื้นขึ้น
“พี่ใหญ่ ท่านได้สติแล้ว!” อิ้งหมัวหู่ร้องบอกอย่างตื่นเต้นดีใจ
“เด็กน้อย เจ้ามันบ้าบิ่นเกินไป” ตงน้อยบอกเย่หยวนด้วยท่าทางผิดหวัง
เย่หยวนแค่ยิ้มตอบกลับไป ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นแล้วเขายังจะทำอะไรได้?
เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าเทพสวรรค์แล้วเขายังอ่อนแอจนเกินไป!
“สองพันปีบ่มเพาะขึ้นถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ เด็กน้อยเอ๋ย เจ้าจะดูถูกอาณาจักรเทพสวรรค์มากเกินไปแล้ว!” ตงน้อยบอก
เย่หยวนหันไปมองเขา “สองพันปีน่าจะพอ”
เพราะเขานั้นบ่มเพาะแตกต่างจากผู้คนมากมาย สำหรับคนอื่นๆ ทั้งหลายแล้วช่วงคอขวดคือช่วงที่กินเวลามากที่สุด
แต่การบ่มเพาะของเย่หยวนนั้นเขาจะทำความเข้าใจเต๋าก่อนแล้วค่อยรวมพลังปราณ
สำหรับเขาแล้วคอขวดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ในการบ่มเพาะ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเย่หยวนไม่ได้แค่ทำการรวมพลังปราณเทวะเข้าร่างเพียงอย่างเดียว เวลาที่เขามีส่วนมากนั้นเขาได้ใช้มันไปกับการทำความเข้าใจเขาน้อยแห่งถงเทียน
เพราะฉะนั้นตอนที่เล้งชิวหลิงได้เจอเย่หยวนอีกครั้งมันจึงเป็นเรื่องที่สุดแสนเหลือเชื่อเช่นนั้น
จากอาณาจักรราชันพระเจ้าสู่อาณาจักรนภาสวรรค์นั้นมันมิใช่เรื่องง่ายดาย แม้แต่กับยอดอัจฉริยะอย่างเล้งชิวหลิง
แต่เย่หยวนกลับผ่านมันมาอย่างไม่มีปัญหาใด
ทุกผู้คนที่ได้ยินเช่นนั้นต่างทำหน้ามึนงงออกมา รวมไปถึงตงน้อย
“เจ้าเด็กคนนี้มันช่างอวดกล้าดีเสียจริง! ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าจะบรรลุอาณาจักรเทพสวรรค์ในสองพันปีได้อย่างไร ที่สำคัญเจ้าเองก็น่าจะพอเดาได้ว่าอีกฝ่ายเองก็คงมีเชื้อสายจากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ เผลอๆ อาจจะเป็นเชื้อสายตรงจากจักรพรรดิเทพสวรรค์เลยก็ได้! ทรัพยากรบ่มเพาะที่มันมีย่อมเหนือล้ำกว่าที่เจ้าจะคาดคิดได้” ตงน้อยเตือนขึ้น
เย่หยวนหันไปมองแต่จู่ๆ เขาก็ยื่นมือไปรับเข้าหมูสมบัติมาแทน
ฟุบ!
เจ้าหมูสมบัติพุ่งตัวเข้ามาในอ้อมอกของเย่หยวนอย่างว่าง่าย มันใช้หัวน้อยๆ ของมันพยายามไถลำตัวของเย่หยวนเพื่อแสดงความรักออกมาตามประสาหมู
“อืม เรื่องทั้งหลายนี้ต้องขอบคุณเจ้า ไม่เช่นนั้นแล้วชีวิตของข้าคงต้องดับสิ้น ตงน้อย สรุปแล้วเจ้าหมูสมบัตินี้มันคือตัวอะไรกันแน่?” เย่หยวนหันไปถามตงน้อย
ก่อนหน้านี้ตัวเขาเองก็ยังคิดว่าตนคงไม่รอดชีวิตแล้ว แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเจ้าหมูสมบัตินี้กลับจะมาจามไล่หลินฉางชิงจนลอยปลิวไป
ความตื่นตะลึงของทุกผู้คนมันยังมีมาอยู่จนถึงวันนี้
และเย่หยวนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ตงน้อยเงียบไปก่อนจะพูดขึ้น “ข้าจะรู้หรือ?”
คำตอบนี้ของตงน้อยมันทำให้เย่หยวนมึนงงอย่างมาก
เพราะเย่หยวนคิดเสมอมาว่าหมูสมบัตินี้มันคือสัตว์เลี้ยงของตงน้อยและตัวเขาน่าจะรู้ที่มาที่ไปของมันดี
ไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วตัวเจ้าของเองก็ไม่ได้ทราบชัดเจนเช่นกัน
“เจ้าไม่รู้?”
ตงน้อยส่ายหัวออกมา “หมูสมบัตินั้นถูกมอบให้ข้าโดยเทพสวรรค์โอสถคนก่อนแห่งมิติอนัตตากอไผ่ ตั้งแต่นั้นมามันก็ติดตามข้ามาตลอด ส่วนเรื่องต้นกำเนิดของมันนั้น ข้าเองก็ไม่ทราบได้ อย่ามองข้าเช่นนั้น ข้าเองก็เคยถามเทพสวรรค์โอสถคนก่อนมาแล้ว แต่เขาเองก็บอกว่าไม่รู้เช่นกัน”
เย่หยวนได้แต่ก้มหัวลงมองเจ้าหมูสมบัติในอ้อมอกอย่างไม่รู้ต้องทำตัวอย่างไร
ตลอดมานี้เจ้าหมูสมบัติเป็นตัวตนที่น่าพิศวงมาก
แต่เมื่อได้ยินคำของตงน้อย ตัวตนอันน่าพิศวงของหมูสมบัตินี้มันกลับพัฒนาไปเป็นลึกลับ
“เอาล่ะ แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องขอบคุณเจ้า” เย่หยวนบอกหมูสมบัติ
“อู๊ดๆ”
เจ้าหมูสมบัติส่ายหัวออกมาราวกับว่ามันกำลังบอก ‘ไม่ต้องขอบคุณ แค่หลอมโอสถมาก็พอ’
เย่หยวนได้แต่ยิ้มเมื่อเห็นเช่นนั้น “วางใจเถอะ โอสถนั้นมีแน่นอน!”
“จริงด้วย นายใหญ่ ท่านเดินทางไปยังเมืองจักรพรรดิหยกเมฆาได้เรื่องอย่างไรบ้าง?” หนิงเทียนปิงถาม
จากนั้นเย่หยวนก็เล่าเรื่องที่เขาเจอออกมาพร้อมส่ายหัว “ที่นั่นมันดูเงียบเหงาไร้ผู้คน! ดูท่าหรงซีเยว่คนนี้จะไม่ธรรมดา!”
หนิงเทียนปิงหน้าเปลี่ยนสีไปทันที “นายใหญ่ ข้ามีข่าวร้ายจะมาบอกด้วย ก่อนที่ท่านจะฟื้นไม่นาน หวู่เทียนได้ตายลงแล้ว!”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น
เรื่องราวนี้มันดูซับซ้อนจนเกินไป
หลังจากนั้นเย่หยวนจึงได้บอก “ไปกัน ไปดูที่เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นเสียหน่อย ข้าชักเป็นห่วงความปลอดภัยของพี่เจียงแล้ว”
…
เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนั้นเป็นเมืองหลวงจักรพรรดิขั้นกลาง มันย่อมไม่ใหญ่โตเทียบเท่าเมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยานได้
แต่เมืองหลวงจักรพรรดิมันก็ยังเป็นเมืองหลวงจักรพรรดิ แตกต่างอย่างที่ไม่อาจเอาเมืองจักรพรรดิมาเทียบเคียงได้
เย่หยวนและเจียงยู่ถังนั้นสนิทกันไม่น้อย ก่อนๆ มาที่เคยพูดคุยกันเย่หยวนเคยได้ยินเจียงยู่ถังบอกไว้ว่าเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนั้นมีสามกองกำลังขั้วอำนาจใหญ่ จวนเจ้าเมือง หอยอดดอกและสำนักอากาศแจ่ม
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งสามขั้วอำนาจนี้ล้วนเป็นถึงเทพถ่องแท้ขั้นกลางทั้งสิ้น
เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนั้นมีสถานการณ์ภายในที่แตกต่างจากเมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยานมาก เพราะสามขั้นอำนาจนี้ต่อสู้แย่งชิงกันในเงามืดอย่างที่ไม่มีใครยอมใคร
แน่นอนว่าจากด้านนอกหากมองผิวเผินแล้วจวนเจ้าเมืองย่อมจะควบคุมทุกอย่างในเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นไว้ได้
แต่ขั้นอำนาจทั้งสองนั้นก็ได้ควบคุมเมืองจักรพรรดิไว้มากมาย
เจียงยู่ถังนั้นเป็นคนจากฝ่ายสำนักอากาศแจ่ม มันจึงหมายความว่าสิบเมืองสันเขาใต้นั้นอยู่ใต้อำนาจของสำนักอากาศแจ่มตลอดมา
แน่นอนว่าในพื้นที่รกร้างอย่างสิบเมืองสันเขาใต้นี้มันย่อมไม่มีพลังอำนาจทรัพยากรใดๆ ให้สามขั้วอำนาจหันมาสนใจ
เพราะฉะนั้นภายในสิบเมืองสันเขาใต้นั้นจึงไม่เคยเกิดเหตุการณ์สงครามใหญ่ใดเกิดขึ้นยกเว้นแต่ความขัดแย้งน้อยๆ ภายใน
เจียงยู่ถังนั้นเป็นผู้ตรวจการของแดนนี้ จึงย่อมจะมีตำแหน่งหน้าที่ที่มั่นคง
เจียงยู่ถงนั้นเป็นคนด้อยพรสวรรค์ ด้วยลำพังตัวเขาเองมันคงไม่มีโอกาสจะบรรลุขั้นได้อีกต่อไป
แต่เย่หยวนได้ยินมาว่าเจียงยู่ถังนั้นมีลูกสาวที่เก่งกาจมากพรสวรรค์ สามารถขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ได้ตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ
แน่นอนว่าเรื่องทั้งหมดนั้นมันเป็นเพราะได้เย่หยวนช่วย
ครั้งนั้นตอนที่เกิดพันธะดาบทองคำขึ้น เจียงยู่ถังได้ขอให้เย่หยวนช่วยหลอมโอสถยอดหยกโมฆะให้นั้นมันก็เพื่อที่จะนำไปมอบให้ลูกสาวตนนั่นเอง
เรื่องราวหลังจากนั้นเย่หยวนเองก็ย่อมได้ยินมาบ้างแล้วว่าเมื่อลูกสาวของเขากินโอสถยอดหยกโมฆะเข้าไปนางก็สามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ได้อย่างรวดเร็ว
จนตอนนี้เจียงยู่ถังถูกจับโทษรอประหาร แต่เรื่องทั้งหลายนั้นมันเป็นสิ่งที่หอยอดดอกจัดการทั้งสิ้น
หรือว่าแท้จริงแล้วหอยอดดอกจะจับมือกับจวนเจ้าเมืองเพื่อไล่ล้างอำนาจของสำนักอากาศแจ่มทิ้งลง?
ระหว่างทางเย่หยวนนั้นพยายามคิดความเป็นไปได้ต่างๆ ของเหตุการณ์ในครั้งนี้อย่างไม่หยุดยั้ง
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ เขาก็มองว่ามันมีโอกาสเป็นไปได้สูงมาก
เพียงแค่ว่าทำไมหรงซีเยว่ถึงได้รับรู้ความผิดพลาดของหวู่เทียนได้อย่างรวดเร็วจนสังหารเขาลงได้?
…………………………