Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1899 ก่อเรื่องที่ตึกลมไหล
ได้ยินเรื่องราวที่หลู่เฉินเล่าถึงเจียงยู่ถังเย่หยวนก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที
แท้จริงแล้วเจียงยู่ถังได้ถูกเรียกไปยังจวนเจ้าเมืองหลังกลับมาจากหน้าที่ แต่หลังจากไปถึงจวนเจ้าเมืองเขากลับถูกโยนลงคุกรอความตายด้วยข้อหาลอบสังหารคุณชายหยู
คุณชายหยูคนนี้มีนามเต็มว่าหยูจินซง ลูกชายคนที่สามของท่านเจ้าเมือง บ่มเพาะไปถึงอาณาจักรนภาสวรรค์แปดดาวมีสถานะสูงส่ง
เจียงยู่ถังนั้นเป็นแค่ผู้ตรวจการเมืองจักรพรรดิต่ำต้อย แต่กล้าคิดลอบสังหารหยูจินซง มันจะต้องกลายเป็นเรื่องราวที่ใหญ่โตแค่ไหน?
แต่หลังจากเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็มั่นใจได้อย่างมากว่าเจียงยู่ถังนั้นโดนใส่ความ
เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้มันมีแต่ช่องโหว่ ตราบเท่าที่ยังเป็นคนสติดีๆ ก็คงไม่มีใครคิดจะเชื่อและสามารถมองออกได้ทันทีว่าเรื่องมันไม่ชอบมาพากล
เว้นเสียแต่ว่าการมองออกกับการกล้าออกมาพูดขัดนั้นมันเป็นเรื่องราวที่แตกต่างกันคนละโลก
เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนี้จะมีสักกี่ผู้คนที่กล้าท้าทายจวนเจ้าเมือง?
ที่สำคัญเจียงยู่ถังยังเป็นแค่ผู้ตรวจการดินแดนบ้านนอกที่ไม่มียศศักดิ์ใดๆ ในเมืองหลวงจักรพรรดิ มันย่อมไม่มีใครคิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขา
จากการพูดคุยกับหลู่เฉินนี้เย่หยวนได้รับรู้แล้วว่าสำนักอากาศแจ่มนั้นไม่คิดจะแตกหักกับจวนเจ้าเมืองด้วยเรื่องราวเล็กๆ น้อยเช่นนี้
เย่หยวนมองดูหลู่เฉินพร้อมถามขึ้น “เจียงยู่ถังนั้นยังมีลูกสาวอยู่ นางน่าจะเป็นศิษย์ของสำนักอากาศแจ่มด้วย ตอนนี้นางอยู่ที่ไหนแล้ว?”
หลู่เฉินหน้าเปลี่ยนสีทันทีแต่ยังไม่กล้าที่จะตอบกลับมาตรงๆ
เมื่อเย่หยวนเห็นเช่นนั้นเขาก็รู้สึกใจหายวาบ
ดวงตาของเขาเริ่มทอประกายแสงเย็นเยือกออกมา “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าสังหารเจ้าในตึกลมไหลนี้?”
เย่หยวนชี้นิ้วออกมาด้วยพลังดาบ คลื่นพลังดาบอันแสนเย็นเยือกนี้มันทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในตึกลมไหลทันที
เมื่อได้เห็นพลังที่รุนแรงปานนั้นหลู่เฉินตึงก้มหน้าลงด้วยท่าทางหวาดกลัวสุดขีด
“น-น-นาง…ถูกไล่ออกจากสำนักอากาศแจ่มไปแล้ว” หลู่เฉินบอก
นั่นทำให้สีหน้าของเย่หยวนดำมืดลงพร้อมถามขึ้นอีก “เจียงยู่ถังนั้นเป็นคนซื่อสัตย์ทำงานอย่างตรงไปตรงมานานหลายต่อหลายปี แม้ว่ามันจะไม่มีผลงานใดๆ มากมายแต่เขาก็ทำงานให้แก่พวกเจ้ามานานปี พวกเจ้าสำนักอากาศแจ่มมันจะทำตัวหน้าไม่อายเกินไปแล้ว!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นของเย่หยวนเขาก็รีบอธิบายออกมา “ม-มันมิใช่อย่างที่เจ้าคิด นาง… นางไปหาคุณชายหยูเพื่อจะช่วยพ่อของนาง แต่สุดท้ายไม่รู้ว่าผลออกมาเป็นเช่นไรแต่นางกลับถูกจับไปขายที่ดงปิติ ทางสำนักรู้สึกเสียหน้าสุดท้ายจึงไล่นางออกไป”
“ดงปิติ?” เย่หยวนขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร
หลู่เฉินบอกขึ้น “ดงปิตินั้นคือหอนางโลมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงจักรพรรดินี้ เป็นหนึ่งในกิจการของจวนเจ้าเมือง”
เย่หยวนรู้สึกร้อนวาบขึ้นมาในหัวใจ สองพ่อลูกนี้ไม่สมควรเลยแม้แต่น้อยที่ต้องมาพบเจอเรื่องราวสุดหายนะเช่นนี้!
เย่หยวนมองดูก็พอรู้แล้วว่าหลู่เฉินคงไม่ได้รู้ไปมากมายกว่านี้เขาจึงไม่คิดสนใจถามต่อและเดินจากไป
แต่ก่อนที่เขาจะทันเดินไปถึงประตูมันกลับมีเสียงเป่าลมหนึ่งดังขึ้น
วีด! วีด! วีด!
ในวินาทีนั้นจู่ๆ ก็มียอดยุทธนภาสวรรค์มากมายพุ่งตัวออกมารายล้อมเย่หยวนไว้ในทุกทิศทางอย่างที่ไม่อาจมีช่องหลบหนีไปได้
ในเวลานี้หลู่เฉินเองก็ขยับตัวขึ้นมายืนด้วยขาข้าหนึ่งที่ยังไม่หักรวมเข้ากับกลุ่มคนทั้งหลาย
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งมองดูหลู่เฉินและขมวดคิ้วถามขึ้น “หลู่เฉิน เกิดอะไรขึ้นกันจึงได้ส่งสัญญาณว่ามีการบุกตึกลมไหลเช่นนี้? บาดแผลของเจ้าได้มาอย่างไร?”
หลู่เฉินนั้นยังคงหายใจอย่างยากลำบากเพราะอากาศบาดเจ็บ เขาได้แต่ชี้นิ้วไปที่เย่หยวนพร้อมกันฟันพูด “ท่านผู้ช่วยซ่ง เด็กผู้มาจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้มันโหดร้ายถึงกับกล้าทำร้ายข้าในตึกลมไหล หักขาของข้าลงข้างหนึ่ง! เมื่อสักครู่นี้มันยังคิดข่มขู่จะสังหารข้าด้วย!”
ซ่งหยานไคมองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตกใจไม่น้อยดูท่าจะไม่อยากเชื่อสักเท่าไหร่
ชื่อของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันมีภาพจำที่ติดตาว่าคือเมืองบ้านนอกที่ไม่มีใครสนใจ มันจะให้กำเนิดยอดฝีมือนภาสวรรค์ห้าดาวหนุ่มเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างไร?
หรือว่าเขาจะหลอมผลวิญญาณเต๋า?
แต่ด้วยพลังฝีมือของหลู่เฉิน มีหรือที่เขาจะถูกผู้หลอมผลวิญญาณเต๋าหนุ่มนี้ทำร้ายได้? ที่สำคัญมันยังมิใช่การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ด้วย
ในวินาทีนั้นความเป็นไปได้มากมายวิ่งผ่านสมองของซ่งหยานไคไป
“ฮ่าๆ หลู่เฉิน เจ้ามันจะไร้ฝีมือเกินไปหรือไม่? ถึงกลับแพ้ให้กับเด็กนภาสวรรค์ห้าดาวเช่นนี้!“
“เด็กน้อยที่มาจากเมืองจักรพรรดิบ้านนอก มันคงได้ไปเจอและหลอมผลวิญญาณเต๋านภาสวรรค์เข้าล่ะสิ? ขยะเช่นนี้เจ้าก็ยังไม่มีปัญญาจะจัดการมันหรือ?”
ตอนนี้เหล่านักยุทธทั้งหลายที่มาสมทบนั้นล้วนเป็นผู้ดูแลตึกลมไหลเช่นเดียวกับหลู่เฉินจึงได้ทีเยาะเย้ยกันใหญ่
ดูท่าพวกเขาทั้งหลายคงมีความคิดไม่ต่างจากหลู่เฉินนัก
หลังจากนั้นซ่งหยานไคก็ได้ทำสัญญาณมือออกมาพร้อมมองดูเย่หยวน “หนุ่มน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าโทษการทำร้ายผู้ดูแลตึกลมไหลนี้คืออะไร?”
เย่หยวนมองดูซ่งหยานไคด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ “โทษ? หึๆ ดูท่าพวกเจ้าเหล่าคนสำนักอากาศแจ่มนั้นจะรู้จักแต่วิธีการลงโทษคนของตน คนของตนถูกคนอื่นใส่ร้ายจนถูกขังคุกรอความตายพวกเจ้าทั้งหลายกลับไม่คิดสนใจ กลับคิดว่ากล่าวเสริมความผิดให้คนตัวเอง ช่างน่าขัน!”
ซ่งหยานไคหน้าดำมืดลง “หนุ่มน้อย เจ้าช่างมีปากที่กล้าเสียจริงๆ! เด็กที่มาจากเมืองจักรพรรดิหนึ่งกลับกล้าพูดถึงตึกใหญ่เช่นนี้หรือ?”
เย่หยวนมองดูที่ใบหน้านั้นและยิ้มเย้ย “ไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าจะให้ข้าพูดอย่างไรเล่า? ปกป้องคนของตัวเองยังไร้ปัญญา คิดว่าจะให้ข้าเคารพพวกเจ้าหรือ? ตอนนี้ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการต่อ พวกเจ้าไปให้พ้น!”
กับเจ้าตึกลมไหลนี้เย่หยวนรู้สึกเหยียดหยามและดูถูกมันอย่างมาก และความรู้สึกเช่นนั้นมันย่อมไม่ก่อให้เกิดความชื่นชมใดๆ
ซ่งหยานไคขมวดคิ้วแน่นก่อนจะพูดสั่งขึ้น “ช่างเป็นเด็กที่อวดดีนัก จัดการมันเสีย!”
เหล่าผู้ดูแลทั้งหลายรับคำสั่งและเข้าโจมตีพร้อมๆ กัน
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายนี้เป็นถึงนภาสวรรค์หกดาวกันทั้งสิ้น แน่นอนว่าพลังฝีมือของพวกเขามันย่อมไม่ธรรมดา
ส่วนตัวซ่งหยานไคนั้นเป็นถึงนภาสวรรค์แปดดาว
ในสายตาของเขาแล้วมีหรือที่คนทั้งหลายนี้จะไม่สามารถจัดการนักยุทธนภาสวรรค์ห้าดาวลงได้?
แต่เขาคิดผิด
เย่หยวนหัวเราะขึ้นพร้อมขยับร่างจนกลายเป็นเงาก่อนจะเข้าปะทะกับเหล่าผู้ดูแลทั้งหลายนี้แทบพร้อมๆ กัน
ไม่นานนักเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นทั่วร่างหลายต่อหลายร่างปลิวลอยไปทุกทิศทาง
เหลือไว้เพียงความเงียบงัน
ซ่งหยานไคมองดูเย่หยวนด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
นภาสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่งกลับสามารถจัดการยอดฝีมือที่เหนือกว่าตนได้ถึงหนึ่งดาวนับสิบๆ คนอย่างง่ายดาย?
ไม่ ไม่ใช่แค่จัดการ!
หากเย่หยวนต้องการจริงเขาสามารถสังหารคนทั้งหลายนี้ได้ด้วยซ้ำ!
จบเรื่องแล้วเย่หยวนก็สะบีดดาบเดินจากไปโดยไม่คิดสนใจซ่งหยานไคอีก
“หยุด!”
ตุบ!
ซ่งหยานไคใช้พลังโลกของคนออกมาล้อมรอบกายเย่หยวนไว้
แต่ทว่าเย่หยวนนั้นกลับไม่คิดรู้สึกรู้สาใดๆ เขาทำตัวราวกับว่าพลังโลกที่ปกคลุมนี้มันไม่มีตัวตนและเดินออกไปอย่างง่ายดาย
ซ่งหยานไคสะดุ้งตัวขึ้นทันทีแต่สุดท้ายเขาก็ไม่กล้าจะลงมือไป
เพราะเขาได้รู้แล้วว่าตัวเองไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อยว่าตัวเองจะสามารถจัดการชายหนุ่มคนนี้ลงได้!
จนในที่สุดเย่หยวนก็เดินหายไปจบลับสายตา เป็นเวลานั้นเองที่เขาเหมือนลืมตาตื่นจาภวังค์ขึ้นมาได้
นี่มัน…นี่มันคือนักยุทธที่หลอมผลวิญญาณเต๋านภาสวรรค์จริงหรือ?
ไม่มีทาง!
ซ่งหยานไคปฏิเสธความคิดนี้อย่างทันที
เพราะไม่มีทางใดเลยที่นักยุทธประเภทนั้นจะแข็งแกร่งได้ปานนี้!
เขาหันกลับไปมองดูหลู่เฉินและถามขึ้น “เจ้าบอกว่าเขามาจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์สินะ? มันหมายถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งสันเขาใต้ใช่ไหม?”
หลู่เฉินเองก็ยังตื่นตะลึงกับภาพตรงหน้าไม่หายเมื่อได้ยินคำถามนั้นของซ่งหยานไคเขาจึงสะดุ้งตัวขึ้นในทันที “ข-ขอรับ! ข้าตรวจดูเหรียญของมันแล้ว มันต้องเป็นผู้อาวุโสใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แน่นอน”
ซ่งหยานไคขมวดคิ้วแน่นก่อนจะถามออกมาอีกครั้ง “เขามาเพราะเรื่องใด?”
หลู่เฉินหน้าเสียไปเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมา “เพื่อ…เรื่องของเจียงยู่ถัง”
ซ่งหยานไคตื่นตกใจขึ้นทันที ร่างของเขาขยับก่อนจะจางหายไปในพริบตา
…………………………