Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1938 การเผชิญหน้าที่ดุเดือด!
“เป็นเช่นนั้นนี่เอง!”
เย่หยวนนั้นแม้จะมีท่าทางเรียบเฉยแต่ภายในของเขานั้นตื่นตะลึงอย่างมาก
ความหมายในคำพูดของเทพสวรรค์เปียวหยูนี้ก็คือเขาอยู่ห่างจากอาณาจักรบรรพกาลอีกแค่ก้าวเดียว
เทียบกันกับอาณาจักรเต๋าแล้วอาณาจักรบรรพกาลนั้นทั้งยิ่งใหญ่และเหนือล้ำจนไม่อาจจะสามารถทำความเข้าใจได้
แม้ว่าตัวเย่หยวนเองก็จะอยู่ในอาณาจักรเต๋าขั้นสุดแต่ตัวเขาเองก็ยังไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าอาณาจักรบรรพกาลมันจะเป็นเช่นไร
“ขึ้นถึงอาณาจักรเต๋าได้ตั้งแต่อายุยังเท่านี้อนาคตของเจ้าคงไปได้ไม่สิ้นสุดแน่!” เทพสวรรค์เปียวหยูบอกขึ้นด้วยท่าทางพึงพอใจ
“ผู้อาวุโสเปียวหยูกล่าวชมเกินไปแล้ว!” เย่หยวนตอบ
“หึๆ เลิกพูดคุยเล่นกันเท่านี้ก่อน ในเมื่อเจ้าคิดอยากท้าทายข้าแล้วเจ้าก็ย่อมต้องเป็นฝ่ายเลือกโอสถที่เราจะหลอมกัน” เปียวหยูบอก
เย่หยวนพยักหน้ารับอย่างที่ไม่อาจห้ามตัวเองได้อีกต่อไป
เพราะคู่ต่อสู้อย่างเทพสวรรค์เปียวหยูนี้มิใช่คนที่จะสามารถพบเจอได้ง่ายๆ
เทียบกับเหล่าเทพสวรรค์แล้วทั้งหลายแล้วนักหลอมโอสถอาณาจักรเต๋าขั้นสุดนั้นมันหายากกว่ามาก
“ทำไมเราไม่มาหลอมโอสถแก่นโกลาหลพ้นทุกข์เล่า ท่านผู้อาวุโสเปียวหยูคิดว่าอย่างไร?” เย่หยวนถามขึ้น
“หืม? โอสถแก่นโกลาหลพ้นทุกข์นั้นเป็นโอสถขั้นสูงสำหรับเหล่าผู้บ่มเพาะกายระดับห้า การหลอมมันนั้นยากไม่น้อย เจ้าแน่ใจหรือว่าอยากแข่งขันโดยใช้มัน?” เทพสวรรค์เปียวหยูถามย้ำ
เย่หยวนจึงพยักหน้าตอบ “แน่ใจ”
การแบ่งแยกโอสถนั้นมีมากมายหลากหลายแม้จะเป็นโอสถความยากเก้าเช่นกันแต่แน่นอนว่าความยากในการหลอมแท้จริงแล้วมันไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันอย่างสิ้นเชิง
เหมือนกับโอสถย้อนฝันพิรุณชำระที่เย่หยวนเคยได้หลอมนั้นเองมันก็เป็นโอสถความยากเก้าที่แท้จริงแล้วยากเย็นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
และเจ้าโอสถแก่นโกลาหลพ้นทุกข์นี้มันก็นับเป็นหนึ่งในโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าความยากเก้าที่ยากแก่การหลอมอย่างมาก
กับเย่หยวนแล้วการหลอมโอสถฟ้าตะวันจันทรา โอสถฟื้นหทัยหยกประณีตหรือเหล่าโอสถที่พบได้ทั่วๆ ไปทั้งหลายนั้นมันย่อมเหมาะสมกว่าที่จะนำมาเป็นโจทย์
เพราะแม้ว่าเย่หยวนจะมีความสามารถในการหลอมที่เหนือล้ำเพียงใดแต่ในเรื่องของประสบการณ์หลอมหรือความเข้าใจต่อสมุนไพรวิญญาณต่างๆ แล้วมีหรือที่เขาจะเทียบเคียงกับเทพสวรรค์เปียวหยูที่อยู่มานับล้านๆ ปีได้
การเลือกนี้ของเย่หยวนมันดูไม่ฉลาดเลย
เทพสวรรค์เปียวหยูพยักหน้ารับไปก่อนจะสะบัดแขนส่งหม้อหลอมโอสถออกมาด้านหน้า
“ในเมื่อมันเป็นการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าเทพสวรรค์ผู้นี้ก็ย่อมจะไม่เอาเปรียบเจ้า นี่คือหม้อหลอมที่เทพสวรรค์ผู้นี้ได้ใช้ตอนอยู่ในอาณาจักรนภาสวรรค์ มีนามว่าหม้อหลอมเจ้าเพลิงประณีต เป็นสิ่งของที่ไม่ได้ใช้มานับล้านๆ ปี หากวันนี้เจ้าชนะเทพสวรรค์ผู้นี้ได้ข้าจะมอบมันให้แก่เจ้า” เทพสวรรค์เปียวหยูบอก
เย่หยวนเบิกตามองดูหม้อหลอมเจ้าเพลิงประณีตตรงหน้า มันปล่อยคลื่นพลังลึกล้ำและยากเกินเข้าใจออกมารอบๆ แค่ดูก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าในหมู่สมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำ
กับจอมเทพโอสถห้าดาวแล้วมันคงเป็นสมบัติที่พวกเขาเฝ้าฝันถึงแม้ตอนนอน
เว้นเสียแต่ว่าตอนนี้ทั้งซือหยู่และชิงหยุนที่เห็นเช่นนั้นต่างอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างมากออกมา
“ท่านอาจารย์ ศิษย์นั้นร้องขออยากได้มันมานับพันปีแต่ท่านก็ยังไม่ยอมมอบหม้อหลอมเจ้าเพลิงประณีตให้ศิษย์ วันนี้ท่านกลับคิดจะเอามันเป็นของขวัญให้คนนอกอย่างนั้นหรือ” ซือหยู่ร้องบอกอย่างโกรธเคือง
ดูท่าแล้วเด็กทั้งสองคนนี้คงถูกเทพสวรรค์เปียวหยูดูแลสั่งสอนมาอย่างตามใจ ถึงกล้าพูดกับอาจารย์เช่นนี้ได้
แต่แค่มองใบหน้านั้นทุกผู้คนต่างก็จะรู้ได้ทันทีว่าเจ้าหม้อหลอมเจ้าเพลิงประณีตนี้มันเป็นสมบัติล้ำค่าเพียงใด
เทพสวรรค์เปียวหยูยิ้มตอบ “ที่ข้าไม่มอบให้มันย่อมเพราะพวกเจ้าไม่มีค่าพอต่อหม้อหลอมนี้ แม้ว่ามันจะไม่มีประโยชน์ใดกับข้าแล้วแต่นี่มันก็ยังเป็นของที่เทพสวรรค์คนนี้ดูแลมานับล้านๆ ปี พลังวิญญาณที่เก็บอยู่ภายในนั้นมันเหนือล้ำกว่าสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำใดๆ ไปมากใครก็ตามที่เอามันไปใช้หลอมโอสถย่อมจะหมายถึงเป็นตัวแทนแบกหน้าของเทพสวรรค์คนนี้ไปด้วย และพวกเจ้าทั้งสองมันก็ยังห่างไกลเกินกว่าจะแบกรับมันได้!”
ชิงหยุนร้องตอบกลับมา “ข้าไม่เชื่อหรอกว่ามันจะเทียบเคียงท่านอาจารย์ได้!”
เทพสวรรค์เปียวหยูยกมือขึ้นมาโบกไล่ “อย่าได้เสียมารยาทอีก รีบไปเตรียมสมุนไพรวิญญาณมา”
ศิษย์ทั้งสองเมื่อได้คำสั่งก็ไม่คิดจะขัดใดๆ เดินเข้าไปด้านในเพื่อเตรียมโอสถสำหรับหลอมโอสถแก่นโกลาหลพ้นทุกข์มาสองที่ทันที
เหล่าสมุนไพรวิญญาณทั้งหลายนี้เมื่อวางอยู่ภายนอกแล้วคงมีค่ามากเสียกองภูเขาทองคำ แต่ในเขาเมฆาฝันนี้มันย่อมไม่มีค่ามากมายใดๆ
เทพสวรรค์เปียวหยูยกฝ่ามือออกมาและราวกับว่ามันมีพลังเวทมนตร์เปลี่ยนเหล่าสมุนไพรทั้งหลายนั้นให้กลายเป็นก้อนแสงพุ่งลงในหม้อหลอมเจ้าเพลิงประณีตทันที
เย่หยวนได้แต่เบิกตากว้างมองภาพตรงหน้าเพราะเทพสวรรค์เปียวหยูนั้นกลับข้ามขั้นการหลอมกลั่นแก่นสมุนไพรไปอย่างง่ายดาย
ทักษะนี้มันเหนือล้ำอย่างมาก
ภาพนี้ทำให้เหล่าผู้อาวุโสขั้นยาฟ้าทั้งหลายได้แต่หรี่ตามองค้างอย่างไม่เชื่อสายตา
พวกเขาเองนั้นก็นับเป็นยอดนักหลอมโอสถคนหนึ่งกันทั้งสิ้น มีตำแหน่งที่สูงส่งในสายตาผู้คน
แต่วิชาตรงหน้านี้พวกเขาทั้งหลายกลับไม่เคยพบเห็นมันมาก่อนเลย
เทพสวรรค์เปียวหยูนั้นเป็นตัวตนที่แสนลึกลับพวกเขาทั้งหลายย่อมไม่เคยเห็นเทพสวรรค์เปียวหยูลงมือหลอมต่อหน้ามาก่อน
การที่ได้มาเห็นมันในวันนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะเย่หยวนทั้งสิ้นที่ทำให้พวกเขาได้มีโอกาสเปิดหูเปิดตา
เมื่อซือหยู่และชิงหยุนเห็นเช่นนั้นพวกเขาทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเย้ยออกมา
“เห็นไหม? นี่น่ะแค่ส่วนน้อยๆ ในพลังฝีมือของท่านอาจารย์ เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเจ้ามันก็แค่ประเมินตัวเองสูงไปเท่านั้น!” ซือหยู่บอก
“ต่อให้เขาจะอยู่ในอาณาจักรเต๋าขั้นสุดแล้วแต่มันก็ยังไม่อาจเทียบเคียงกับท่านอาจารย์ได้! การหลอมโอสถนั้นไม่ได้วัดกันแค่ที่อาณาจักรเสียหน่อย!” ชิงหยุนเสริม
ทางฝั่งเทพสวรรค์เปียวหยูที่เห็นความตื่นในสายตาของเย่หยวนเองก็พูดขึ้นมา “เทพสวรรค์ผู้นี้ได้คลุกคลีอยู่กับวิชาหลอมโอสถมานานนับล้านๆ ปีและได้เข้าใจถึงส่วนผสมต่างๆ ของสมุนไพรวิญญาณอย่างดีราวกับมันเป็นแขนขาของตน หากแค่นี้ข้ายังทำไม่ได้ชื่อเสียงทั้งหลายของข้าก็คงไม่อยู่มาถึงวันนี้”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ท่านผู้อาวุโสเปียวหยูเก่งกาจนัก ผู้เยาว์ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว!”
พูดจบเย่หยวนก็ขยับมือออกมาอย่างรวดเร็วก้อนไฟสีขาวสว่างผุดขึ้นมาจากฝ่ามือและเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นมังกรเพลิงเก้าตัว
ภายใต้การควบคุมของเย่หยวนเจ้ามังกรเพลิงทั้งเก้านั้นมันราวกับว่ามีชีวิตของตนพุ่งตัวลงใส่หม้อหลอมตรงหน้าเขาทันที
‘โฮ่ก!’
หม้อหลอมนั้นส่งเสียงออกมาราวกับเสียงคำรามของมังกรจนทั้งโถงต้องสั่นสะท้าน
หม้อหลอมโอสถนี้ของเย่หยวนเป็นของที่เขาได้มาจากโถงบัลลังก์ม่วงนามว่าหม้อหลอมมังกรจร
แม้ว่ามันเองก็จะเป็นสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำแต่มันก็นับได้ว่ามีระดับต่ำกว่าหม้อหลอมเจ้าเพลิงประณีตมาก
เพราะฝั่งนั้นมันเป็นสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำที่ได้รับการดูแลจากเทพสวรรค์มานับล้านๆ ปีแน่นอนว่ามันย่อมเหนือล้ำกว่าที่จะเอาสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำใดๆ ไปเทียบเคียงได้
แต่ทว่าเจ้าหม้อหลอมมังกรจรเองก็สามารถเปล่งประกายได้ภายใต้การลงมือของเย่หยวน
ในเวลานั้นเองที่เย่หยวนขยับยื่นมือออกไปโยนสมุนไพรวิญญาณทั้งหลายลงหม้อหลอมมังกรจรไป
“ฮ่าๆ!”
ซือหยู่และชิงหยุนหันเราะลั่นขึ้นทันที
“นี่มันรู้วิธีหลอมโอสถหรือไม่? โยนสมุนไพรวิญญาณลงไปตรงๆ เช่นนั้นแล้วก็หลอมโอสถได้หรือ? ไอ้เด็กคนนี้มันไม่ได้มาเล่นตลกใช่หรือไม่?” ซือหยู่ร้องบอกพร้อมเสียงหัวเราะที่ไม่ขาดสาย
“ฮ่าๆ มันพยายามเลียนแบบมังกรสุดได้เป็นได้แค่สุนัข! มันนั้นคิดอยากเลียนแบบวิชาของท่านอาจารย์แต่สุดท้ายไม่ได้ประเมินฝีมือตัวเอง คนอย่างมันจะเรียนรู้ได้หรือ?” ชิงหยุนพูดเสริมขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะร่า
เหล่าผู้อาวุโสขั้นยาฟ้าทั้งหลายที่ได้เห็นเช่นนั้นต่างก็ได้แต่ส่ายหัวออกมาอย่างแรง
ดูท่าแล้วเย่หยวนจะคิดอวดดีลอกเลียนแบบวิชาของท่านเทพสวรรค์เปียวหยู
การควบคุมไฟนั้นมันสุดแสนจะยอดเยี่ยมแต่มีหรือที่เขาจะหลอมโอสถได้โดยไม่กลั่นแก่นออกจากสมุนไพรวิญญาณก่อน?
เพียงแค่ว่าคนทั้งหลายนั้นไม่ได้เห็นความตื่นตะลึงในสายตาของเทพสวรรค์เปียวหยูเลย
“ยอดเยี่ยม! ช่างยอดเยี่ยม! สหายหนุ่ม แค่นับกันในเรื่องนี้เจ้าก็นับได้ว่ายืนเคียงเทพสวรรค์คนนี้ได้แล้ว!” เปียวหยูบอกขึ้นมาด้วยท่าทางตื่นเต้น
คำพูดของเขานี้มันทำให้ทุกผู้คนตกตะลึง
ซือหยู่และชิงหยุนที่ยังหัวเราะอยู่ต้องอ้าปากค้างด้วยใบหน้าแข็งทื่อทันที
ดูอย่างไรเย่หยวนก็ทำพลาด เหตุใดมันถึงนับว่าเป็นการกระทำที่ยอดเยี่ยมได้?
การทำเช่นนั้นมัน… ยอดเยี่ยม?
เช่นนั้นทำไมพวกเขาถึงไม่เข้าใจ?
“อาจารย์ การทำเช่นนี้มันยอดเยี่ยมอย่างไร? แค่โยนสมุนไพรลงหม้อหลอมมั่วๆ มันจะกลั่นแก่นสมุนไพรออกมาได้หรือ?” ซือหยู่ถามอย่างมึนงง
เปียวหยูยิ้มตอบกลับมา “พวกเจ้าทำไม่ได้ แต่เขาทำได้! นี่คือวิชาที่เหนือล้ำคำว่ายอดเยี่ยม แต่พวกเจ้าทั้งหลายคงไม่อาจฝึกฝนมันได้!”
…………………………