Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1946 แฝงตัว
ห้าผีเบิกทวารนั้นเป็นสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำประจำตัวของโม่ชิง
ต่อให้มันจะเป็นหอกยาวของไป๋เฉิน ห้าผีเบิกทวารก็ยังไม่อาจจะถูกทำลายลงได้ง่ายๆ
นักยุทธ์ผู้มีกายทองคำระดับหกนั้นมันเทียบได้กับมีร่างกายที่ทำจากสมบัติเลิศล้ำ แต่หากคิดจะเอาสมบัติเลิศล้ำมาทำลายสมบัติเลิศล้ำอื่นด้วยการโจมตีเดียวแล้วมันคงเป็นไปได้ยาก
แต่เจ้าหนุ่มตรงหน้าเขานี้มันคืออะไรกันแน่?
เขารู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มคนนี้มิใช่คนที่จะไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้ง่ายๆ!
‘ฟุบ!’
แล้วมีหรือที่โม่ชิงจะยังกล้าอยู่ต่อไป? เขารีบหันหน้าทุ่มกำลังหนีสุดตัวพยายามผลักร่างของตนเข้าสู่รอยแยกของมิติ
แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาดักอยู่ตรงหน้าเขาเสียก่อน
และมันก็คือเย่หยวนนั่นเอง!
โม่ชิงเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตื่นตกใจ “เคลื่อนย้ายมิติ! เจ้า… เจ้าเป็นใครกันแน่?”
เย่หยวนมองดูใบหน้าตื่นตกใจนั้นพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “เจ้ามาตามหาข้า แต่เจ้ากลับมาถามว่าข้าเป็นใคร?”
โม่ชิงนั้นปากสั่นตัวสั่นได้แต่กัดฟันพูดออกมา “ข้านั้นเป็นสมาชิกของประตูวิญญาณมรณา! หากเจ้ากล้าสังหารข้าแล้วเจ้าจะต้องได้กลายเป็นศัตรูกับประตูวิญญาณมรณา!”
“ประตูวิญญาณมรณา? ไม่เห็นเคยได้ยิน! ตายเสีย”
เย่หยวนต่อยหมัดออกไปทำให้มิติทั้งหลายแตกออก
ต่อให้โม่ชิงจะคิดอยากหนีอย่างไรมันก็ไม่อาจจะหนีได้อีกแล้ว
พลังโลกหรือม่านป้องกันปราณเทวะใดๆ มันก็ไม่อาจต้านพลังของหมัดเดียวนี้ได้และถูกต่อยเข้าไปเต็มๆ
‘ตูม!’
ร่างของโม่ชิงนั้นแตกระเบิดออกกลายเป็นฝนเลือดในทันที
เทพถ่องแท้หนึ่งดาวขั้นสุดนั้นกลับตายลงด้วยหมัดเดียวของเย่หยวนเช่นนี้
“แข็งแกร่ง! อีกฝ่ายเป็นเทพถ่องแท้หนึ่งดาวขั้นสุดแต่ท่านเย่หยวนกลับสังหารเขาลงได้ด้วยหมัดเดียว!”
“เขานั้นไม่ได้ใช้ปราณเทวะใดๆ เลยด้วยนี่มันน่าจะเป็นพลังของกายเนื้อ ดูท่าท่านเย่หยวนจะบรรลุถึงกายทองคำระดับหกเสียแล้ว!”
“แต่กายทองคำระดับหกมันจะแข็งแกร่งได้ปานนี้หรือ? เหล่ากะโหลกทั้งหลายนั้นเองก็น่าจะเป็นสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำใช่หรือไม่เล่า? แต่นายท่านกลับสามารถทำลายมันลงได้ด้วยหมัดเดียวเช่นนั้น ช่างน่ากลัวเสียจริง!”
…
ทุกผู้คนต่างมองดูเย่หยวนด้วยสายตาที่ปลาบปลื้มราวกับได้เห็นเทพสงครามตรงหน้า ตื่นตะลึงจนไม่อาจหุบปากที่อ้าค้างได้
ในเวลาการเก็บตัวแค่ไม่กี่ปีนี้ เมื่อเขาออกมาเขากลับฆ่าสังหารเทพถ่องแท้ลงได้
สมชื่อท่านเย่หยวนจริงๆ!
เย่หยวนเองก็ก้มลงมองที่หมัดของตัวเองด้วยความพึงพอใจ
“พลังที่มากขนาดนี้ เวลาที่ทนทรมานมานับปีๆ คงไม่เสียเปล่าแล้ว”
ทุกข์จุติทั้งหกนั้นมันกินเวลาแปดปีกว่าที่เย่หยวนจะผ่านมันมาได้
ในเวลาแปดปีนี้เย่หยวนได้เดินข้ามเส้นความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน
ความรู้สึกในเวลานั้นมันราวกับได้ลงไปเที่ยวขุมนรกขนหมดสิ้นทั้งภูเขาดาบ ทะเลเพลิง กระทะทองแดงต่างๆ นานา
ความทรมานนั้นแม้แต่ตอนนี้เย่หยวนก็ยังจดจำมันได้อย่างชัดเจน
และเขาก็ได้เข้าใจอย่างแจ่มชัดว่าเหตุใดบรรพบุรุษของเผ่ามังกรถึงได้ผนึกความทรงจำของวิชานี้ไว้หลังขึ้นระดับห้ามาได้แล้ว
เพราะทุกขจุตินี้มันมิใช่สิ่งที่ผู้คนมนุษย์ทั่วไปจะทนรับได้เลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทุกขจุติที่หกนั้นเย่หยวนรู้สึกราวกับว่าตัวเองจะไม่อาจทนรับมันไว้ได้อีกต่อไป
แต่สุดท้ายเขาก็ได้พึ่งพลังความมุ่งมั่นที่เหนือล้ำผ่านมันมาได้
“เย่หยวน ครั้งนี้เจ้าใจร้อนเกินไปแล้ว ประตูวิญญาณมรณานั้นขึ้นชื่อว่าเป็นตัวยุ่งยากที่สุดในมหาพิภพถงเทียนถนัดเรื่องการปล้นฆ่าทั้งยังเป็นค่ายมือสังหารที่ใหญ่ที่สุดในมหาพิภพถงเทียนด้วย เหล่ายอดฝีมือของประตูวิญญาณมรณานั้นมีมากมายและยังตั้งมาอย่างยาวนาน ว่ากันว่าผู้ก่อตั้งประตูวิญญาณมรณานั้นเป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์เสียด้วยซ้ำ วันนี้เจ้าสังหารสมาชิกของประตูวิญญาณมรณาไป เจ้าต้องระวังการแก้แค้นของพวกมันให้ดี” หวู่เฉินบอก
เมื่อเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที
เพราะเขานั้นไม่เคยจะได้ยินชื่อของประตูวิญญาณมรณานี้มาก่อน แต่เมื่อได้ยินคำอธิบายของหวู่เฉินเขาก็มั่นใจได้ทันทีว่าคงไม่มีทางปล่อยไว้ได้และต้องหาทางป้องกัน
เดิมทีนั้นเขาคิดจะใช้โอสถครองวิญญาณผสานเต๋าในการทำเงินไปต่ออีกสักหน่อย แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ไป
แต่ทว่าต่อให้เขาจะรู้ว่าประตูวิญญาณมรณาเป็นยอดค่ายสำนัก เขาก็คงไม่อาจปล่อยโม่ชิงกลับออกไปได้อยู่ดี
“ข้าทราบแล้ว ดูท่าเราคงต้องเตรียมตัวกันหน่อย” เย่หยวนบอก
…
ภายในห้องลับใต้ดินของเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นตอนนี้มีดอกบัวดำไม่น้อยถูกวางเรียงอยู่
แต่จู่ๆ บัวดอกหนึ่งก็แตกสลายลง
นั่นทำให้เงาดำในห้องลับนี้สะดุ้งตัวขึ้นทันที “โม่ชิงตายแล้ว? ไม่มีทางน่า! เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมีเพียงแค่เทพถ่องแท้ที่เพิ่งบรรลุอยู่หนึ่งคน มีหรือที่จะต้านทานโม่ชิงได้? และต่อให้อีกฝ่ายจะเก่งกาจกว่าจริงมันก็ไม่มีทางที่โม่ชิงจะไม่มีโอกาสหนีหรอกใช่ไหม?”
ไม่มีใครคาดคิดว่าโรงเตี้ยมน้อยๆ นี่มันคือสาขาย่อยของประตูวิญญาณมรณา
และเจ้าดอกบัวดำทั้งหลายนี้มันก็คือตัวแทนของเทพถ่องแท้หลายต่อหลายคน
หากเจ้าเมืองหยูเหวินเฟิงได้รู้ว่ามีเทพถ่องแท้มากมายปานนี้อยู่ภายใต้จมูกเขาแล้วตัวเขาคงไม่อาจจะนอนหลับได้เต็มตา
เงาดำนั้นเดินไปมาอย่างไม่สงบจนจู่ๆ ตราภายในมือของเขาก็เปลี่ยนไปกลายเป็นเส้นไหมสีดำสนิทพรางลงกับความว่างเปล่า
‘ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!’
ไม่นานนักก็ปรากฏเงาร่างอีกหลายร่างขึ้นในห้องโถงลับนี้
“หัวหน้า!”
เมื่อคนทั้งหลายมาถึงพวกเขาก็ก้มหัวลงต่อหน้าเงาดำนั้น
เงาดำนั้นค่อยๆ นั่งลงพร้อมตอบรับออกมา “มีภารกิจจากเบื้องบนมาว่าเราต้องจับเป็นผู้ตรวจการแห่งสิบเมืองสันเขาใต้ เย่หยวนมาให้ได้ ข้าได้ส่งโม่ชิงออกไปทำภารกิจแล้วแต่เขากลับ…ตายลง!”
“โม่ชิงเจ้าโง่นี่ มันคิดเสมอว่าตัวเองนั้นเก่งกาจเหนือล้ำผู้คน อย่างไรความตายของมันก็ต้องมาถึงสักวัน” หนึ่งในคนที่มากล่าว
คนอีกผู้หนึ่งกล่าวขึ้น “ที่ท่านเรียกเรามานี้หรือท่านคิดจะให้เราลงมือด้วยกัน?”
เงาดำนั้นพยักหน้ารับ “ใช่ เด็กเย่หยวนคนนี้มันจะประมาณไม่ได้ เขาคนนี้มีวิธีการไม่คาดฝันอยู่เสมอ ครั้งนี้พวกเจ้าทั้งห้าจงไปพร้อมๆ กัน ลู่ซินทำหน้าที่บัญชาการ ส่วนพวกเจ้าทั้งสี่คอยช่วยเหลือ นำขวางมิติไร้รอยไปด้วย เด็กคนนี้มันมีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่เหนือล้ำ พวกเจ้าต้องมั่นใจว่าการลงมือครั้งนี้จะไม่มีผิดพลาดเข้าใจหรือไม่?”
เมื่อคนทั้งห้าได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็สะท้านขึ้มตกตะลึง
ลู่ซินขมวดคิ้วขึ้นทันที “ท่าน เราแค่จะไปจับเด็กนภนด้วยควาาสวรรค์คนหนึ่งมิใช่หรือ? เหตุใดต้องทำการขี่ช้างจับตั๊กแตนเช่นนี้ด้วย? ต่อให้ไม่ใช้ขวางมิติไร้รอยเมื่อเราทั้งห้าร่วมมือกันเจ้าเด็กคนนั้นมันก็จะยังสามารถหนีได้อีกหรือ?”
เงาดำนั้นกล่าวขึ้น “นี่คือคนที่เบื้องบนต้องการ ไม่ว่าเราจะประเมินอีกฝ่ายสูงเท่าใดมันก็ไม่มีคำว่าเกินไป ที่สำคัญโม่ชิงเองก็ตายไปแล้ว การที่จะสามารถฆ่าสังหารเทพถ่องแท้ลงได้เช่นนี้มันย่อมมีความเป็นไปได้ว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นอาจจะยังมีขุมกำลังหลบซ่อนอยู่ เมื่อผิดพลาดขึ้นมาแล้วไม่ว่าจะเจ้าหรือข้าก็คงไม่อาจรับโทษนี้ไว้ได้! ทำตามที่ข้าสั่งไป หากเจ้าพลาดก็จงตัดหัวตัวเองกลับมาส่งข้าเสีย!”
คนทั้งห้านั้นแสดงสีหน้าหวาดกลัวและไม่กล้าที่จะเถียงสิ่งใดอีกต่อไป
“ขอรับท่าน!”
…
คนทั้งห้าที่รับภารกิจมาเริ่มทำการวางแผนและแฝงตัวเข้ามาในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์
ประตูวิญญาณมรณานั้นมีวิชาการแฝงตัวและปกปิดที่ลึกล้ำ หากแค่มองจากภายนอกแล้วพวกลู่ซินทั้งหลายนั้นไม่ได้ดูแตกต่างจากเหล่าราชันพระเจ้าเลยแม้แต่น้อย
ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เวลานี้ราชันพระเจ้านั้นนับได้ว่ามีอยู่ทุกหนแห่งในเมือง มิใช่เรื่องแปลกประหลาดใดๆ
และคนทั้งห้านั้นก็ทำการอย่างรอบคอบการแฝงตัวนี้กินเวลาไปนานถึงครึ่งปี
ในวันนี้คนทั้งห้าได้มารวมตัวพบเจอกันที่บ้านธรรมดาๆ หลังหนึ่ง
หลังเข้าประตูมาถึงหนึ่งในมือสังหาร ซูเหมาก็เปิดปากบ่นขึ้น “เจ้าโง่โม่ชิงนั่นมันไปลงมืออย่างโง่เง่าจนทำให้เป้าหมายรู้ตัวเสียได้ เยี่ยมจริง! ตอนนี้เจ้าเด็กนั่นมันไม่คิดออกจากจวนเจ้าเมืองแม้แต่ก้าวเดียว เราไม่มีโอกาสจะลงมือเลยแม้แต่น้อย!”
ภายในจวนเจ้าเมืองนั้นมันย่อมจะเต็มไปด้วยกับดักป้องกันผู้บุกรุกมากมาย
แม้แต่คนที่เข้าใจในแนวคิดแห่งห้วงมิติก็คงไม่อาจจะแอบลอบเข้าไปได้โดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวเสียก่อน
คนทั้งหลายนี้เป็นมือสังหารมากประสบการณ์ แต่เมื่อเย่หยวนเอาแต่มุดหัวอยู่ในกระดองเช่นนี้พวกเขาทั้งหลายเองก็ไม่อาจจะทำอะไรได้เช่นกัน
“เอาล่ะ ไหนๆ คนมันก็ตายไปแล้ว มาด่ามันให้ได้อะไรอีก? แต่เจ้าเย่หยวนคนนี้มันช่างยอดเยี่ยมเสียจริงๆ สร้างโอสถท้าทายสวรรค์เช่นนี้ขึ้นมาได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเบื้องบนถึงได้ต้องการตัวมันเป็นๆ” มือสังหารอีกคนกล่าว
ในเวลานี้เองที่ลู่ซินผู้เงียบฟังมานานได้เสนอความคิดขึ้น “ในเมื่อมันไม่ออกมาแล้ว เราก็คงมีแต่ต้องเข้าไป”
………………….