Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1956 อาณาจักรเม็ดต้นกำเนิด!
เจียนหงเซียวนั้นย่อมรู้และเข้าใจมานานว่าเย่หยวนนั้นเป็นคนนับถือในบุญคุณเพียงใด แต่เขาก็ไม่นึกไม่ฝันเช่นกันว่าการตอบแทนแรกของเย่หยวนนี้มันจะเริ่มด้วยของขวัญสุดล้ำค่า
และเย่หยวนยังบอกอีกว่านี่นับเป็นเพียงแค่ดอกเบี้ยที่ติดค้างกัน!
โอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนั้นมันสุดแสนล้ำค่า มีค่ามากพอๆ กับเมืองจักรพรรดิทั้งเมือง!
เพราะว่าเจ้าโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาลที่สามารถสร้างเทพถ่องแท้ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
แล้วเมืองจักรพรรดินั้นมีเทพถ่องแท้หรือ?
ยอดฝีมือเทพถ่องแท้นั้นเก่งกาจเพียงใดผู้คนในมหาพิภพถงเทียนย่อมเข้าใจดี มีหรือที่คนอย่างเจียนหงเซียวจะไม่รู้ได้?
เพราะฉะนั้นของขวัญชิ้นนี้ของเย่หยวนมันจึงยิ่งใหญ่จนเกินไป!
เจียนหงเซียวหายใจเข้าลึกพร้อมกล่าวออกมา “สิ่งที่ข้าให้เจ้าไปนั้นมันนับเป็นแค่ผลไม้ลูกหนึ่ง แต่เจ้ากลับตอบแทนมาด้วยหยกงาม! สหายหนุ่มเย่ ของขวัญอันนี้ของเจ้ามันสุดจะล้ำค่า! แต่ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าให้ด้วยความคิดหวังดี เฉินเอ๋อเจ้าก็รับไว้เถอะ”
เจียนเฉินสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ใบหน้าของเขานั้นแสดงความตื่นเต้นดีใจอย่างถึงที่สุด
ด้วยโอสถศักดิ์สิทธิ์เม็ดนี้แล้วเขาคงสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้ในอีกไม่ช้า!
เจียนหงเซียวขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นเช่นนั้น “จะยังยืนเหม่ออะไรอีกเล่า? ทำไมยังไม่รีบกล่าวขอบคุณสหายหนุ่มเย่อีก?”
เจียนเฉินสะดุ้งตัวขึ้นทันทีก่อนจะรีบเดินมาคุกเข่าต่อหน้าเย่หยวน “เจียนเฉินขอบคุณน้องเย่ บุญคุณนี้ข้าจะไม่มีวันลืมมันแน่!”
เย่หยวนรับประคองร่างของเจียนเฉินลุกขึ้นด้วยรอยยิ้ม “พี่เจียนเฉินเองก็ทำเหมือนเราเป็นคนห่างคนไกลกันไปได้ แค่โอสถเท่านี้มันย่อมไม่นับเป็นบุญเป็นคุณใด ข้าว่าตอนนี้พี่เจียนเฉินคงอยากเริ่มเข้าเก็บตัวเต็มทีแล้วกระมัง? รีบไปเสียเถอะ”
เจียนเฉินแสดงสีหน้าอับอายออกมาเพราะเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนเขายังว่ากล่าวดูถูกเย่หยวนแต่สุดท้ายเย่หยวนกลับหยิบยื่นสุดยอดของขวัญมาให้เขาง่ายๆ
เขานั้นได้แต่หันหน้าไปมองดูเจียนหงเซียว เจียนหงเซียวเองก็ได้แต่ถอนหายใจยาวก่อนจะตอบออกมา “ไปเถอะ!”
เจียนเฉินนั้นราวกับได้รับการอภัยโทษรีบพุ่งตัวจากไปทันที
จากนั้นทั้งเย่หยวนและเจียนหงเซียวก็ได้นั่งลงในที่ของตนอีกครั้งก่อนที่จะเป็นฝ่ายเจียนหงเซียวที่พูดขึ้นมาก่อน “ตระกูลเจียนของข้านั้นนับได้ว่าเป็นผู้เดินทางควบคู่กับคมดาบของเต๋าสวรรค์ การสะท้อนกลับใดๆ นั้นมันย่อมไม่อาจหลบเลี่ยงได้เป็นธรรมดา พลังของท่านบรรพบุรุษนั้นเหนือฟ้าทะลุสวรรค์มันมิใช่สิ่งที่พวกเราคนธรรมดาทั้งหลายจะเทียบเคียง ท่านนั้นครั้งหนึ่งได้เดินทางไปหาโอสถบรรพกาลเพื่อขอให้โอสถบรรพกาลสร้างโอสถขึ้นมาใช้กับวิชาของตระกูลเจียนเพื่อป้องกันรักษาการสะท้อนจากเต๋า โอสถหกชีพจรดวงดาวนี้เองก็เป็นหนึ่งในโอสถที่ถูกสร้างขึ้นในเวลานั้น”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็เข้าใจเรื่องราวได้ในทันที
สำหรับคนตระกูลเจียนแล้วการสะท้อนจากเต๋าสวรรค์นั้นมันเป็นดั่งไข้หวัดธรรมดาที่ทุกคนมีโอกาสเป็น สิ่งที่จะแตกต่างกันไปก็คงมีเพียงความรุนแรงของการสะท้อนนั้น
และการใช้โอสถเฉพาะทางเพื่อรักษาอาการสะท้อนนี้มันย่อมเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย
แต่เมื่อได้ยินคำของเจียนหงเซียวเย่หยวนก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัยขึ้นในหัวใจ
โอสถบรรพกาลนั้นเป็นตัวตนระดับใดกัน?
เขานั้นเป็นผู้ที่เกือบก้าวขึ้นถึงอาณาจักรเต๋าบรรพกาลได้และเป็นหนึ่งในยอดผู้คนที่ได้ขึ้นไปถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นสูง
แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กลับสามารถไปขอให้เขาช่วยลงมือสร้างสูตรโอสถให้แก่ตระกูลเจียนได้
แน่นอนว่าตัวเขาเองก็ย่อมจะไม่ธรรมดาเช่นกันอย่างแน่นอน!
แต่คนทั้งหลายในระดับนั้นมันยังห่างไกลเกินกว่าที่ตัวเย่หยวนในตอนนี้จะเข้าใจ
“ในเมื่อมันมีตัวโอสถอย่างโอสถหกชีพจรดวงดาวเหตุใดผู้อาวุโสจึงยังต้องมาอยู่ที่เมืองจักรพรรรดิเลิศประกายนี้อีกเล่า?” เย่หยวนอดถามขึ้นไม่ได้
เจียนหงเซียวถอนหายใจยาว “สหายหนุ่มเย่นั้นไม่รู้เรื่องนี้ เพราะเจ้าโอสถหกชีพจรดวงดาวนี้มันเป็นโอสถที่สุดแสนยากเย็นการหลอม เทียบได้กับโอสถศักดิ์สิทธิ์ความยากเก้าในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศที่เฒ่าคนนี้อยู่มันไม่มีผู้ใดที่จะหลอมโอสถชนิดนี้ขึ้นได้ ในตอนนั้นการทะส้อนที่เฒ่าคนนี้ได้รับไปเองมันก็หนักหนาอย่างมากมายหากท่านเจ้าเมืองไม่ได้มอบโอสถจันทร์สว่างเมฆาม่วงมาช่วยลดบรรเทาอาการให้ตัวเฒ่าคนนี้คงได้ตายลงไปนานแสนนานแล้ว แต่เพียงแค่ว่าโอสถจันทร์สว่างเมฆาม่วงเองมันก็ไม่อาจเทียบเคียงกับโอสถหกชีพจรดวงดาวได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นคุณภาพของเจ้าโอสถนั้นมันก็ไม่ได้สูงส่งมาก ทำให้เฒ่าคนนี้ยังคงต้องนอนรอความตายอยู่อย่างทุกวันนี้”
เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นเขาก็ได้แต่ถอนหายใจยาว เทพถ่องแท้ผู้ยิ่งใหญ่นั้นกลับต้องมาประจำที่เมืองจักรพรรดิน้อยๆ แห่งหนึ่ง ดูท่าเจียนหงเซียวเองก็คงไม่มีทางจะยอมรับมันได้แน่นอน
“ผู้อาวุโส หากเป็นเช่นนั้นแล้วท่านจะให้ข้าได้ลองดูสูตรของโอสถหกชีพจรดวงดาวหน่อยได้หรือไม่?” เย่หยวนถาม
เจียนหงเซียวยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ตระกูลเจียนของข้านั้นมุ่งพัฒนาในวิชาการทำนาย ผู้ที่มีความรู้ในด้านโอสถนั้นมีไม่มากมาย ผู้ที่ประสบความสำเร็จมันยิ่งมีน้อยกว่า ที่สำคัญโอสถหกชีพจรดวงดาวนี้เองมันก็นับเป็นสูตรลับของตระกูลเจียนเราด้วย ทำให้สูตรของมันนั้นถูกเก็บไว้ในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิ เฒ่าคนนี้เองก็ไม่ได้มีมันเก็บไว้กับตัว”
เย่หยวนยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “หากเป็นเช่นนั้นแล้วเย่หยวนผู้คนนี้คงต้องติดตามผู้อาวุโสท่านไปยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศเสียแล้ว”
เจียนหงเซียวที่ได้ยินเช่นนั้นก็เบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้นดีใจ “จริงหรือ?”
เย่หยวนยิ้มตอบ “หากท่านผู้อาวุโสไม่ได้ทำนายชะตาให้ข้าในครานั้นชีวิตของน้องข้าคงไม่อาจช่วยเหลือได้อีกต่อไป แค่เดินทางไปยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศนั้นมันไม่นับว่าเป็นความลำบากเสียด้วยซ้ำ”
เจียนหงเซียวพยักหน้ารับ “เช่นนั้น… ข้าคงต้องลำบากให้สหายหนุ่มเย่เดินทางไปด้วยแล้ว! ตอนนี้เจ้าไปเข้าเก็บตัวในเมืองจักรพรรดิเลิศประกายเราก่อนเถิด หลังจากเจ้าบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้เมื่อใด เราค่อยเดินทางไปยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศกัน”
…
ภายในห้องลับนั้นเย่หยวนหลับตาแน่นด้วยใบหน้าไม่มั่นใจจนคิ้วขมวดติดกันแน่น
“แบบนี้ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของข้ามันจะไม่หายกลายไปเป็นเพียงแค่เม็ดโอสถน้อยๆ เม็ดเดียวหรือ?”
เพราะผลลัพธ์ของการวิเคราะห์ที่เย่หยวนได้มันเป็นเรื่องที่ทำให้เขามึนงงจนไม่อาจพูดใดๆ
เพราะเขานั้นได้พบว่านับวันเขายิ่งไม่อาจเข้าใจบัญญัติเทพแห่งถงเทียนมากเท่านั้น ทั้งๆ ที่ทุกขั้นตอนการบ่มเพาะนั้นมันถูกสร้างขึ้นด้วยตัวเขาเอง
เมื่อคนผู้อื่นขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้พวกเขาทั้งหลายจะพัฒนาโลกใบน้อยของตนจนเริ่มเกิดชีวิตนับไม่ถ้วนขึ้น
แต่เขาเล่า?
ตอนนี้ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขามีแต่จะหดเล็กลงพร้อมด้วยปราณเทวะที่มีแต่จะรวมเข้มหนาแน่นขึ้น
ผลลัพธ์ของการวิเคราะห์และอนุมานในตอนนี้เย่หยวนเข้าใจว่าทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นมันจะหดเล็กจนกลายเป็นเม็ดเล็กๆ หากขึ้นไปถึงระดับหก
เพียงแค่ว่าในเรื่องนี้ เย่หยวนไม่อาจจะหาทางอื่นได้อีกแล้ว
ที่สำคัญในเวลาที่ผ่านๆ มานั้นแม้เขาจะมีฐานอาณาจักรที่แตกต่างจากผู้คนแต่ในเรื่องของพลังแล้วเขานั้นมันจะเหนือล้ำกว่าผู้คนในระดับเดียวกันไปอย่างมากมาย ไม่เคยจะมีความผิดพลาดใดๆ
“ช่างมันเถิด ไหนๆ ก็ล่องเรือลำนี้มาแล้ว ไปให้มันถึงสุดทางเลยก็แล้วกัน! ข้าอยากรู้เสียจริงๆ ว่าสายน้ำนี้มันจะพาข้าไปจบที่ใดกันแน่! ในเมื่อครั้งนี้ข้าต้องทำการบีบอัดทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ให้เล็กลงจนกลายเป็นเม็ดก้อนน้อยๆ ข้าจะขอเรียกมันว่าอาณาจักรเม็ดต้นกำเนิดแล้วกัน!”
เมื่อตั้งร่างวิธีการบ่มเพาะได้แล้วเย่หยวนก็ไม่ลังเลอีกต่อไปรีบกลืนโอสถมากมายลงคอไปและเริ่มทำการทะลวงทันที
ตูม!
ปราณเทวะโกลาหลของเย่หยวนนั้นหมุนวนขึ้นอีกครั้งอย่างหนักแน่น
ปราณเทวะมากมายค่อยๆ ถูกกวนเข้าไปสู่ภายในจนเจ้าพายุหมุนนั้นมันค่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ
ตอนนี้เหล่าลายพระเจ้าทั้งหลายต่างพุ่งลงไปหลอมรวมกับคลื่นหมุนนี้อย่างไม่มีทีท่าจะหยุด
จุดตันเถียนภายในของเย่หยวนนั้นค่อยๆ ถูกกดบีบเข้าไปเรื่อยๆ
“อือ…”
เย่หยวนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดที่ลั่นขึ้นมาในช่องท้อง
แต่ทว่าเย่หยวนนั้นรู้ดีว่ามันยังไม่จบลงง่ายๆ!
หากคิดอยากบีบอัดปราณเทวะโกลาหลแน่นอนว่ามันย่อมต้องใช้พลังที่มากมายมหาศาล โชคยังดีที่เย่หยวนนั้นได้เตรียมการมาอย่างดีโอสถที่เขาหลอมจนถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนั้นมีมากมาย
เย่หยวนรู้สึกราวกับว่าตอนนี้จุดตันเถียนของเขาแทบจะระเบิดออก
โชคยังดีที่ร่างกายของเย่หยวนนั้นขึ้นไปถึงระดับหกก่อนการบ่มเพาะแล้วทำให้ความเจ็บปวดใดๆ ในระดับนี้มันไม่ได้เป็นปัญหากับตัวเขาเลย
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดแต่สุดท้ายแล้วก็เกิดสายฟ้าไหลภายในร่างของเย่หยวนจนทำให้ปราณเทวะโกลาหลของเขาหายไปจนสิ้น
และภายในร่างของเย่หยวนตอนนี้มันมีเพียงแค่เม็ดต้นกำเนิดขนาดเท่ากำปั้นเท่านั้น
“ฮู้ววว…”
เย่หยวนถอนหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งอก ตอนนี้เขาได้ขึ้นมาถึงอาณาจักรเม็ดต้นกำเนิดแล้ว!
เย่หยวนพยายามเร่งใช้ปราณเทวะออกมาจากร่างและต่อยหมัดออกมา!
ปัง!
ห้องลับนี้ระเบิดหายจนกลายเป็นฝุ่นผงไปทันที
โชคยังดีที่นี่เป็นห้องที่เจียนหงเซียวเตรียมไว้ให้แก่ตัวเขาโดยเฉพาะ
ไม่ฉะนั้นแล้วความเสียหายรอบข้างมันคงมากเกินกว่าจะคาดเดา!
……………………….