Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1962 กระดูกจักรพรรดิ
“ในเมื่อข้าต้องยอมรับแล้วถามไปมันจะได้ประโยชน์ใด? เพียงแค่ว่าการที่ผู้อาวุโสท่านใช้ชีวิตของคนในตระกูลเจียนด้วยกันมาข่มขู่ข้าเช่นนี้มันทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาเสียจริง!” เย่หยวนตอบ
ความหมายในคำพูดของเขานี้คือ ‘ความหน้าไม่อายของเจ้านี้เย่หยวนผู้นี้ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนในชีวิต’
เพราะไม่ว่าเย่หยวนนั้นจะสนิทสนมกับเจียนหงเซียวมากมายเพียงใดสุดท้ายแล้วเจียนหงเซียวก็ยังเป็นคนของตระกูลเจียน
และในฐานะผู้อาวุโสแห่งตระกูลเจียน เจียนซู่เทากลับใช้ชีวิตของลูกหลานตระกูลเจียนมาข่มขู่คนภายนอก มันเป็นสิ่งที่น่าดูถูกอย่างไม่ต้องสงสัย
ฝั่งเจียนซู่เทานั้นไม่ได้แสดงท่าทีละอายใดๆ ออกมาและตอบกลับไป “เจ้ามีสิทธิเลือก”
เย่หยวนมองดูเจียนซูเทาอย่างใจเย็น “เหตุใดต้องเป็นข้า?”
เจียนซู่เทาตอบกลับไป “แน่นอนว่ามันย่อมเป็นเพราะเจ้านั้นคือเด็กแห่งโชคชะตา ชะตาที่ใหญ่ล้ำฟ้าเช่นเจ้านั้นมันเป็นครั้งแรกที่เทพสวรรค์ผู้นี้ได้พบเจอ”
เย่หยวนหรี่ตาทั้งสองลงรอให้อีกฝ่ายพูดต่อไป
“สนามรบเทพโบราณนั้นคือดินแดนวิเศษที่อยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลเจียนเรา ว่ากันว่านานแสนนานมาแล้วได้เกิดสงครามเทพสะท้านฟ้าขึ้นที่สนามรบเทพโบราณนี้ พลังฝีมือของเหล่าเทพโบราณทั้งหลายนั้นอย่างต่ำๆ ก็นภาสวรรค์ ในการต่อสู้อันยิ่งใหญ่นั้นมันมีทั้งเทพถ่องแท้ หรือแม้แต่เทพสวรรค์เองก็ได้ตายตกลงไปไม่น้อยเช่นกัน ว่ากันว่าแม้แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์เองก็ตายตกลงไปหลายต่อหลายคน”
เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งกาย เขาไม่นึกไม่ฝันว่าการรบของเทพโบราณนี้มันจะถึงขั้นทำให้จักรพรรดิเทพสวรรค์ตายลงไปด้วย
การสู้รบครั้งนี้มันต้องเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่สะท้านฟ้าเพียงใดกัน?
แม้ว่ามหาพิภพถงเทียนในทุกวันนี้มันจะมีความขัดแย้งอยู่บ้างแต่เมื่อมองโดยภาพรวมแล้วมันย่อมนับได้ว่าสงบสุข ด้วยกฎการปกครองที่เป็นระดับอย่างเคร่งครัด
การจะเกิดสงครามในระดับนั้นได้มันย่อมนับว่าเป็นเรื่องที่ยากเย็น
“ภายในสนามรบเทพโบราณนั้นมีสมบัติวิญญาณมากมายและในทุกๆ หมื่นปีทางจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ท่านก็จะเปิดเส้นทางสู่สนามรบเทพโบราณนี้ขึ้นและส่งเหล่าเด็กหนุ่มสาวแห่งโชคชะตาเข้าไป เหล่าผู้ที่ชะตายังคงแกร่งก็จะได้สมบัติล้ำค่าติดมือกลับมาบรรลุขั้นทะลุฟ้าได้กลายเป็นยอดคนทันที แต่แน่นอนว่าสนามรบเทพโบราณนี้มันสุดแสนจะอันตรายทั้งวิญญาณต่อสู้โบราณ มหาค่ายกลโบราณต่างๆ มีอยู่ทั่วทั้งสนามรบเทพโบราณรวมไปถึงเหล่าสัตว์ร้ายต่างๆ ที่ได้เกิดขึ้นมาในช่วงเวลาหลายต่อหลายปีที่ผ่าน จนเรียกได้ว่าที่แห่งนั้นมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความอันตรายทุกย่างก้าว ต่อให้จะเป็นเหล่าผู้มีรัศมีผ่าจักรพรรดิเองก็ต้องตายลงไปภายในนั้นมากมาย” เจียนซู่เทาเล่าบอก
“เช่นนั้นแล้วผู้ที่เข้าสนามรบเทพโบราณจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศเองก็คงไม่ได้มีแค่ข้าผู้เดียว?” เย่หยวนถามขึ้น
เจียนซู่เทาพยักหน้ารับ “ในเวลาหมื่นปีมานี้เทพสวรรค์ผู้นี้ย่อมจะเสาะหาเหล่าเด็กแห่งโชคชะตาไว้มากมาย แต่เรื่องที่ว่าจะเข้าไปหรือไม่มันก็ย่อมเป็นการตัดสินใจของตัวพวกเขาเอง แต่เรื่องราวเช่นนี้มันเป็นสิ่งที่ยากจะพบเจอ คงมีน้อยคนนักที่จะปฏิเสธ”
แน่นอนว่ามันย่อมไม่มีใครปฏิเสธ
เย่หยวนนั้นเข้าใจได้ทันทีว่าคนทั้งหลายนั้นอย่างน้อยๆ ก็คงมีรัศมีจักรพรรดิ
และคนที่มีดวงชะตายิ่งใหญ่เช่นนั้นหากไม่กล้าแม้แต่จะเข้ามิติวิเศษแล้วมันก็คงเรียกได้ว่าขี้ขลาดจนเกินไป
ที่สำคัญแม้ว่าสนามรบเทพโบราณนี้มันจะเปี่ยมอันตรายมากเพียงใดแต่มันก็มีโชคและสมบัติล้ำค่ารอคอยอยู่
เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาได้สมบัติโบราณนั้นไปแล้วโชคชะตาของพวกเขาทั้งหลายก็จะยิ่งเลิศล้ำทำให้อนาคตของพวกเขามีโอกาสเติบโตมากขึ้น
บางทีเหล่าผู้มีรัศมีจักรพรรดิทั้งหลายอาจจะพัฒนาโชคชะตาขึ้นเป็นรัศมีผ่าจักรพรรดิหลังจากออกสนามรบเทพโบราณมาก็เป็นได้
เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายนั้นมันคืออนาคตเทพสวรรค์และจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลาย
ให้พูดตามตรงแล้วเย่หยวนเองก็สนใจไม่น้อย
“เจ้าท่านอยากให้ข้าไปเอาสิ่งใด?”
เจียนซู่เทาตอบกลับมาอย่างหนักแน่น “กระดูกจักรพรรดิสัตว์เทวะ!”
จักรพรรดิสัตว์เทวะนั้นมันก็คือตัวตนตามที่ชื่อบอกมา พวกมันคือเหล่าสัตว์เทวะที่มีพลังถึงขั้นจักรพรรดิเทพสวรรค์!
แล้วสัตว์เทวะที่สูงส่งเช่นนั้นแต่ละตัวย่อมเป็นตัวตนที่เหนือฟ้าดินมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำผู้คนอย่างไม่อาจเทียบ
ต่อให้พวกมันทั้งหลายจะตายลงไปนานแสนนานปี พลังงานใดๆ ที่ถูกเก็บไว้ภายในมันก็ย่อมจะยังคงทรงพลังแก่กล้า
แต่เย่หยวนนั้นย่อมเข้าใจดีว่าที่ใดที่มีกระดูกจักรพรรดิสัตว์เทวะอยู่มันย่อมจะเป็นสถานที่สุดแสนอันตรายจนเกินกว่าความสามารถในปัจจุบันของเขาอย่างแน่นอน
ไม่เช่นนั้นแล้วเจียนหงเซียวก็คงไม่ห้ามออกมามากมายขนาดนั้น
ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเจียนซู่เทาเทพสวรรค์ผู้นี้ถึงได้คิดอยากได้มันมาครอง
“กว่าหนึ่งแสนปีก่อนได้มีกลุ่มเด็กแห่งโชคชะตาเข้าไปภายในสนามรบเทพโบราณและพบเข้ากับกระดูกของจักรพรรดิกิเลน น่าเสียดายที่ว่ามันไม่มีใครสามารถเอามันกลับมาได้ ในเวลากว่าหนึ่งแสนปีมานี้เทพสวรรค์ผู้นี้จึงได้ส่งผู้คนมากมายเข้าไปภายในหลังว่าจะนำเอากระดูกนั้นกลับออกมา แต่น่าเสียดายที่จนทุกวันนี้มันก็ไม่มีใครทำได้”
เย่หยวนมองดูเจียนซู่เทาอย่างเย็นเยือก “เกรงว่าเพื่อกระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้แล้วคงมีเด็กแห่งโชคชะตาต้องตายลงไปหลายคนใช่หรือไม่?”
เด็กแห่งโชคชะตานั้นมีอนาคตที่เหนือล้ำ?
แต่ไม่ว่ามันจะเหนือล้ำเพียงใดสุดท้ายแล้วมันก็เป็นได้แค่กำลังที่เสริมหนุนไปสู่อนาคต
ส่วนทางสัตว์เทวะกิเลนตัวนั้นคือจักรพรรดิเทพสวรรค์อย่างแท้จริงในตอนที่มีชีวิต!
ต่อให้มันจะตายลงแล้วมีหรือที่เด็กน้อยผู้หนึ่งจะไปแย่งชิงพลังนั้นมาได้?
เจียนซู่เทานั้นก็ไม่ได้คิดจะปิดบังใดๆ และพยักหน้ารับ “เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาที่เข้าไปเพื่อหวังเอากระดูกจักรพรรดิอันนี้ไม่เคยมีผู้ใดกลับมาได้ แต่ว่า…”
เย่หยวนมือขึ้นมาหยุดอีกฝ่ายลงก่อนจะทันได้พูดสิ่งใดอีก “ท่านจะบอกว่าข้านั้นแตกต่างออกไป ท่านคิดว่าข้าจะทำสำเร็จได้? หึ ท่านคิดว่าเย่ผู้นี้เป็นเด็กอายุสามขวบหรือ? แต่ท่านวางใจเถอะ เรื่องนี้ข้าจะรับไว้เอง แต่จะสำเร็จหรือไม่นั้นมันล้วนขึ้นอยู่กับดวงชะตาของท่าน!”
โชคของเจียนซู่เทานั้นมันย่อมหมายถึงการได้รับกระดูกจักรพรรดิกิเลน
ส่วนโชคของเย่หยวนนั้น…มันคือการกลับมาได้ครบสามสิบสอง
เจียนซู่เทาคิดว่าด้วยอายุของเย่หยวนพูดยุไปเสียหน่อยก็น่าจะควบคุมได้
แต่เขาได้รู้แล้วว่าตนคิดผิดไปเพียงใด เด็กคนนี้มันเฉียบแหลมและไม่คิดจะเดินไปตามแผนของผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย
…
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลากว่าห้าปีได้ผ่านไปในพริบตา
แต่ภายในศิลาจารึกบัลลังก์พิภพนั้นเวลาของเย่หยวนได้ผ่านไปแล้วว่าห้าสิบปี
ในวันนี้ที่วังดาราเกิดการรวมตัวของเหล่ายอดฝีมือขึ้น
ตั้งแต่เหล่าผู้อาวุโสรวมไปถึงเหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างไม่มีใครขาด
“ผู้อาวุโสจงฮุ่ย ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านเจ้าเมืองเรียกพวกเรามาด้วยเหตุอันใด?” เจียนห่าวถามขึ้น
เจียนจงฮุ่ยเองก็ส่ายหัวออกมา “มีหรือที่เราจะไปคาดเดาความคิดของท่านเจ้าเมืองได้? แต่การเรียกระดมครั้งนี้มันยิ่งใหญ่จนเกินพอดี หรือว่าจะมีคนใหญ่คนโตจากที่ใดมาเยี่ยมยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศเรา?”
ตั้งแต่เจียนหงเซียวกลับมาถึงยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศเจียนห่าวก็ไม่เคยจะหายใจได้ทั่วท้องเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายวันมานี้เขายิ่งรู้สึกกังวลหนัก
เขานั้นพยายามที่จะดูดวงชะตาของตนแต่กลับไม่เคยดูได้สำเร็จสักครั้ง
และในเช้านี้เจียนห่าวก็ยิ่งรู้สึกหวิวๆ อย่างไม่อาจอธิบายได้ เป็นความรู้สึกถึงลางร้ายที่ชัดเจนมากขึ้นและมากขึ้น
ในเวลานั้นเองที่ท่านเจ้าเมืองกลับคิดเรียกเหล่าผู้เกี่ยวข้องกับวังดาราทั้งหมดมารวมตัวกัน มันยิ่งทำให้เจียนห่าวนั่งไม่ติด
ขณะที่เจียนห่าวกำลังกังวลอย่างมากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นก้องทั้งโถง “ซู่หยาน ทุกคนมาพร้อมหรือยัง?”
เจียนซู่หยานก้มหัวลงตอบกลับ “เรียนท่านเจ้าเมือง มีหนึ่งคนที่ยังไม่มาขอรับ”
เจียนซู่เทาเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเปิดปากขึ้นอีกครั้ง “เขาน่าจะกำลังเดินทางมาแล้ว มาเริ่มกันเลยเถิด ที่ข้าเรียกพวกเจ้าทั้งหลายมาในวันนี้เพราะมีเรื่องจะบอกประกาศ จากวันนี้ไปวังดาราเราจะมีผู้อาวุโสคนใหม่ ฉะนั้นเจียนห่าว… ข้าคงต้องขอให้เจ้ากลับลงไปนั่งตำแหน่งผู้พิทักษ์อีกครั้ง”
คำพูดของเจียนซู่เทานี้มันดังก้องกังวานไปทั้งโถงเป็นคำพูดที่ราวกับสายฟ้าฝ่าลงกลางหัวเจียนห่าว
ตำแหน่งผู้อาวุโสของเขา… กลับหายไปง่ายๆ เช่นนั้น?
เจียนห่าวหน้าเสียไปทันทีที่ได้ยินแต่เขาก็ยังควบคุมตนเองได้และก้มหัวลงถาม “ท่านเจ้าเมือง ในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศเรานี้นอกจากเหล่าผู้อาวุโสวังดาราทั้งหลายแล้วจะยังมีใครที่มีวิชาการทำนายเหนือล้ำกว่าข้าอีกหรือ?”
“เดิมทีมันย่อมไม่มี แต่วันนี้…มันมีขึ้นมาแล้ว” เจียนซู่เทาตอบกลับไป
ในเวลานั้นเองที่ปรากฏเงาร่างหนึ่งค่อยๆ เดินเข้าวังดารามา
เมื่อเจียนห่าวเห็นเขาผู้นั้นร่างของเขาก็ต้องแข็งทื่อไปทันที
…………………………