Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1977 โอสถลมหายใจลับสวรรค์
“เฮ้อ ราวกับว่าเอาตะกร้าสานไปตักน้ำใช้ ทุกสิ่งอย่างล้วนสูญเปล่าสิ้น! เจ้าหลิวยี่ ครั้งหน้าหากข้าเจอมันอีกข้าจะต้องทำให้มันได้รู้ซึ้ง!” ซงหยูกล่าวขึ้นด้วยท่าทางเจ็บแค้น
ผลลมหายใจลับสวรรค์นั้นเป็นสุดยอดผลวิญญาณที่หายากในฟ้าดิน มันสามารถช่วยย่นเวลาบ่มเพาะให้ผู้คนได้มากมายมันจึงเป็นของที่นักยุทธทุกผู้คนต้องการ
คนอื่นๆ เองก็ได้แต่แสดงสีหน้าท่าทางเจ็บแค้นหัวใจออกมาอย่างไม่อาจทำอะไรได้
“เฮ้อ มันต้องระวังตัวให้มาก อย่าให้ข้าได้เจอมันเชียว!” กั๋วจิงหยางบอก
ทุกผู้คนต่างบ่นไปและกำลังจะหันหน้าเดินทางต่อแต่เย่หยวนกลับพูดขึ้นมา “รอก่อน”
“หืม? พี่เย่ ยังมีเรื่องอะไรหรือ?” ซงหยูถามขึ้นด้วยท่าทางสงสัย
เย่หยวนนั้นไม่ได้ตอบใดๆ กลับไป แต่เขานั้นกลับเดินเข้าไปหาที่ต้นของผลลมหายใจลับสวรรค์ก่อนจะนั่งลงค่อยๆ ปัดฝุ่นดินเผยให้เห็นส่วนรากของต้น
ทุกผู้คนต่างมึนงงไม่มีใครทราบได้ว่าเย่หยวนกำลังทำอะไรอยู่กันแน่
เย่หยวนค่อยๆ ปัดดินและดึงรากของต้นนั้นมันออกมาอย่างเบามือ ก่อนจะยิ้มขึ้นพูด “แม้ว่าจะไม่มีผลลมหายใจลับสวรรค์แล้วแต่เราก็ยังมีรากของมันอยู่”
“ราก? เอารากจากต้นมันไปทำอะไรได้หรือ?” ซงหยูถาม
เย่หยวนตอบ “เพราะว่าผลลมหายใจลับสวรรค์นั้นมันมีฤทธิ์สุดแสนที่จะรุนแรงท้าทายสวรรค์ทำให้มันไม่อาจหลอมรวมเข้ากับตัวสมุนไพรวิญญาณอื่นๆ ได้ แต่เจ้ารากของต้นลมหายใจลับสวรรค์นี้มันเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการหลอมโอสถลมหายใจลับสวรรค์ แม้ว่าฤทธิ์ของโอสถลมหายใจลับสวรรค์จะไม่เทียบเท่ากับผลลมหายใจลับสวรรค์ แต่มันก็ยังจะพอช่วยให้ผู้กลืนกินไปได้รับประโยชน์ไม่น้อย”
เมื่อคนทั้งสี่ได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็แสดงท่าทางตื่นเต้นดีใจออกมา
เพราะเย่หยวนนั้นคือนักหลอมโอสถระดับอาจารย์ การที่เขากล้าพูดเช่นนี้ออกมามันย่อมจะหมายความว่าเขามีประสบการณ์ความรู้ใดๆ มายืนยันได้
“ในโลกหล้านี้แท้จริงแล้วมันยังมีโอสถลมหายใจลับสวรรค์อยู่อีกหรือนี่! เยี่ยมจริงๆ!” หม่าฉางร้องลั่นขึ้นด้วยความยินดี
แต่ทว่าทางซงหยูกลับอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่นถามขึ้น “แต่เราจะไปหาสมุนไพรวิญญาณตัวอื่นๆ จากที่ไหนได้ในสนามรบเทพโบราณนี้?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “พอดีว่าข้านั้นได้พกสมุนไพรติดตัวมาบ้าง สิ่งที่ข้าขาดไปมันก็มีแต่เจ้ารากของต้นมันเท่านั้น ตอนนี้ข้าสามารถหลอมมันได้ทันที”
พูดไปเย่หยวนก็นำหม้อหลอมเจ้าเพลิงประณีตออกมาพร้อมโยนสมุนไพรชนิดต่างๆ ลงไปในหม้อหลอมเจ้าเพลิงประณีตอย่างไม่ยั้งมือ
เมื่อพวกซงหยูเห็นเช่นนั้นพวกเขาทั้งหลายก็ได้แต่ตื่นตะลึงอยู่ในใจ
เหตุใดเย่หยวนจึงต้องนำสมุนไพรติดตัวมามากมายปานนี้?
หรือว่าเขานั้นจะรู้อนาคตและสามารถทำนายได้ว่าจะได้มาพบเจอผลลมหายใจลับสวรรค์ในการเดินทางครั้งนี้?
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียสมุนไพรวิญญาณระดับหกนั้นมันก็มิใช่ผักข้างทางทั่วไป ต่อให้จะเป็นจอมเทพโอสถหกดาวที่เก่งกาจสามารถมานานปีก็ยังไม่อาจจะพกสมุนไพรมากมายขนาดนี้ติดตัวมาได้
ซงหยูและพวกนั้นมีความเข้าใจโลกที่กว้างขวาง พวกเขาย่อมจะรู้ดีว่าเหล่าสมุนไพรที่เย่หยวนนำออกมาแต่ละชนิดนั้นมันเป็นสมุนไพรวิญญาณสุดแสนล้ำค่า
เพียงแค่ว่าพวกเขาทั้งหลายไม่ได้รู้เลยว่าเย่หยวนนั้นเป็นผู้อาวุโสใหญ่แห่งศาลาโอสถสวรรค์ สมุนไพรใดๆ ทั้งหลายนี้มันย่อมจะไม่มีค่ามากมายในสายตาของเย่หยวน
โชคยังดีที่สมุนไพรเสริมต่างๆ ที่ใช้ในการหลอมโอสถลมหายใจลับสวรรค์นี้มันไม่ได้เป็นของที่หายากมากมายนัก ทำให้เย่หยวนพอที่จะนำมันติดตัวไปไหนมาไหนด้วยได้
ในตอนนี้เย่หยวนนั้นไม่ได้มีแค่ความรู้ที่สืบทอดมาจากจอมเทพนิรันดร์ แต่เขายังมีความรู้ที่ได้มาจากมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลด้วย
ในเรื่องของสูตรโอสถทั้งหลายนั้นตัวเขามีมากกว่าใครๆ
และเจ้าโอสถลมหายใจลับสวรรค์นี้เองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ด้วยการที่เขาเริ่มตั้งหม้อหลอมลงในทันทีมันจึงทำให้เกิดคลื่นพลังอันลึกลับและรุนแรงแผ่กระจายออกมาจากหม้อหลอม
พวกเขาทั้งหลายนั้นรู้ดีว่าเย่หยวนนั้นเป็นอาจารย์ด้านการโอสถ แต่เมื่อได้เห็นการหลอมโอสถของเย่หยวนนี้ในระยะประชิด เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายต่างอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
ตระกูลของพวกเขาในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิต่างๆ นั้นล้วนมีจอมเทพโอสถหกดาวอยู่บ้าง
แต่เหล่าจอมเทพโอสถหกดาวทั้งหลายนั้นมันไม่มีค่าพอที่จะถือรองเท้าให้แก่เย่หยวนเสียด้วยซ้ำ!
ความแตกต่างนี้ต่อให้พวกเขาจะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญก็ยังพอมองออกได้
กลิ่นโอสถที่หอมชื่นใจสบายสมองค่อยๆ โชยออกมาทำให้เขาซงหยูทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นดีใจขึ้น
ตอนนี้ในที่สุดโอสถลมหายใจลับสวรรค์ก็ถูกหลอมขึ้นเป็นเม็ด!
“พี่ซง นี่ของเจ้า”
เย่หยวนขยับมือส่งเม็ดโอสถนั้นพุ่งมาหาซงหยู
ซงหยูที่รับโอสถนั้นเมื่อได้ลองใช้จิตส่งดูเขาก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึก “นี่มัน… โอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะวิญญาณไพศาล!”
ตอนนี้เขาได้เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเย่หยวนจึงได้รับชื่อเสียงมหาศาลในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศทั้งๆ ที่มีพลังบ่มเพาะแค่อาณาจักรเทพถ่องแท้หนึ่งดาว
เพราะว่าการหลอมโอสถในระดับนี้มันเหนือล้ำสวรรค์อย่างแท้จริง!
เมื่อพวกกั๋วจิงหยางที่เหลือได้ยินคำว่า ‘โอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะวิญญาณไพศาล’ นี้พวกเขาทุกคนต่างก็ได้แต่อ้าปากค้าง
เย่หยวนพยักหน้ารับและบอกคนอื่นๆ “พวกเจ้าเฝ้ายามดูพี่ซงด้วย ข้าจะหลอมโอสถต่อ”
เพราะรากของต้นลมหายใจลับสวรรค์นั้นมันมีอยู่มาก มากพอที่จะหลอมโอสถลมหายใจลับสวรรค์ห้าชุดได้ง่ายๆ ทำให้ทุกผู้คนจะได้รับส่วนแบ่งด้วย
หลังจากผ่านไปได้หลายชั่วโมง ในที่สุดพวกกั๋วจิงหยางทั้งหลายก็ได้รับโอสถลมหายใจลับสวรรค์กันไปคนละเม็ดทำให้ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น
แม้ว่าพวกเขาทั้งหลายนี้จะเป็นเด็กแห่งโชคชะตาอย่างไรก็ตาม จะเป็นผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่แค่ไหน แต่กับโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนี้พวกเขาต่างไม่เคยได้พบได้เห็นมาก่อนในชีวิต
ที่สำคัญกว่านั้นคือมันยังเป็นโอสถที่มีสรรพคุณท้าทายสวรรค์อย่างโอสถลมหายใจลับสวรรค์!
ในเวลานั้นเองคลื่นพลังก็ระเบิดขึ้นจากร่างของซงหยูเพราะเขานั้นได้บรรลุผ่านคอขวดและขึ้นมาเป็นจอมเทพถ่องแท้สี่ดาวเรียบร้อย
เมื่อคนทั้งหลายเห็นเช่นนั้นพวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าตื่นเต้นดีใจออกมา
เดิมทีแล้วซงหยูนั้นอยู่ในอาณาจักรเทพถ่องแท้สามดาวขั้นต้น แต่ด้วยโอสถเม็ดเดียวนี้ตัวเขากลับสามารถขึ้นเป็นเทพถ่องแท้สี่ดาวได้
โอสถเช่นนี้มันจะเหนือล้ำจนเกินไปแล้ว!
“สุดยอด! สุดยอด! เจ้าโอสถลมหายใจลับสวรรค์นี้มันช่างมีสรรพคุณไม่ได้ด้อยไปกว่าผลลมหายใจลับสวรรค์แม้แต่น้อย!” หูเฟยร้องบอกด้วยความชื่นชม
“พี่เย่ ข้ากั๋วจิงหยางไม่เคยจะชื่นชมใครถึงขนาดนี้มาก่อนในชีวิต วันนี้ข้าขอก้มกราบต่อหน้าท่าน!” กั๋วจิงหยางกล่าวขึ้น
ในเวลานี้ซงหยูที่เพิ่งบรรลุขึ้นมาได้นี้มีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นดีใจอย่างที่ไม่อาจปิดบังไว้ได้
เขานั้นไม่นึกไม่ฝันว่าเจ้าโอสถลมหายใจลับสวรรค์ตัวนี้มันจะสามารถช่วยให้เขาบรรลุขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้สี่ดาวได้ง่ายๆ เช่นนี้!
ความแตกต่างระหว่างขั้นของอาณาจักรเทพถ่องแท้มันสุดแสนกว้างใหญ่ โอสถทั่วๆ ไปแค่ช่วยให้พวกเขาก้าวผ่านขั้นนี้ไปได้ในเวลาพันปีมันก็นับว่าเป็นยอดโอสถแล้ว
แต่เจ้าโอสถลมหายใจลับสวรรค์นี้มันกลับช่วยให้เขาผ่านคอขวดลำทะลุขึ้นมาเป็นเทพถ่องแท้ขั้นกลางได้ง่ายๆ มีหรือที่เขาจะไม่ตื่นเต้นดีใจ?
เขานั้นก้มหัวลงกราบเย่หยวนอย่างซาบซึ้ง “พี่เย่ เรื่องราวที่ผ่านมานั้นล้วนเป็นซงหยูผู้นี้ที่เลวร้าย หวังว่าเจ้าจะไม่เก็บมันใส่ใจ จากวันนี้ไปข้าขอนับเจ้าเป็นพี่น้องชั่วชีวิต!”
เขานั้นรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำไปก่อนหน้าอย่างสุดซึ้ง
หากเป็นคนอื่นแล้วต่อให้พวกเขาทั้งหลายจะได้เจอรากต้นลมหายใจลับสวรรค์นี้พวกเขาก็คงไม่อาจมีปัญญาทำอะไรกับมันได้
แต่เย่หยวนนั้นกลับหยิบนำเอาสมุนไพรล้ำค่าของตนออกมาหลอมโอสถลมหายใจลับสวรรค์นี้ให้แก่พวกเขา
ตอบแทนความเลวร้ายด้วยความอ่อนโยนมีหรือที่ตัวเขาจะยังไม่ซาบซึ้งได้?
เย่หยวนยิ้มตอบ “หึๆ พี่ซงก็พูดเกินไป ทุกผู้คนนั้นต่างนับกันเป็นพี่น้องมาแต่แรกแล้วมิใช่หรือ?”
คำพูดนี้มันทำให้ทุกผู้คนสั่นสะท้านไปทั้งใจ
ระหว่างทางมานั้นเย่หยวนได้มอบแบ่งสมบัติ ช่วยเหลือหูเฟย ปกป้องพวกเขาจากอันตรายและได้กลายเป็นเสาหลักของกลุ่มไปนานแสนนานแล้ว
จนถึงตอนนี้พวกเขาทั้งหลายต่างนับว่าเย่หยวนเป็นพี่น้องคนหนึ่งของตนไปแล้ว
จากนั้นไปก็เป็นเย่หยวนและซงหยูที่ช่วยกันเฝ้ายามดูปล่อยให้คนที่เหลือทำการกลืนโอสถ
และผลของเจ้าโอสถลมหายใจลับสวรรค์นี้มันก็สุดแสนจะสะท้านสวรรค์
หูเฟยนั้นเป็นผู้มีพลังต่ำที่สุดด้วยความที่ยังเป็นแค่เทพถ่องแท้สองดาวขั้นต้น
หลังจากกินโอสถนี้ลงไปแล้วเขากลับสามารถบรรลุขึ้นมาเป็นเทพถ่องแท้สามดาวขั้นปลายได้ ข้ามมามากเสียยิ่งกว่าหนึ่งดาว
ส่วนทางกั๋วจิงหยางและหม่าฉางสองคนนั้นได้บรรลุขึ้นสู่อาณาจักรเทพถ่องแท้สามดาวขั้นสุดเป็นที่เรียบร้อย
ที่สำคัญพวกเขายังรู้สึกได้ว่าเทพถ่องแท้สี่ดาวอยู่อีกแค่เพียงเอื้อมมือ
ในที่สุดมันก็คือตาที่เย่หยวนจะได้กลืนโอสถบ้าง
คนทั้งสี่นั้นต่างได้โอสถกันไปสิ้นแล้ว แต่เย่หยวนก็ยังมีเหลือโอสถลมหายใจลับสวรรค์สองเม็ดอยู่กับตัว
เย่หยวนรีบนำโอสถทั้งสองเม็ดนั้นกลืนลงคออย่างไม่คิดลังเลใดๆ ทั้งสิ้น
……………….