Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2004 ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า
ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เวลานี้มันเกิดความโกลาหลขึ้นทุกหย่อมหญ้า
เรื่องราวทั้งหมดนั้นมันเกิดขึ้นมาเพราะคำสั่งหนึ่งจากทางยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ เทพสวรรค์หลู่เหยียนได้สั่งการออกมาด้วยตำแหน่งของเจ้าเมือง
คำสั่งนั้นคือให้เมืองหลวงจักรพรรดิทั้งหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเมืองในเขตการปกครองของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ส่งกำลังนักยุทธ์ที่เหนือกว่านภาสวรรค์ทั้งหมดมารวมตัวกันที่เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น!
คำสั่งเทพสวรรค์นั้นมันเป็นคำสั่งสูงสุดภายใต้ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิ
เหล่าเมืองต่างๆ ที่ได้รับคำสั่งไปนั้นต่างได้ทำตามและส่งกำลังออกมาอย่างไม่รีรอ
แต่คำสั่งเทพสวรรค์เช่นนี้มันจะเกิดขึ้นแค่สักครั้งในรอบล้านปี
แต่ครั้งนี้เทพสวรรค์หลู่เหยียนกลับคิดใช้มันออกมา!
และเป้าหมายของการรวมพลมันก็เพื่อจะจัดการกับเมืองจักรพรรดิหนึ่ง!
ไม่ว่าอย่างไรเสียในแต่ละเมืองหลวงจักรพรรดิทั้งหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดที่ถูกเรียกมานี้ แต่ละเมืองต่างก็มีเทพถ่องแท้อยู่อย่างน้อยๆ ถึงสิบคน
และในเมืองหลวงจักรพรรดิที่ระดับสูงๆ ก็จะมีเทพถ่องแท้อยู่ถึงหลายสิบคน
ถามว่ากองกำลังในครั้งนี้มันน่าเกรงกลัวปานใด?
“นี่ท่านเทพสวรรค์หลู่เหยียนคลั่งไปแล้วหรือ? แค่จัดการกับเราเมืองจักรพรรดิน้อยๆ นั้นถึงกับต้องสั่งการให้เทพถ่องแท้นับพันๆ มารวมตัวกัน?”
“นี่มัน… เราจะรับมือได้อย่างไร? ต่อให้พวกเราแต่ละคนมีสามหัวหกแขนมันก็คงไม่อาจจะชนะได้!”
“หากนับท่านเย่หยวน ท่านอิ้งหมัวหู่ ท่านเล้งชิวหลิง รวมไปถึงท่านหนิงเทียนปิงที่เพิ่งบรรลุขึ้นมาแล้วเมืองเรามันก็ยังมีเทพถ่องแท้อยู่แค่หกคนเพียงเท่านั้น แล้วจะเอาหกคนไปสู้กับพันคนได้อย่างไร?”
…
ทุกผู้คนนั้นต่างสิ้นหวัง!
เพราะความแตกต่างของกำลังนี้มันทำให้ผู้คนสิ้นหวัง
กับเมืองจักรพรรดิแล้วตัวตนอย่างเทพถ่องแท้นั้นเป็นตัวตนที่พวกเขาได้แต่กราบไว้บูชา
แต่ตอนนี้เทพถ่องแท้นับพันกลับกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขาทั้งหลาย เรื่องเช่นนี้มันย่อมจะทำให้พวกเขาตื่นกลัวจนไม่อาจสรรหาคำมาบรรยายได้
ทุกผู้คนนั้นต่างมีความคิดเดียวกันอยู่ในหัวนั่นก็คือเทพสวรรค์หลู่เหยียนบ้าไปแล้ว!
และคนที่ทำให้เขาบ้าก็คือท่านเย่หยวน!
ภายในจวนเจ้าเมืองของทางเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันมีบรรยากาศที่หนักหน่วงจนแทบไม่อาจจะหายใจได้
“ข้าไม่นึกเลยว่าเทพสวรรค์หลู่เหยียนจะบ้าได้ถึงขนาดนี้ ส่งเทพถ่องแท้นับพันๆ ออกมาเช่นนี้มันย่อมทำให้เราหมดสิ้นจนปัญญาจริงๆ!” เจียงยู่ถังร้องบอก
ทุกผู้คนที่ได้ยินต่างก็เงียบไปตามๆ กันด้วยความไม่รู้ว่าจะต้องตอบอย่างไร
ภายใต้กำลังที่เหนือล้นเช่นนี้ ไม่ว่าจะพยายามเท่าใดมันก็ไร้ค่า
ต่อให้เย่หยวนจะมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำเท่าใดมันก็ไม่อาจจะสร้างเทพถ่องแท้ขึ้นมามากมายด้วยเวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้แน่!
ทั้งในหมู่เทพถ่องแท้ทั้งกว่าพันคนนั้นมันยังมีเทพถ่องแท้เก้าดาวอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
แค่เอาพวกเขาสักคนมาบุกมันก็มากพอที่จะทำลายเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ลงแล้ว
“พวกเจ้า พวกเจ้าจะไม่พูดอะไรหน่อยหรือ? นี่มัน… มันจะทำข้าอึดอัดตายแล้ว!” อิ้งหมัวหู่ได้แต่เดินไปเดินมาอย่างกังวล
พวกเขาทั้งหลายนั้นต่างมีความเชื่อในตัวเย่หยวนอย่างหนักแน่น
แต่เรื่องครั้งนี้มันแตกต่างกัน!
ไม่ว่าเย่หยวนจะเก่งกาจสามารถปานใดมันก็ไม่มีทางรับมือเทพถ่องแท้นับพันๆ ได้แน่!
เมื่อคนทั้งหลายได้ยินคำของอิ้งหมัวหู่พวกเขาเองก็ได้แต่ถอนหายใจยาวอย่างไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไร
พวกเขานั้นไม่อาจคิดอะไรได้จริงๆ
ในเวลานั้นเองที่มีคนใช้เข้ามารายงานว่ามีคนในชุดดำสนิทปิดหน้าตาต้องการเข้าพบ ด้วยชุดของเขานั้นทำให้ไม่อาจมองออกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
นั่นทำให้ทุกผู้คนหันหน้าเข้ามองกันอย่างมึนงง เวลาเช่นนี้มันจะยังมีใครมาขอเข้าพบอีก?
“ให้เขาเข้ามา” เย่หยวนสั่งไป
ไม่นานนักยอดฝีมือในชุดดำปิดหน้าปิดตาผู้นั้นก็ได้เดินเข้ามาปรากฏต่อสายตาของทุกผู้คน
เย่หยวนมองดูอีกฝ่ายก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยความตื่นตกใจ “นี่มันท่านเจ้าเมืองหยูนี่นา เหตุใดถึงได้เดินทางมาไกลขนาดนี้กัน? เวลานี้ท่านน่าจะหลบเลี่ยงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราราวกับว่ามันเป็นเมืองเชื้อโรคมิใช่หรือ?”
คนผู้นั้นจึงได้ปลดผ้าที่คลุมหน้าออกพร้อมมองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตะลึงไม่น้อย
เพราะการปลอบตัวของเขานี้กลับถูกเย่หยวนมองออกได้ในพริบตา?
แน่นอนว่าผู้ที่มาถึงในเวลานี้มันมิใช่ใครที่ไหนนอกจากเจ้าเมืองแห่งเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น หยูเหวินเฟิง!
การปรากฏตัวนี้ของหยูเหวินเฟิงมันทำให้ทุกผู้คนตื่นตกใจอย่างมาก ได้แต่หันหน้าไปมองกันอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะต้องการอะไรกันแน่
หยูเหวินเฟิงยิ้มแห้งๆ ออกมา “น้อยเย่ช่างมีวิชาที่เหนือล้ำ ดูท่าการคาดเดาของข้าจะไม่ผิดจริงๆ เจ้าคงไม่ยอมตายลงง่ายๆ เช่นนี้แน่”
เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา “ท่านเจ้าเมืองหยู ตอนนี้ท่านและข้านั้นเรียกได้ว่าอยู่กันคนละพวก มาที่นี่ในเวลานี้… ไม่กลัวหรือว่าข้าจะจับตัวท่านไว้?”
แต่ทางหยูเหวินเฟิงกลับถอนหายใจยาวออกมา “น้องเย่ ให้พูดตรงๆ ที่หยูผู้นี้มาหาน้องเย่ครานี้ก็เพื่อจะขอให้น้องเย่เมตตา ด้วยคำสั่งเทพสวรรค์นี้ หยูผู้นี้ในฐานะเจ้าเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นย่อมจะไม่อาจปฏิเสธได้จึงต้องกลายมาเป็นศัตรูกับน้องเย่ไป แต่มันไม่มีทางเลือกจริงๆ! หากพอเป็นไปได้ หยูผู้นี้ก็ไม่คิดอยากเป็นศัตรูกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย”
คำพูดของหยูเหวินเฟิงนั้นมันทำให้เหล่ายอดฝีมือเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นเบิกตากว้าง
เจ้าหมอนี่หัวไปโขกพื้นมาหรือ?
ตอนนี้ความแตกต่างของพลังทั้งสองฝ่ายนั้นมันสุดจะเหนือล้ำ แต่เขากลับมาก้มหัวร้องขอความเมตตาจากเย่หยวน?
นี่เขาเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นหรือไม่?
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ท่านเจ้าเมืองหยู ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือไม่? เทพถ่องแท้นับพันๆ เช่นนี้มันมากพอที่จะทำลายเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้เป็นสิบๆ เมืองอย่างไม่เหลือแม้แต่ซาก ท่านกลับมาขอให้ข้าเป็นฝ่ายเมตตา?”
แต่หยูเหวินเฟิงกลับกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางหนักแน่น “คนอื่นไม่รู้จักเจ้า แต่ข้ารู้! ตอนนั้นที่เจ้ายังอยู่อาณาจักรนภาสวรรค์เจ้ายังเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่แห่งศาลาโอสถสวรรค์ได้ มีหรือที่เบื้องหลังเจ้าจะไม่มีเทพสวรรค์อยู่สักคนเลย? ด้วยกำลังของหอมหาสมบัติด้วยแล้ว ต่อให้พวกเขาคิดจะปะทะกับเทพสวรรค์หลู่เหยียนซึ่งๆ หน้ามันก็ยังไหว เพราะฉะนั้นข้าจึงรู้ดีว่าเจ้าย่อมจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองเดินเข้าสู่หายนะเช่นนี้แน่!”
เย่หยวนมองดูที่หยูเหวินเฟิงด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือก “ท่านกังวลเรื่องนั้นหรือ? ข้าบอกได้เลยว่าท่านไม่ต้องกังวลหรอก ครานี้เทพสวรรค์จากทางหอมหาสมบัติไม่ได้มาช่วยข้า”
หยูเหวินเฟิงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงผงะไปในทันทีด้วยความตื่นตกใจ
แต่หลังจากผงะไปนิดหน่อยเขาก็กลับมายืนมั่นได้อีกครั้ง “น้อยเย่ ข้ารู้ดีว่าเจ้านั้นมิใช่คนธรรมดาทั่วไปและย่อมมีวิธีอื่นอีกมากมายเหลือล้น ไม่ว่าอย่างไรเสียที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อที่จะบอกว่าที่ข้าทำลงไปนั้นมันเป็นเพราะคำสั่งเทพสวรรค์ หวังเพียงแค่ว่าเมื่อถึงเวลาแล้วน้องเย่จะเห็นใจแสดงความเมตตาบ้าง!”
เย่หยวนนั้นไม่นึกไม่ฝันว่าหยูเหวินเฟิงจะเชื่อมั่นในตัวเขาได้มากขนาดนี้ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จักมักจี่กันมากมายและยังถึงขั้นมาก้มหัวขอร้องขอความเมตตาด้วย
ครั้งนี้เขาคงต้องมองหยูเหวินเฟิงใหม่เสียแล้ว
หยูเหวินเฟิงนั้นคาดเดาได้ไม่ผิด เพราะคนอย่างเย่หยวนมีหรือที่จะยอมรับความตายได้ง่ายๆ เช่นนั้น?
หลู่เหยียนนั้นมีแผนของตนที่จะใช้กองทัพอันยิ่งใหญ่ คิดว่ามันจะข่มขู่ตัวเย่หยวนทำให้เขาสิ้นหวังได้
แต่เขาคิดผิดมหัน
เย่หยวนค่อยๆ พยักหน้าออกมาและตอบกลับไป “ได้ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
หยูเหวินเฟิงเบิกตากว้างก่อนจะร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจพร้อมยกมือคารวะเย่หยวน “ขอบคุณมากน้องเย่ ตอนนี้หยูผู้นี้เองก็อยู่กลางพายุมรสุมจะอยู่นานไปคงไม่ได้ ข้าขอตัวก่อน! หลังจากจบเรื่องราวแล้วข้าจะกลับมาขอบคุณอย่างแน่นอน!”
เย่หยวนพยักหน้ารับจนทำให้หยูเหวินเฟิงต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะรีบมุ่งหน้ากลับออกไปทันที
หลังจากหยูเหวินเฟิงกลับออกไปสายตาของคนทั้งหลายก็มองมาหาเย่หยวนอย่างแปลกประหลาด
และเป็นอิ้งหมัวหู่คนแรกที่กระโดดขึ้นมาถาม “พี่ใหญ่ ท่านก็ซ่อนเราไว้เสียมิดเชียว! ที่แท้ท่านได้เตรียมแผนการรับมือไว้สิ้นแล้ว ทำไมไม่บอกพวกเราหน่อยเล่า?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เจ้าโง่ ติดตามพี่คนนี้มาตั้งกี่ปีเจ้ายังไม่รู้จักข้าอีกหรือ?”
อิ้งหมัวหู่ได้แต่ยกมือขึ้นมาโขกหัวตนเองเบาๆ ก่อนจะกล่าวขึ้น “ข้า… ข้าหวาดกลัวจนขาดสติไป เพราะกองกำลังขนาดนี้ข้าเองก็เพิ่งเคยพบเคยเห็นเช่นกัน! นี่พี่ใหญ่ แล้วท่านมีวิธีการใดเตรียมไว้กันแน่? หรือว่า… ท่านได้ไปเชิญเทพสวรรค์มาไว้แล้ว?”
เย่หยวนที่ได้ยินก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “เชิญเทพสวรรค์มา? ข้าทำเช่นนั้นไม่ไหวหรอก! แต่… เราสร้างเทพสวรรค์ขึ้นมาเองได้!”
…………………..