Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2016 ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆา
แต่ทว่าที่ด้านข้างนั้นเทพสวรรค์เปียวหยูกลับตื่นตะลึงขึ้นมา
เพราะเขาเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่าเดินทางไปยังวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉีโยวครั้งนี้เขาจะไปเจอกับเจียนซู่เทาเข้าระหว่างทาง
ในแดนใต้นี้เจียนซู่เทานั้นมีตำแหน่งที่นับได้ว่าสูงส่งกว่าตัวเขาเสียด้วยซ้ำ
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเบื้องหลังของเจียนซู่เทานั้นมันก็คือตระกูลเจียนผู้ยิ่งใหญ่ทั่วฟ้าดิน
แม้ว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปานั้นจะมีอำนาจเหนือล้ำดินแดนเท่าใดแต่มันก็ไม่อาจจะเทียบกับจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ได้แม้แต่น้อย
เขานั้นไม่ได้นึกฝันเลยว่าเย่หยวนนั้นกลับจะมีเส้นสายสนิทชิดเชื้อกับตระกูลเจียนด้วย
ที่สำคัญดูจากคำพูดของเจียนซู่เทาและเย่หยวนแล้วคนทั้งสองนี้คงมีความแค้นใดกันมาอย่างแน่นอน ‘เจ้านั้นขัดตาข้า แต่ข้าก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้’ เป็นความรู้สึกเช่นนั้น
มัน… แปลก!
เจียนซู่เทานั้นหันมองดูเย่หยวนด้วยดวงตาที่หรี่เล็ก “หึ เจ้าหนู คำพูดนั้นข้าจำไว้ได้มั่นแล้วนะ”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวทั้งเย่หยวนและเปียวหยูต่างก็ผงะไปทันที
เจ้าหมอนี่… เป็นคนเดียวกับเจียนซู่เทาที่ผู้คนนับถือผู้นั้นหรือ?
เวลานี้ไม่ว่าจะดูอย่างไรมันก็ตัวร้ายชัดๆ!
แต่เย่หยวนนั้นย่อมจะเข้าใจนิสัยใจคอของเจียนซู่เทามาอย่างยาวนานหลังจากผงะเขาจึงได้ยิ้มตอบกลับไป “แน่นอนสิ! เย่ผู้นี้ไม่เคยคืนคำ”
เจียนซู่เทาจึงพยักหน้ารับ “เช่นนั้นเรื่องวันนี้ก็เอาไว้เท่านี้ เทพสวรรค์ผู้นี้ไปก่อนล่ะ”
เย่หยวนจึงยกมือขึ้นคารวะ “ผู้อาวุโสดูแลตัวเองด้วย”
เจียนซู่เทาหันมาพยักหน้าให้เปียวหยูก่อนจะพุ่งตัวหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ทันที
“ผู้อาวุโสเปียวหยู เรื่องวันนี้ข้าเย่หยวนต้องขอขอบคุณท่านเป็นอย่างสูง”
เย่หยวนนั้นรู้ดีว่าตัวตนของเจียนซู่เทาและเปียวหยูนั้นยิ่งใหญ่ปานใด การที่พวกเขาออกมาจัดการเรื่องราวเช่นนี้มันย่อมทำให้ตัวเขารู้สึกซาบซึ้งอยู่ในใจ
เทพสวรรค์เปียวหยูที่ได้ยินจึงรีบยกมือขึ้นมาโบกปัด “ระหว่างเราสองคนยังจะต้องมีความเกรงใจใดๆ ให้มากมาย? หากไม่ใช่เพราะเจ้าแล้วเทพสวรรค์ผู้นี้คงต้องใช้เวลาอีกไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปีจึงจะก้าวขึ้นอาณาจักรที่ทุกผู้คนริษยานี้ได้ ที่สำคัญเทพสวรรค์ผู้นี้ยังรู้ดีว่าหลายปีมานี้เจ้าได้ช่วยหอมหาสมบัติสร้างรายได้มากมายหลายผลึกปราณเทวะอย่างที่ไม่อาจนับได้ เรื่องนี้เทพสวรรค์ผู้นี้เองก็ต้องขอบคุณเจ้าด้วย”
เพราะไม่ว่าจะอย่างไรโอสถครองวิญญาณผสานเต๋านั้นมันก็ได้กลายเป็นแหล่งรายได้มหาศาลของหอมหาสมบัติ
ที่สำคัญกว่านั้นตั้งแต่ที่เย่หยวนบรรลุขึ้นอาณาจักรเม็ดต้นกำเนิดมาได้เขาก็ยังได้สร้างสูตรโอสถครองวิญญาณผสานเต๋าระดับหกขึ้นมาและมอบมันให้แก่หอมหาสมบัติโดยตรง
แน่นอนว่าเรื่องราวทั้งหลายนั้นมันไม่ได้ยิ่งใหญ่ใดๆ
กับเทพสวรรค์ระดับเปียวหยูแล้วผลึกปราณเทวะใดๆ มันย่อมมิใช่สิ่งที่เขาต้องการอีก
แต่สิ่งสำคัญนั้นคืออาณาจักรวิชา!
เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นต้องขมวดคิ้วขึ้นสูง “หรือว่าผู้อาวุโสเปียวหยูจะ…”
เปียวหยูที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหัวเราะลั่นขึ้น “ใช่แล้ว! หลายปีมานี้เทพสวรรค์ดันหยู่แห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆาได้กดดันเทพสวรรค์ผู้นี้ตลอดมา งานชุมนุมโอสถเมฆาครานี้เทพสวรรค์ผู้นี้จะได้เงยหน้าสู้ผู้คนได้เสียที!”
เย่หยวนจึงยิ้มตอบรับทันที “ยินดีด้วยอีกครั้งผู้อาวุโสเปียวหยู!”
อาณาจักรบรรพกาล!
นั่นคืออาณาจักรความรู้ที่นักหลอมโอสถทุกคนได้แต่เฝ้าฝัน!
แต่ประตูของมันนั้นยิ่งใหญ่ปิดกั้นยอดนักหลอมโอสถอัจฉริยะไว้มากมายไม่ให้ก้าวเข้าไป
แม้จะเป็นตัวเย่หยวนที่ได้รับความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นมากมายจากการประมือกับเทพสวรรค์เปียวหยู ตัวเขาก็ยังไม่อาจจะสามารถบรรลุข้ามอาณาจักรบรรพกาลไปได้ในชั่วข้ามคืน แค่นั้นมันก็มากพอจะอธิบายความยากของอาณาจักรนี้แล้ว
การที่ตัวเทพสวรรค์เปียวหยูจะสามารถบรรลุขึ้นไปถึงระดับนั้นได้มันย่อมหมายความว่าเดิมทีเขาเองก็เป็นสุดยอดของที่สุดในเต๋าโอสถอยู่แล้ว
ที่สำคัญกว่านั้นคือหลังจากขั้นอาณาจักรบรรพกาลได้การบ่มเพาะของเทพสวรรค์เปียวหยูจะมิใช่ปัญหาใดๆ อีกต่อไป
การขึ้นไปถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์เองก็ขึ้นอยู่กับแค่เวลาเท่านั้น
เทพสวรรค์เปียวหยูหัวเราะลั่นขึ้น “เอ๋ อย่าได้มาเรียกข้าว่าผู้อาวุโสใดๆ อีกเลย แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นเพียงแค่เทพถ่องแท้แต่เจ้านั้นมีเต๋าโอสถที่ไม่ด้อยไปกว่าข้าผู้นี้ วันหน้าเจ้าเองก็คงได้กลายเป็นจอมเทพโอสถอย่างแท้จริง จากวันนี้เจ้าเรียกข้าว่าพี่เปียวหยูเถอะ!”
เย่หยวนที่ได้ยินถึงกับต้องหัวเราะออกมา “พี่เปียวหยู!”
เปียวหยูยิ้มรับ “น้องเย่หยวน งานชุมนุมโอสถเมฆานี้มันเป็นงานสุดยิ่งใหญ่ในแดนใต้เราจริงๆ แต่ละครั้งที่มันถูกจัดขึ้นนั้นมิใช่เพียงแค่ยอดคนมากมายที่ไปมาแต่มันยังมีสมุนไพรวิญญาณสูตรโอสถหายากมากมายหลั่งไหลเข้ามาด้วย หลังจากเจ้าจัดการเรื่องราวที่นี่แล้วเสร็จก็ลองไปสัมผัสมันดูเองเถิด เจ้าไม่ผิดหวังแน่”
เย่หยวนพยักหน้ารับทันที “หากพี่เปียวหยูว่ามาถึงขนาดนั้น เย่หยวนคนนี้เองก็แทบจะอดทนรอมันไม่ไหวเสียแล้ว เป็นเวลาดี หากข้าจัดการเรื่องในเมืองแล้วเสร็จข้าจะรีบมุ่งหน้าไปทันที”
เปียวหยูพยักหน้ารับออกมา “เทพสวรรค์ผู้นี้เองก็เพิ่งจะออกจากการเก็บตัวมา ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องจัดการ เมื่อถึงเวลาแล้วเราไปเจอกันอีกครั้งที่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆาเลยเถอะ”
เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะอีกฝ่าย “พี่เปียวหยูดูแลตัวเองด้วย”
…
สี่เทพสวรรค์ที่ตกลงมานั่งคุยกันในจวนเจ้าเมืองนั้นเดิมทีแค่ยอมมานั่งเพราะเห็นแก่คำชวนของเย่หยวน
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าการนั่งดื่มของพวกเขานี้มันจะยาวนานล่วงเลยเวลาไปถึงหนึ่งเดือน
สุราดั่งฝันของเย่หยวนนั้นมันทำให้เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายต้องติดใจรสชาติกันจนหยุดปากไม่ได้ ลืมว่าตัวเองเป็นใครยังต้องมีงานใดสะสางต่อจนสิ้น
สุรานี้มันถูกบ่มขึ้นมาด้วยวิธีพิเศษของเย่หยวนที่เพิ่งบรรลุขึ้นอาณาจักรเม็ดต้นกำเนิด มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ความสุขแก่ผู้มาเยือนโดยเฉพาะ
แม้ว่ามันจะถูกบ่มขึ้นด้วยสมุนไพรวิญญาณระดับหกแต่มันกลับมีรสชาติที่เหนือล้ำทิ้งไว้ในปากอย่างไม่จางหาย
ต่อให้เป็นเทพสวรรค์ที่มากประสบการณ์ชีวิตพวกเขาเองก็ยังต้องก้มหัวให้แก่สุรานี้ของเย่หยวน
พวกเขานั้นได้เข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่าเหตุใดเทพสวรรค์เปียวหยูถึงได้ดูให้เกียรติเย่หยวนนัก
หลังจากเวลาผ่านไปถึงหนึ่งเดือนเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายก็รู้สึกว่าตนจะสร้างภาระให้เจ้าบ้านจนเกินไปจึงได้ขอสุราทั้งหลายนั้นกลับไปจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์คนละถึงสิบถัง
หลังจากเวลาหนึ่งเดือนนี้ผ่านไปเย่หยวนก็ได้จัดการเรื่องราวในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จนแล้วเสร็จจึงได้นำพาตัวหนิงซืออวี๋มุ่งหน้าออกเดินทางไปยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆาด้วยกัน
สภาพภายในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เวลานี้มันแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
เวลานี้พวกซวนอี้และคนรุ่นก่อนๆ ทั้งหลายนั้นต่างถอนตัวออกจากตำแหน่งศูนย์กลางเสาหลักไปแล้ว
เพราะแม้ว่าโอสถของเย่หยวนมันจะวิเศษล้ำเพียงใดแต่พรสวรรค์ของพวกเขานั้นมันก็ได้เหือดแห้งไปจนสิ้น ย่อมจะมีพัฒนาการที่มีขีดจำกัด
กลับกันตอนนี้เหล่ายอดฝีมือหนุ่มสาวกลับได้พัฒนาตนขึ้นมาอย่างมากมายมหาศาล
ตอนนี้วิชาการโอสถของหนิงซืออวี๋นั้นได้ก้าวล้ำกว่าซวนอี้และเหล่าศิษย์พี่ทั้งหลายไปอย่างมากมายจนตอนนี้นางได้กลายเป็นยอดอัจฉริยะไร้เปรียบในหอโอสถของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์
ตอนนี้หนิงซืออวี๋นั้นมีพลังบ่มเพาะอาณาจักรนภาสวรรค์ขั้นกลาง พร้อมด้วยวิชาโอสถที่ใกล้จะเหยียบขึ้นถึงอาณาจักรเต๋าแล้ว
ในหมู่คนรุ่นใหม่นั้นนางไม่มีใครเทียบเคียงได้
เพราะชีวิตของนางนี้ นางได้รับอิทธิพลจากเย่หยวนอย่างมหาศาล
ก่อนหน้านั้นนางติดตามเย่หยวนและคอยดูการหลอมโอสถของเย่หยวน จากนั้นมานางยังได้รับการชี้แนะโดยตรงจากตัวของเขา
สภาพของหนิงซืออวี๋ในเวลานี้มันแตกต่างจากหนิงซืออวี๋คนก่อนมาก
แต่ว่าเมื่อนางได้ยินเรื่องที่ว่าเย่หยวนจะพาตัวนางไปยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆาด้วย หนิงซืออวี๋ก็ยังอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นราวเด็กสาวตัวน้อย
“พระเจ้าช่วย นี่หรือคือยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆา? เหตุใดข้าจึงรู้สึกราวกับว่าคนเมืองนี้ทุกผู้คนจะรู้วิธีหลอมโอสถกัน?” หนิงซืออวี๋ร้องบอกขึ้นด้วยความสงสัยอย่างเต็มใบหน้า
ตั้งแต่ที่เข้าเมืองมา หนิงซืออวี๋นั้นได้กลิ่นของโอสถหอมลอยมาในอากาศอยู่ตลอดเวลา
ที่ด้านข้างถนนเองนั้นก็มีสนามประลองโอสถตั้งอยู่ทุกหนแห่งและที่สำคัญคือแต่ละแห่งล้วนมีคนเข้าดูชมจนเต็มอัตรา
ดูท่าแล้ววิชาโอสถของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆานั้นมันจะแทรกซึมเข้าสู่วิถีชีวิตของผู้คนไปแล้ว
เย่หยวนเองก็พยักหน้าออกมาเมื่อได้ยิน “แน่นอน มาตรฐานของวิชาโอสถที่เมืองนี้มันเหนือล้ำกว่าที่อื่นใด สมชื่อเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโอสถอันดับหนึ่งในแดนใต้จริงๆ”
หนิงซืออวี๋หยุดพูดไปพักหนึ่งก่อนจะตอบกลับมา “จะมาตรฐานสูงกว่าแล้วทำไม? ต่อหน้านายท่านแล้วทุกสิ่งอย่างมันก็ไร้ค่า! นายท่านนั้นคือยอดอัจฉริยะในด้านโอสถที่แท้จริง!”
เย่หยวนได้แต่ส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยิน ดูท่านางผู้นี้เองก็จะเชิดชูบูชาเขาจนไม่ลืมหูลืมตาไปอีกคนแล้ว
แต่จู่ๆ กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “โอ้? ช่างเป็นคำพูดที่สูงส่งนัก! ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นนี้ก็เป็นยอดอัจฉริยะในด้านโอสถที่แท้จริงได้?”
ดูท่าคำยกยอของหนิงซืออวี๋มันจะทำให้ใครบางคนไม่พอใจขึ้นมาเสียแล้ว
………………….