Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2019 โชคดีที่รู้
ผู้บัญชาการกานนั้นไม่คิดจะมองดูเหรียญใดๆ ในมือของเย่หยวนและแค่หัวเราะเย้ยขึ้น “ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดมันก็ไร้ค่า ผู้บัญชาการผู้นี้จะยอมรับเพียงแค่บัตรเชิญโอสถเมฆาเท่านั้น”
“ฮ่าๆ เจ้าคิดว่ายอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆานั้นมันเป็นเมืองน้อยๆ เมืองหนึ่งหรือ? แค่หยิบเหรียญออกมาเขาก็จะให้เจ้าเข้าไป? บ้านนอกเสียจริงๆ!” เจิ้งเฉียนร้องบอกด้วยสีหน้าดูถูกเต็มที่
“งานชุมนุมโอสถเมฆานั้นต้องมีบัตรเชิญเท่านั้น ไม่ยอมรับสิ่งอื่นใด เรื่องแค่นี้เจ้าก็ยังไม่รู้ถึงมันแล้วยังกล้ามีหน้ามาร่วมงานชุมนุมโอสถเมฆา?” เจิ้งปู้ฉุนร้องบอกขึ้นตาม
พวกเขาทั้งหลายนั้นได้แต่หัวเราะจนท้องแข็ง
สภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันดูไม่ต่างอะไรจากเด็กบ้านนอกที่เพิ่งเข้าเมือง ไม่รู้เรื่องราวใดๆ บนโลก
เจ้าหมอนี่มันไม่ได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับงานชุมนุมโอสถเมฆาแม้แต่น้อย เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่ายอดนักหลอมโอสถอย่างพวกเขามันย่อมจะเป็นได้แค่ตัวตลก
เมื่อได้เห็นสีหน้าของคนทั้งหลายนั้นเย่หยวนก็อดไม่ได้ที่จะผงะด้วยความมึนงง
เขานั้นถือเหรียญปรมาจารย์ไว้ในมือแต่กลับถูกเย้ยหยัน
ดูท่าแล้วเจ้าของสิ่งนี้มันจะไม่ได้เป็นประโยชน์มากมายนัก
เขานั้นเคยคิดว่ามันเป็นสุดยอดเหรียญจากตอนที่ได้รับมันมา แต่เมื่อได้ลองเอามันออกมาแล้วคนทั้งหลายกลับไม่มีใครรู้จักมัน
“เด็กน้อย ดูท่าเจ้าจะอยากให้ผู้บัญชาการผู้นี้ลงมือเสียจริงๆ สินะ!”
ในสายตาของผู้บัญชาการกานนั้นเย่หยวนนั้นเป็นแค่เด็กน้อยที่ชอบอวดเบ่งพูดจาเหนือหัวผู้คน
เขาจึงปล่อยคลื่นพลังอย่างรุนแรงคิดจับตัวเย่หยวนไว้ทันที
นั่นมันคือพลังของเทพถ่องแท้ห้าดาวที่กำลังครอบงำเย่หยวนเอาไว้
ส่วนทางพวกเจิ้งเฉียนนั้นกำลังมองดูภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าสบายใจ
เย่หยวนที่เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ต้องขมวดคิ้วแน่น การโจมตีนี้ของผู้บัญชาการกานมันแสนรุนแรง หากการจับคว้านี้ถูกโดนเข้าตัวเขาคงบาดเจ็บสาหัส
ดูท่าเจ้าหมอนี่มันจะคิดประจบเอาใจเหล่าคนทั้งหลายนั้นจึงคิดลงมือหนักหน่วงกว่าที่จำเป็น
แต่เย่หยวนนั้นกลับหัวเราะเย้ยขึ้นมาก่อนจะใช้ตราประทับความเป็นความตาย
เทพถ่องแท้ห้าดาวปะทะเทพถ่องแท้สามดาว แน่นอนว่าผู้บัญชาการกานย่อมจะคิดว่ามันเป็นเรื่องแสนง่ายดาย
แต่เมื่อเย่หยวนใช้วิชานี้ออกมาคลื่นพลังที่ถล่มทลายหนักหน่วงราวเขาทั้งลูกกลับพุ่งเข้าใส่ตัวเขาอย่างฉับพลัน
ปัง!
ผู้บัญชาการกานนั้นไม่ทันตั้งตัวและถูกตราประทับความเป็นความตายซัดเข้าจนลอยปลิวไปไกลก่อนจะร่วงลงพื้นอย่างหนักหน่วง
เจิ้งปู้ฉุนที่เห็นเช่นนั้นต้องเบิกตากว้างขึ้นทันที “นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร?”
ชายหนุ่มอีกคนที่มากับกลุ่มคนด้วยร้องขึ้นอย่างตื่นตะลึง “เจ้าเด็กคนนี้มันแข็งแกร่งปานนี้ได้อย่างไร?”
พวกเขาทั้งหลายนั้นต่างรอดูสภาพน่าสมเพชของเย่หยวนแต่ใครจะไปคิดไปฝันว่าเย่หยวนกลับจัดการผู้บัญชาการกานลงได้ด้วยกระบวนท่าเดียว
เทพถ่องแท้ขั้นต้นกลับสามารถซัดเทพถ่องแท้ขั้นกลางจนปลิวไปได้ด้วยกระบวนท่าเดียว เรื่องนี้มันย่อมจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เย่หยวนนั้นไม่ได้ดูเก่งกาจมากมายอายุแค่พันกว่าปี จะแข็งแกร่งขนาดนั้นได้อย่างไร?
ทั้งอย่างนั้นตัวเขากลับสามารถจัดการผู้บัญชาการกานลงได้ด้วยกระบวนท่าเดียว!
“จะยังยืนนิ่งทำไมอีก? ไอ้เด็กคนนี้มันมาเพื่อหาเรื่องชัดๆ ป-ไปจัดการมันเสีย!” ผู้บัญชาการกานร้องสั่งทหารทั้งหลาย
นั่นทำให้กองทหารขนาดใหญ่รีบพุ่งตัวเข้ามาล้อมเย่หยวนไว้ในทันที
ส่วนตัวเย่หยวนก็ทำได้แค่ขมวดคิ้วแน่น เขานั้นก็ไม่ได้คิดจะมาก่อเรื่องใดๆ แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าคนทั้งหลายนี้จะไม่มีใครรู้จักเหรียญปรมาจารย์
แต่หากจะไปโทษผู้บัญชาการกานหรือทหารทั้งหลายมันก็คงไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะเหรียญปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่นั้นเหล่าผู้บัญชาการกานหรือทหารทั้งหลายจะรู้จักหน้าตามันได้อย่างไร?
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียในแดนใต้นี้มันก็มีเหรียญปรมาจารย์นี้เพียงแค่สิบสี่เหรียญ
และเหล่าผู้มีเหรียญปรมาจารย์นี้ติดตัวต่างจะเป็นยอดคนชื่อเลื่องลื่อ อย่างน้อยก็ต้องเป็นเทพสวรรค์ขั้นกลางหรืออาจจะถึงขั้นปลาย
เมื่อคนทั้งหลายนั้นเดินทางมาถึงยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆา การต้อนรับย่อมจะยิ่งใหญ่มหาศาล ไม่มีใครมาแอบเดินดูในเมืองเช่นนี้เป็นแน่
เย่หยวนนั้นไม่ได้รู้ถึงเหตุผลภายใน ตัวเขานั้นคิดแค่อยากจะเดินดูรอบๆ เมือง ใครจะไปคิดว่าเรื่องราวมันจะบานปลายเช่นนี้ได้
แต่ถึงเวลานี้เย่หยวนเองก็ย่อมไม่คิดจะยอมง่ายๆ
เหล่าทหารทั้งหลายนั้นส่วนมากจะเป็นนภาสวรรค์และอาจจะมีเทพถ่องแท้ปะปนอยู่บ้าง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่หยวนมันย่อมไร้ค่าเขาสามารถจัดการทหารทั้งหลายได้ด้วยกระบวนท่าเดียวสิ้น
เจิ้งเฉียนนั้นได้แต่ทำสีหน้าไม่คิดอยากเชื่อภาพตรงหน้า “เจ้าหมอนี่มันเก่งกาจปานนี้ได้อย่างไร?”
เย่หยวนนั้นมีอายุไม่ได้มากมายไปกว่าเขานักแต่กลับมีวิชายุทธที่เหนือล้ำจนไม่อาจเทียบรุ่นกันได้
หากมองหาทั้งแดนใต้นี้คนที่จะเก่งกาจกว่าเย่หยวนในด้านวิชายุทธก็คงมีไม่มากนัก
แต่เจิ้งปู้ฉุนกลับหัวเราะขึ้นมา “เจ้าเด็กคนนี้มันรนหาที่ตายแล้ว!”
เจิ้งเฉียนที่ได้ยินจึงถามขึ้น “ทำไมเล่า?”
เจิ้งปู้ฉุนยิ้มตอบกลับไป “เดิมทีมันนั้นแค่มาหลอกลวงผู้คน หากยอมรับการโจมตีเสียหน่อยเรื่องราวก็คงจบเท่านั้น แต่ตอนนี้มันกลับสร้างเรื่องเสียใหญ่โต เวลานี้ย่อมจะมียอดฝีมือจากเบื้องบนลงมาจัดการมันแล้ว จะเก่งกาจแล้วทำไม? หรือว่ามันจะเก่งกาจกว่าเทพถ่องแท้เก้าดาวได้?”
เมื่อเจิ้งเฉียนได้ยินเช่นนั้นเขาก็รีบยิ้มรับทันที “ฮ่าๆ ไอ้เด็กคนนี้ตายแน่แล้ว!”
“ใครกัน? ใครกันที่กล้ามาสร้างความวุ่ยวายในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆาเรา?”
คนทั้งสองยังพูดกันไม่ทันจบก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นทันที
ชายร่างใหญ่กำยำผู้มีเครายาวเดินออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก
เมื่อผู้บัญชาการกานได้เห็นเช่นนั้นเขาก็ร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ท่านฉินชง เจ้าเด็กคนนี้มันไม่มีบัตรเชิญข้าจึงคิดไล่มันออกจากเมืองไป แต่มันกลับไม่ยอมและทำร้ายข้าเสียจนบาดเจ็บสาหัส!”
ฉินชงนั้นมีท่าทางไม่พอใจเป็นทุนเดิมเมื่อได้ยินคำของผู้บัญชาการกานเขาจึงร้องขึ้นด้วยความโกรธแค้นเดือดดาลทันที
ฉินชงร้องตะโกนขึ้นอย่างเดือดดาล “หะ? เจ้าเด็กโอหัง ถึงกลับกล้า…”
เมื่อเจิ้งปู้ฉุนและชายหนุ่มอีกคนเห็นว่าฉินชงโกรธเคืองเป็นไฟเช่นนั้นพวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าท่าทางสะใจออกมาอย่างเต็มที่
ฉินชงนั้นเป็นถึงเทพถ่องแท้เก้าดาว ไม่ว่าเย่หยวนจะมีวิชาที่เหนือล้ำสวรรค์ปานใดมันก็ไม่อาจจะรับมือเขาได้แน่
ฉินชงนั้นกำลังที่จะร้องขึ้นมาอีกครั้งแต่ใบหน้าของเขากลับต้องเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้เห็นเหรียญที่เย่หยวนค่อยๆ หยิบออกมานั้น และเป็นฝ่ายเย่หยวนที่พูดขึ้นมา “ข้านั้นมอบสิ่งนี้ให้พวกมันดู แต่พวกมันทั้งหลายกลับไม่รู้จักเหรียญนี้ ข้าสงสัยเหลือเกินว่า… ท่านจะรู้จักมันหรือไม่?”
เย่หยวนเองก็ได้แต่ถามหยั่งเชิงออกมาเพราะหากแม้แต่ฉินชงยังไม่รู้จักมันแล้วตัวเขาก็คงได้แต่ต้องหนีไป
เจิ้งปู้ฉุนที่ได้ยินจึงหัวเราะลั่นขึ้น “ยังจะเอาเหรียญโง่ๆ นั้นออกมาอีก… เจ้าเด็กคนนี้มันไม่มีสมองหรือ?”
แต่ท่าทางนั้นของฉินชงมันทำให้เย่หยวนโล่งอก
เพราะเมื่อฉินชงได้เห็นเหรียญนี้ สองตาของเขาก็เบิกกว้างออกทันที
เขานั้นมองดูเย่หยวนอีกครั้งด้วยสายตาสุดเหลือเชื่อ
“นี่มัน… นี่มัน…” ฉินชงได้แต่ยืนนิ่งอย่างไม่อาจพูดจาใดๆ ได้
เหรียญปรมาจารย์นั้นจะมาอยู่ในมือของเด็กหนุ่มเช่นนี้ได้อย่างไร?
ผู้บัญชาการกานนั้นไม่ได้เข้าใจเรื่องราวจึงรีบเร่งพูดขึ้นมา “ท่านฉินชง เป็นอะไรไปท่าน? เจ้าเด็กคนนี้มันสุดแสนโอหัง ท่านต้องอย่าปล่อยมันหนีไป!”
‘ผัวะ!’
เสียงตบดังสนั่นขึ้นทันทีส่งร่างของผู้บัญชาการกานลอยลิ่วไปอีกครั้ง
การตบนี้มันทำให้คนทั้งหลายมึนงง
แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้คิดอะไรทางฉินชงก็รีบตะโกนร้องขึ้น “เจ้าคนชั่วช้า! หากอยากตายนักก็อย่าได้ลากข้าไปเกี่ยวด้วย! แล้วก็พวกเจ้าทั้งหลาย อยากไปเกิดใหม่กันนักหรือ? วางอาวุธของพวกเจ้าลงเดี๋ยวนี้!”
เหล่าทหารทั้งหลายมึนงงไม่เข้าใจในคำสั่งนั้น ได้แต่ยืนนิ่งไป
จากนั้นก็เป็นฝ่ายฉินชงที่คุกเข่าลงพร้อมยกมือขึ้นคารวะเย่หยวน “เจ้าโง่ทั้งหลายพวกนี้มันไม่มีสมอง นายท่านโปรดอย่าถือโทษมันนักเลย! เมื่อข้าน้อยกลับมาข้าจะจัดการสั่งสอนมันให้หลาบจำ!”
“นี่มัน… เกิดอะไรขึ้นกัน? ท่านฉินชงกลับคุกเข่าลงต่อหน้าเทพถ่องแท้สามดาว?”
“เจ้าเด็กคนนี้มันเป็นใครมาจากไหนกัน?”
“หรือว่า… มันจะเป็นคนจากค่ายสำนักใหญ่โต?”
…
เสียงร้องดังขึ้นทั่วด้วยความตกตะลึงไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉินชงทำตัวเช่นนี้ออกมา
เย่หยวนที่เห็นเช่นนั้นจึงเก็บเหรียญลงพร้อมถอนหายใจ “โชคดีที่เจ้ารู้จักมัน ไม่เช่นนั้นมันคงเป็นปัญหาไม่น้อย”
……………………..