Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2051 สายสัมพันธ์อันฉาบฉวย
“ต้วนหยุนเฟย เจ้าฝึกเคล็ดเมฆสงัดสามร้อยหัตถ์ครบพันครั้งหรือยัง? กลับมานั่งอู้อยู่เช่นนี้?” หยุนยี่ที่ได้เห็นต้วนหยุนเฟยนั่งอาบแดดอยู่จึงได้ร้องว่าขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
ต้วนหยุนเฟยผู้นี้มันคือชายหนุ่มสกุลต้วนที่เคยว่าดูถูกเย่หยวนพร้อมๆ กันหยุนยี่เมื่อครั้งก่อนนั้น เมื่อถึงคราวเลือกอาจารย์แล้วต้วนหยุนเฟยเองก็ได้เลือกที่จะกราบเย่หยวนเป็นอาจารย์เช่นเดียวกับคนอื่นๆ อย่างไม่ลังเล
หลังจากนั้นเหล่าผู้คนทั้งหลายชได้มาถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์และเข้าหอโอสถมา เพียงแค่ว่าตามที่เย่หยวนสั่งไว้ว่าเขานั้นจะเป็นได้แค่เด็กรับใช้ทำงานทั่วไปฝึกฝนเพียงแค่วิชาที่พื้นฐานที่สุด
เหล่านักหลอมโอสถทั้งหลายที่มานั้นล้วนเป็นอัจฉริยะจากตระกูลใหญ่โต โอหังเป็นทุนเดิม การต้องมาเจอสภาพเช่นนี้มันจึงไม่ได้ต่างจากการถูกส่งมาทรมาน
พวกเขานั้นต้องทำเรื่องเดิมซ้ำๆ ซากๆ อย่างที่ไม่มีเวลาจะไปบ่มเพาะใดๆ
ในสายตาของพวกเขาหลายต่อหลายคนมันจึงเป็นเพียงแค่การเสียเวลาเปล่า
มันไม่มีอะไรน่าดึงดูด เป็นเพียงแค่การแกล้งหลอกพวกเขาทั้งหลาย
ในเวลาไม่ถึงครึ่งปีพวกเขาทั้งหลายนับสิบๆ คนจึงได้ออกจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไป
หลังจากผ่านไปครบปีก็มีคนอีกถึงเจ็ดหรือแปดคนที่ไม่อาจทนได้อีกต่อไป
เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นต่างเป็นคนใหญ่คนโตทั้งสิ้น
หลังจากนั้นยิ่งได้ยินข่าวการตายของเย่หยวน คนทั้งหลายก็ยิ่งมุ่งหน้ากลับบ้านกันเป็นแถบๆ
ตอนนี้เมื่อเวลาผ่านไปได้ถึงสิบปี จากเดิมคนที่มาสี่สิบคน มันได้แยกย้ายกระจัดกระจายเหลืออยู่เพียงแค่สามคนเท่านั้น
นอกจากตัวหยุนยี่และต้วนหยุนเฟยแล้วมันยังมีเด็กหนุ่มนามหยางซวนอยู่อีกคน
หยางซวนนั้นเป็นผู้ติดอันดับที่ยี่สิบจากสายห้าดาว ซึ่งก็คือเป็นอันดับโหล่ของโหล่ แต่เขานั้นยังคงทนมาได้จนทุกวันนี้
แม้แต่ตัวหลัวเทียนฉีเองก็ยังไม่อาจจะทนอยู่ได้หลังได้ยินข่าวของเย่หยวน
“หึ พี่หยุน หากท่านไม่รั้งข้าไว้แล้วมีหรือที่ต้วนหยุนเฟยผู้นี้จะยังทนอยู่ได้! เคล็ดเมฆสงัดสามร้อยหัตถ์กระจอกๆ นั้นข้าฝึกฝนมันมานับหมื่นๆ ครั้งแล้วจนทุกวันนี้ ฝึกมากไปกว่านี้จะยังมีประโยชน์ใด? ที่สำคัญเวลานี้เย่หยวนก็ได้ตายลงไปแล้ว มันยังมีเหตุใดให้ต้องทนอยู่อีกเล่า?” ต้วนหยุนเฟยกล่าวด้วยท่าทางผิดหวัง
หยุนยี่ที่ได้ยินจึงขมวดคิ้วแน่น “ต้วนหยุนเฟย ข้านั้นเฝ้าบอกให้เจ้าหมั่นฝึกฝนแต่เจ้ากลับไม่ฟัง! อ่านหนังสือร้อยรอบความหมายที่ได้ออกมามันก็ย่อมจะแตกต่างกันไป หลอมโอสถเองมันก็เหมือนกัน! หากเจ้าฝึกฝนเคล็ดเมฆสงัดสามร้อยหัตถ์อย่างตั้งมั่น เจ้าจะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างแน่นอน”
ต้วนหยุนเฟยที่ได้ยินจึงหัวเราะขึ้น “พอเถอะ! แค่วิชาระดับหนึ่งระดับสอง มันจะแตกต่างกันไปได้สักเท่าไหร่? ท่านเองก็ฝึกฝนมันมาอย่างหนักแน่นถึงสิบปีแล้ว แต่ข้าก็ยังไม่เห็นว่าท่านจะพัฒนาตนเองไปได้ถึงไหนเลย! ช่างเถอะๆ! ข้าไม่มีเวลามาเสียที่นี่อีกแล้ว พี่หยุน ท่านจะไม่ไปกับข้าจริง?”
ที่ด้านข้างหยางซวนจึงกล่าวขึ้นมาบ้าง “พี่ต้วน ที่พี่หยุนว่ามามันก็ถูกนะ ข้าเองก็ไม่นึกไม่ฝันเหมือนกันว่าวิชาระดับต่ำมันจะยังมีความลับเก็บซ่อนไว้ปานนี้ หากท่านลองฝึกดูจริงๆ จังๆ ท่านจะต้องเข้าใจแน่!”
ต้วนหยุนเฟยที่ได้ยินจึงหัวเราะขึ้น “มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าเล่า? เจ้าคิดว่าแค่คนอย่างเจ้าก็เรียกข้าว่าพี่ต้วนได้หรือ? ไปไกลๆ ไป!”
หยุนยี่ขมวดคิ้วจนชนกันก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้าจะไปจริง?”
ต้วนหยุนเฟยตอบกลับมา “พี่หยุน มันมิใช่ว่าข้าสงสัยจะว่าท่านหรอก แต่ไม่ว่าเย่หยวนนั้นจะเก่งกาจปานใดสุดท้ายเขาก็ตายลงแล้ว! ตอนนี้ท่านนั้นมีพรสวรรค์เป็นอันดับหนึ่งของแดนใต้อย่างแท้จริง แต่ท่านกลับคิดจะเสียเวลาไปเปล่าๆ เช่นนี้?”
หยุนยี่ถอนหายใจยาวออกมา “ช่างเถอะ! คนที่มีมุมมองต่างกันมันย่อมจะไม่อาจเข้าใจกันได้ ไปเถอะ! แต่หวังว่าวันหน้าเจ้าจะไม่กลับมาเสียใจภายหลัง!”
ต้วนหยุนเฟยยิ้มขึ้น “เสียใจ? จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า! พี่หยุน คนที่จะมาเสียใจภายหลังมันจะเป็นท่านมากกว่า! มันเป็นเวลาถึงสิบปีแล้วนะ แต่เย่หยวนก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา ท่านคิดว่าเขาจะยังตื่นขึ้นมาได้?”
พูดจบต้วนหยุนเฟยก็หัวเราะและเดินจากไป
หยางซวนเองก็ถอนหายใจออกมาตาม “พี่หยุน ข้าไม่นึกเลยนะว่าท่านเองก็จะทนทานมาได้จนถึงทุกวันนี้”
หยุนยี่ที่ได้ยินจึงหรี่ตาลงมองไปยังหยางซวนด้วยรอยยิ้ม “ในสายตาเจ้าแล้ว เจ้าคิดว่าข้านั้นเป็นแค่คุณชายตัวน้อยไม่รู้จักความยากลำบากหรือ?”
หยางซวนแทบสำลักเพราะตัวเขาเคยคิดเช่นนั้นจริงๆ
ในสิบปีมานี้หยุนยี่กลับพิสูจน์ตนจนทำให้เขาต้องมองชายหนุ่มผู้นี้ใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า
เขานั้นเป็นหนึ่งในคนที่ทนทานความยากลำบากได้ดีที่สุดและยังฝึกฝนอย่างไม่คิดลดละ
วิชาโอสถระดับหนึ่งระดับสองที่ว่านี้ตัวเขาได้จดจำมันอย่างทะลุปรุโปร่งแล้วแต่ก็ยังคงฝึกฝนมันอยู่อย่างต่อเนื่องไม่คิดเกียจคร้าน
เมื่อคนทั้งหลายคิดจะเดินทางกลับ มันก็เป็นหยุนยี่ผู้นี้เองที่พูดขึ้นมาห้ามไว้
เพียงแค่ว่าคนที่ฟังเขานั้นมีน้อยเหลือเกิน
เมื่อเงียบไปพักหนึ่งหยางซวนก็ถามขึ้น “พี่หยุน ท่านคิดว่า… ปรมาจารย์เย่จะกลับมาได้หรือไม่?”
หยุนยี่ได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักหน่วงก่อนจะส่ายหัวออกมา “ให้พูดตรงๆ ข้าก็ไม่รู้!”
หยางซวนเบิกตากว้าง “ช-เช่นนั้นแล้วท่านยังคิดอยู่ต่ออีก?”
หยุนยี่ที่ได้ยินจึงยิ้มออกมา “หากเป็นห้าปีก่อนข้าคงยังมีความเชื่อมั่นว่าปรมาจารย์เย่จะกลับมาได้ แต่ตอนนี้มันก็ผ่านไปถึงสิบปีแล้ว ทางด้านนั้นเองก็บอกแล้วว่าร่างของปรมาจารย์เย่นั้นหมดลมหายใจไปนานแล้ว ไม่เหลือเศษเสี้ยวของชีวิตใดๆ เหตุผลที่ข้ายังอยู่ในตอนนี้มันก็เพราะว่าข้ารู้สึกได้ว่าปรมาจารย์เย่นั้นไม่ได้แค่คิดจะทดสอบเรา แต่นี่มันคือการสั่งสอนของเขาจริงๆ ตั้งแต่ที่มาถึงหอโอสถนี้ข้าได้รู้ว่าแท้จริงผู้คนยังสามารถบ่มเพาะเช่นนี้ได้ เรื่องราวที่เดิมทีข้าเคยมองข้ามไปนั้นมันมีมากล้น หยางซวน เจ้าเองก็คงรู้สึกได้เหมือนกันใช่ไหมเล่า?”
หยางซวนพยักหน้าออกมาอย่างจริงจัง “เป็นเช่นนั้นจริง! หอคอยระฟ้านั้นย่อมต้องถูกสร้างจากฐาน เราคิดว่าตนมีพรสวรรค์ด้านโอสถเหนือล้นแต่กลับไม่คิดสนใจว่ารากฐานจะหนักแน่นหรือไม่ ข้าคิดว่าที่ปรมาจารย์เย่เก่งกาจได้ปานนั้นตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้มันย่อมจะเป็นเพราะว่าเรื่องนี้อย่างแน่นอน ใช่ไหมเล่า?”
หยุนยี่พยักหน้ารับเพราะตัวเขาก็คิดเช่นนั้น
ในเวลาสิบปีมานี้เทพสวรรค์ดันหยู่ได้พยายามเรียกเขากลับบ้านไปหลายต่อหลายครั้งแต่ตัวเขาได้ปฏิเสธเสมอมา
เพราะเขานั้นกำลังรอ รอให้เกิดปาฏิหาริย์!
…
เทพสวรรค์เปียวหยูจ้องมองดูร่างของเย่หยวนภายในทะเลแห่งแนวคิดด้วยสายตาเปี่ยมอารมณ์
“เย่หยวน เจ้าจะตายลงจริงๆ หรือ? เทพสวรรค์ผู้นี้ไม่อยากเชื่อหรอกว่าเจ้าจะยอมตายลงง่ายๆ เช่นนี้ แต่… มันก็ผ่านมาถึงสิบปีแล้ว ทำไมเจ้ายังไม่ตื่นเสียทีเล่า?” เทพสวรรค์เปียวหยูถอนหายใจยาว
“หึๆ พี่เปียวหยูมาอีกแล้วหรือ? มันก็ผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว ท่านยังไม่ยอมแพ้อีกหรือ? เจ้าเด็กคนนี้มันถูกเต๋าสวรรค์ดูดกลืนไปแล้ว จิตศักดิ์สิทธิ์ของมันหายสิ้นไม่เหลือใดๆ แต่ท่านกลับยังคิดว่ามันจะกลับมาฟื้นได้?” เทพสวรรค์ออหยุนหัวเราะ
เทพสวรรค์เปียวหยูได้แต่ขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่าย “ออหยุน หลายปีมานี้เจ้ากลับไม่สนข้อตกลงของการประชุมยอดโอสถและแอบแย่งชิงพื้นที่ธุรกิจของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ เจ้าคิดว่าหอมหาสมบัติข้ามันอ่อนหัดปานนั้นหรือ?”
เทพสวรรค์ออหยุนจึงหัวเราะลั่นขึ้น “พี่เปียวหยูก็กล่าวไม่ถูก! ตอนนี้เย่หยวนมันได้ตายไปแล้ว ดินแดนที่เคยเป็นถิ่นของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ย่อมจะกลายเป็นแค่ดินแดนไร้เจ้าของ ดินแดนที่กว้างใหญ่เช่นนั้นหากเหล่านักยุทธไม่ได้โอสถแล้วมันจะไม่กลายเป็นหายนะของดินแดนนั้นหรือ?”
เทพสวรรค์เปียวหยูแทบจะลงมือออกไปด้วยความโกรธเคืองก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนแปลงไปพร้อมหันเข้าไปมองในทะเลแห่งแนวคิด
แต่ทางเทพสวรรค์ออหยุนนั้นกลับหัวเราะลั่นขึ้น “ฮ่าๆ! ในที่สุดทะเลแห่งแนวคิดก็สลายตัวลง! พี่เปียวหยู มันคงได้เวลาเข้าไปเก็บศพของเย่หยวนแล้ว”
ไม่ไกลออกไปตอนนี้ทะเลแห่งแนวคิดมันกำลังค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
คลื่นพลังอันมหาศาลของมันนี้ทำให้ทั้งจัตุรัสพึงสวรรค์ต้องสั่นสะท้าน
ตู้ม!
ในตอนนั้นเองที่ลมฟ้ามันเกิดแปรปรวนจนทุกสิ่งอย่างเริ่มมืดครึ้มลง
ในตำแหน่งที่มีทะเลแห่งแนวคิดอยู่นั้นเกิดลมพายุคลั่งขึ้นดูดกลืนพลังจากฟ้าดินเข้าไปภายในทะเลแห่งแนวคิดอย่างบ้าคลั่ง
คลื่นพลังงานฟ้าดินอันมหาศาลนี้มันได้ทำให้เกิดหมอกวิญญาณขึ้นกลายเป็นร่างของผู้คน!
และเจ้าพายุคลั่งนี้มันได้เกิดขึ้นโดนมีเย่หยวนเป็นศูนย์กลาง!
เทพสวรรค์เปียวหยูที่ได้เห็นก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นทันทีก่อนจะหัวเราะลั่นออกมา “เก็บศพ? ดูท่า… มันคงไม่จำเป็นแล้ว! ข้าว่าเจ้ารีบไปหาข้อแก้ตัวเตรียมบอกทางพันธมิตรไว้ดีกว่า!”
……………………