Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2104 รุนแรง
ชายหนุ่มผมแดงนั้นได้แต่เบิกตากว้างขึ้นด้วยความตื่นตกใจ “ช่างเป็นพลังเลือดกิเลนที่รุนแรงนัก! เจ้าหนุ่มคนนั้นมันย่อมจะต้องมีสมบัติเผ่ากิเลนเราติดตัวแน่!”
ที่ด้านข้างหญิงสาวรูปงามคนหนึ่งก็กล่าวขึ้นตาม “ข้าเองก็สัมผัสได้ พี่หยุน คนผู้นั้น… ดูเหมือนจะเป็นมนุษย์”
นั่นทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น “สมบัติเผ่ากิเลนข้าไปตกอยู่ในมือมนุษย์ได้อย่างไร? ไปกัน!”
พูดจบชายหนุ่มผมแดงก็พากลุ่มของตนเดินเข้ามาขวางทางพวกเย่หยวนทั้งสี่ไว้
เย่หยวนได้แต่ขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็น เพราะเขาไม่อาจจะจำได้เลยว่าไปหาเรื่องคนทั้งหลายนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อใด
ชายหนุ่มผมแดงนั้นร้องบอกด้วยสีหน้าราวกับตำรวจที่กำลังจะจับคนร้าย “มนุษย์ เจ้ามีสมบัติเผ่ากิเลนข้าอยู่กับตัว?”
เย่หยวนที่ได้ยินถึงกับต้องผงะหันไปมองรอบด้านพร้อมคิดถึงกระดูกจักรพรรดิกิเลนขึ้นมาทันที หรือว่าคนทั้งหลายนี้เองก็จะเป็นเผ่ากิเลน?
เผ่ากิเลนนั้นมีสายเลือดสูงส่งไม่ต่ำต้อยไปกว่าเผ่ามังกร พวกเขาทั้งหลายปกติเวลาแล้วย่อมจะไม่ออกมาเดินภายนอก ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนจะได้มาเจอพวกเขาในวันนี้
และดูท่าทางเผ่ากิเลนอาจจะมีวิชาลับบางอย่างที่ช่วยให้สัมผัสได้ถึงพลังของสายเลือดของเผ่าพันธุ์ตน มันจึงทำให้คนทั้งหลายนี้สัมผัสได้ถึงกระดูกจักรพรรดิกิเลนที่เย่หยวนมีติดตัว
แต่ต่อให้เขาจะเป็นเผ่ากิเลน การที่ถูกใครที่ไหนไม่รู้เดินเข้ามาหาเรื่องเช่นนี้พร้อมทำสีหน้าราวกับฝ่ายเย่หยวนไปทำอะไรผิดมา มีหรือที่เย่หยวนจะยอมพยักหน้าทำตามง่าย ๆ?
เย่หยวนคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในใจแต่ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเฉยชา “หากข้ามีแล้วทำไม? หากข้าไม่มีแล้วทำไม?”
ชายหนุ่มผมแดงนั้นจึงตอบกลับมาด้วยท่าทางพร้อมหาเรื่องคน “หึ! เช่นนั้นมันย่อมหมายความว่าเจ้ามีแล้ว! มีหรือที่สมบัติเผ่ากิเลนอันสูงส่งข้าจะไปตกอยู่ในมือมนุษย์ได้? รีบ ๆ ส่งมันออกมาเสีย!”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา ตรรกะเช่นนี้มันจะมีใครสามารถยอมรับได้?
“หึ ๆ หากข้าไม่ให้เล่า?” เย่หยวนยิ้มตอบ
ชายหนุ่มผมแดงจึงยิ้มออกมาอย่างเย็นเยือก “มนุษย์ เจ้าคงไม่รู้สินะว่าเผ่ากิเลนข้านั้นมีชื่อยิ่งใหญ่ปานใด? ต่อให้เป็นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็ยังต้องยอมเผ่ากิเลนข้าไม่น้อย! เจ้าถือดีครอบครองสมบัติเผ่ากิเลนเราไว้ เคยคิดถึงเรื่องที่จะตามมาบ้างหรือไม่? ข้าจะให้โอกาสเข้าอีกครั้ง! ส่งสมบัตินั้นออกมาเสียและก้มหัวลงยอมรับผิด ข้าจะถือว่าเรื่องมันจบกัน! ไม่เช่นนั้นแล้ว…หึ ๆ!”
ชายหนุ่มผมแดงจงใจพูดไม่จบประโยค แต่ความหมายของมันนั้นไม่ว่าจะเป็นใครก็คงเข้าใจ
เพียงแค่ว่าคำพูดทั้งหลายนั้น ยิ่งเย่หยวนได้ฟังเขาก็ยิ่งขำขึ้นในใจ
หรือว่าคนทั้งหลายนี้มันจะอยู่ในรูนานเกินไปจนสมองเพี้ยนไปหมดแล้ว?
เวลานี้กลางตลาดมันย่อมจะมีคนซื้อของอยู่มากมาย เมื่อได้เห็นว่ากำลังจะเกิดเรื่องมันจึงได้เกิดชาวมุงขึ้นล้อมรอบด้าน
แต่เมื่อพวกเขาทั้งหลายได้ยินว่าชายหนุ่มผมแดงนี้เป็นคนเผ่ากิเลนพวกเขาทั้งหลายก็แสดงสีหน้าตื่นตกใจออกมาตาม ๆ กัน
“ที่แท้พวกเขาเป็นเผ่ากิเลน! ปกติแล้วพวกเขานั้นอยู่ในโลกกิเลนเสมือนมิใช่หรือ? เหตุใดจึงออกมากัน?”
“ข้าได้ยินมาว่าเผ่ากิเลนนั้นมีพรสวรรค์เหนือล้ำอสูรเผ่าอื่น ในรุ่นระดับเดียวกันแล้วไม่มีใครเทียบเคียงพวกเขาได้ คนทั้งหลายนั้นจึงก้าวข้ามท้าทายผู้คนได้ง่ายดายเป็นปกติ!”
“เจ้าเด็กมนุษย์คนนั้นมันกลับไปทำให้เผ่ากิเลนไม่พอใจเสียแล้ว คงต้องเจ็บหนักแน่”
…
ในเผ่าอสูรนั้นมันจะมีความแตกต่างของเผ่าพันธุ์เป็นปกติ บางเผ่าจะเหนือล้ำกว่าเผ่าอื่น ๆ มาตั้งแต่เกิดเป็นธรรมดา
อย่างเย่หยวนนั้นมีเขาสามารถก้าวข้ามต่อสู้ผู้คนได้ง่ายดายมันก็เพราะว่าตัวเขานั้นมีวรยุทธบ่มเพาะของเผ่ามังกร
จากนั้นเขายังได้กายทองคำสัมบูรณ์ทำให้พลังฝีมือของเขาเหนือล้ำกว่าคนในรุ่นเดียวกันไปมาก
เผ่ากิเลนนั้นเองก็มีชื่อเสียงว่าไม่ด้อยไปกว่าเผ่ามังกร มีพลังฝีมือที่เหนือล้ำกว่าผู้คน
ดูท่าชายหนุ่มผมแดงผู้นี้คงมีพลังฝีมือระดับหกขั้นปลาย หากวัดเป็นพลังของฝั่งมนุษย์แล้วมันก็คงเหมือนดั่งเทพถ่องแท้แปดดาว เป็นพลังของยอดคนในระดับหก
ในสายตาของพวกเขาทั้งหลายนั้นเย่หยวนย่อมไม่อาจจะเทียบเคียงเขาได้
เพียงแค่ว่าแม้แต่พระโพธิสัตว์ก็ยังโกรธเป็น ชายหนุ่มผมแดงผู้นี้เดินมาหาเรื่องอย่างไรเหตุผลใด ๆ คิดให้เย่หยวนคุกเข่าขอขมา แน่นอนว่าทางเย่หยวนเองก็ย่อมจะไม่พอใจ
“เช่นนั้นหรือ? ข้าก็ไม่กลัวจะบอกหรอก ข้านั้นมีสมบัติเผ่ากิเลนอยู่จริง ๆ เพียงแค่ว่า…หากเจ้ามีปัญญาก็เข้ามาเอาเองสิ” เย่หยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ชายหนุ่มผมแดงนั้นไม่ได้คิดสนใจเย่หยวนแม้แต่น้อย เขาหันไปมองที่กู้หงที่เดินตามเย่หยวนมาก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้าคิดจะใช้เทพสวรรค์นี้ข่มขู่ข้า? หึ ๆ ลุงโหยวข้าก็เป็นเทพสวรรค์ ข้าว่าเขาเองก็คงไม่อ่อนแอไปกว่าเทพสวรรค์ของเจ้าหรอก”
ที่ด้านหลังของชายหนุ่มผมแดงนั้นมันมีร่างของชายวัยกลางคนจ้องมองมาอยู่ เพียงแต่ว่าตัวเขานั้นเก็บครอบพลังไว้คนทั้งหลายจึงมองไม่ออกว่าแท้จริงแล้วเขาเองก็เป็นเทพสวรรค์
เย่หยวนจึงได้ตอบกลับไปด้วยท่าทางขบขัน “ช่างปากมากเสียจริง! แค่ขยะอย่างเจ้าข้าจำต้องพึ่งพาใครด้วย?”
ชายหนุ่มผมแดงนั้นจึงหัวเราะลั่นออกมาทันทีที่ได้ยิน “ฮ่า ๆ…เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ข้าได้เห็นคนอวดดีต่อหน้าเผ่ากิเลนเช่นนี้ เด็กน้อย หากวันนี้ข้าไม่ฉีกปากของเจ้าออกเสีย วันหน้าใครจะมาเคารพเผ่ากิเลนเราอยู่เล่า?”
พูดจบชายหนุ่มผมแดงก็เริ่มใช้พลังสายเลือดออกมาอย่างบ้าคลั่ง
คลื่นพลังที่ถูกปล่อยออกมานี้มันแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเทพถ่องแท้เก้าดาวเสียด้วยซ้ำ
เมื่อทุกผู้คนได้เห็นพลังนั้นสีหน้าของพวกเขาก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป
ใคร ๆ ก็กล่าวกันว่าเผ่ากิเลนนั้นเก่งกาจ แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่ตำนานคนที่เคยได้เห็นจริง ๆ มันมีเพียงแค่หยิบมือ
แต่กำลังของชายหนุ่มผมแดงตรงหน้าพวกเขานี้มันเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกผู้คนยอมรับหมดใจ
ในเวลานี้ พวกเขาทั้งหลายได้เข้าใจพลังของเผ่ากิเลนแล้ว
ผมสีแดง ๆ ของชายหนุ่มเริ่มสะบัดไหวขึ้นราวกับเปลวเพลิง ก่อนที่มือทั้งสองข้างของเขาจะหมุนเป็นวงราวกับกำลังวาดกงล้อธรรมจักร
เขาหันไปมองที่เย่หยวนพร้อมกล่าวขึ้น “เด็กน้อย ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ส่งสมบัติเผ่ากิเลนมาแล้วคุกเข่าลงยอมรับผิดเสีย ข้าจะเว้นเจ้าจากโทษตายให้! ไม่เช่นนั้นแล้วเมื่อหมัดของข้าต่อยถูก ตัวเจ้าคงไม่อาจจะเหลือชีวิตรอดอีก!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ดูท่าพ่อแม่เจ้าจะไม่ได้สั่งสอนมาสินะว่าออกมาด้านนอกแล้วให้ทำตัวอย่างไร วันนี้ข้าจะถือเป็นธุระช่วยสั่งสอนแทนให้เอง”
ชายหนุ่มผมแดงนั้นจึงตอบกลับมาด้วยใบหน้าพร้อมรบ “เด็กน้อย เจ้ารนหาที่ตายเอง! อย่ามาว่าข้าเล่า! พรกิเลนไฟ!”
ชายหนุ่มผมแดงนั้นต่อยหมัดออกมาจนทำให้ถนนพื้นไหม้เป็นไฟ
กิเลนนั้นเป็นสัตว์เทวะธาตุไฟ พลังที่แสดงออกมานี้มันย่อมจะเหมาะสมกับชื่อนั้นอย่างยิ่ง
เวลานี้คลื่นพลังแนวคิดอันร้อนรุ่มได้เข้าห่อหุ้มร่างของเย่หยวนไว้อย่างไม่คิดเปิดโอกาสให้เขาหลบรอด
“เผ่ากิเลนเก่งกาจจริง ๆ หมัดนี้ต่อให้จะเป็นระดับขั้นสุดเองก็คงไม่อาจรอดไปได้ใช่ไหมเล่า?”
“วิชาสืบทอดเช่นนี้ เมื่อบ่มเพาะไปจนถึงที่สุดแล้วมันย่อมจะมีพลังถล่มฟ้าทลายดิน ทำเอาข้าอิจฉาเลยจริง ๆ!”
“เฮ้อ เจ้าเด็กคนนั้นเองก็นะ อีกฝ่ายแค่อยากได้สมบัติชิ้นเดียว แค่มอบออกไปก็จบแล้ว จะรนหาที่ตายไปทำไม?”
…
เสียงโห่ร้องเกิดขึ้นรอบด้าน พวกเขาทั้งหลายนั้นย่อมจะตื่นตะลึงกับหมัดนี้ของชายหนุ่มผมแดงมาก
และพร้อม ๆ กันนั้นพวกเขาทั้งหลายก็ได้แต่ต้องส่ายหัวออกมา คิดว่าเย่หยวนนั้นจะโอหังประเมินตนสูงจนเกินไป
เขานั้นไม่มีกำลังปกป้อง แต่กลับยอมกอดสมบัติจนตาย มันจำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น?
“เจ้าคิดว่ามีแค่ตนเองหรือที่มีพลังสายเลือด? เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้เห็นเองว่าสายเลือดกิเลนที่แท้มันเป็นอย่างไร!”
ปัง!
จู่ ๆ เย่หยวนก็ปล่อยคลื่นพลังออกมาจากร่างกลางวงล้อมของไฟนั้น มันเป็นพลังสายเลือดอันบ้าคลั่งมีพลังเหนือล้ำเสียยิ่งกว่าของชายหนุ่มผมแดง!
เมื่อคนจากเผ่ากิเลนทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาก็เบิกตากว้างตื่นตะลึงไปตาม ๆ กัน
กายทองคำสัมบูรณ์ระดับหกของเย่หยวนนั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่แสดงออกมาให้ใครเห็น หากไม่คิดจงใจเปิดเผยแล้วคนทั้งหลายย่อมไม่อาจจะรู้ถึงมัน
เพราะฉะนั้นในสายตาของคนทั้งหลายแล้วเย่หยวนจึงเป็นแค่มนุษย์เทพถ่องแท้หกดาวขั้นสุด มีหรือที่จะต้านทานพลังของชายหนุ่มผมแดงได้?
แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงการปะทุในครั้งนี้ มีหรือที่คนทั้งหลายจะยังยืนเฉยได้?
จากนั้นพวกเขาทั้งหลายก็ได้เห็นหมัดหนึ่งถูกปล่อยออกมาโดยไร้ซึ่งวิชาวรยุทธใด ๆ แต่หมัดนั้นมันกลับเปี่ยมไปด้วยพลังสายเลือดกิเลนล้นฟ้า!
ปัง!
เมื่อหมัดของคนทั้งสองปะทะเข้าหากัน ชายหนุ่มผมแดงก็ต้องถอยร่างกลับออกไปรับสิบก้าวกว่าที่จะยืนมั่นได้
ส่วนทางเย่หยวนนั้นยังคงยืนมั่นอยู่ที่เดิม!
ชายหนุ่มผมแดงนั้นเบิกตากว้างขึ้นมาก่อนจะมองดูเย่หยวนอย่างไม่คิดอยากเชื่อ “เป็นไปได้อย่างไร? พลังสายเลือดกิเลนของเจ้านั้นกลับแข็งแกร่งกว่าข้าเสียอีก!”
………………..