Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2113 ต่อให้เจ้าจะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ก็มิอาจห้ามข้า!
- Home
- Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ
- ตอนที่ 2113 ต่อให้เจ้าจะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ก็มิอาจห้ามข้า!
รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่หยวนพร้อมด้วยดาบกระดูกที่ถูกแทงออกไป
สิ่งที่ดาบนั้นปล่อยออกมามันคือคลื่นความตายอย่างแท้จริง
ฉีเจิ้นที่ได้เห็นถึงกับหน้าถอดสีไม่คิดไม่ฝันว่าเย่หยวนจะกล้าฆ่าสังหารเขาจริง ๆ
เจ้าบ้านี่มันไม่คิดถึงผลที่จะตามมาเลยหรือ?”
แต่ขณะที่เขากำลังคิดว่าตนจะตายลงแน่แล้วมันก็เกิดเส้นสายสีฟ้าสดพุ่งเข้ามาขวางหน้าฉีเจิ้นไว้ทำให้ดาบกระดูกของเย่หยวนไม่อาจจะขยับเคลื่อนไปได้อีก
นั่นทำให้ดวงตาของเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายต้องเบิกกว้างเพราะนี่มันคือลายพระเจ้า พลังของจักรพรรดิเทพสวรรค์
พลังเช่นนี้มันเหนือล้ำฟ้าดินแน่นอนว่าคนธรรมดาทั่วไปย่อมไม่อาจขัดขืนได้
เมื่อฉีเจิ้นได้เห็นลายพระเจ้านั้นเขาก็ได้รู้ทันทีว่าทางกงหยางเลี่ยคงไม่ปล่อยให้เขาถูกฆ่าลงไปตรงหน้าและอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ด้วยการขัดขวางของจักรพรรดิเทพสวรรค์นี้ ใครจะยังมาฆ่าสังหารเขาได้?
เย่หยวนหันไปมองกงหยางเลี่ยด้วยใบหน้าเย็นเยือก “เจ้าคิดจะหยุดข้า?”
กงหยางเลี่ยนั้นก้มหัวลงจรดพื้นพร้อมกล่าวขึ้น “ท่านรองมหาปราชญ์ ฉีเจิ้นนั้นมีตำแหน่งสูงส่งในเผ่ากิเลน เขาจะตายมิได้! หากเขาตายลงแล้วมันคงทำให้เผ่ากิเลนเดือดดาลขึ้นมาแน่ ถึงเวลานั้นแม้แต่ท่านมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็คงไม่อาจปกป้องท่านได้!”
เมื่อฉีเจิ้นได้ยินเขาก็รู้สึกเหมือนได้เชือกช่วยชีวิตไว้และร้องบอก “เย่หยวน ข้านั้นคือยอดอัจฉริยะการโอสถอันดับหนึ่งแห่งเผ่ากิเลน เป็นผู้สืบทอดของบรรพบุรุษท่านซื่อเฉิน! หากเจ้าสังหารข้าลงแล้วเจ้าจะต้องเสียใจ!”
เย่หยวนที่ได้ยินจึงหัวเราะขึ้น “ไม่ว่าอย่างไรนิสัยนี้ของเจ้ามันก็คงเปลี่ยนไม่ได้! ถึงเวลานี้แล้วเจ้ายังจะมาทำตัววางท่าข่มขู่ข้าอีก?”
เย่หยวนหรี่ตาลงหันไปมองกงหยางเลี่ยพร้อมกล่าว “เมื่อปราชญ์ผู้นี้ทำการใด มันก็ย่อมมิใช่สิ่งที่เจ้าจะมาแส่ได้! เจ้าคิดจะหยุดข้าแน่แล้ว?”
กงหยางเลี่ยหยุดพูดไปพักหนึ่งก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา “ท่านรองมหาปราชญ์ ที่ข้าทำนี้ก็เพื่อตัวท่านเอง ข้าเองก็ไม่อยากจะเป็นเผ่าอสูรตกสู่สภาวะสงครามภายใน ให้นายน้อยฉีเจิ้นรอดกลับไปแล้วจักรพรรดิผู้นี้จะยอมรับโทษทุกอย่างที่ท่านรองมหาปราชญ์สั่งเอง”
ในสายตาของกงหยางเลี่ยนั้นการฆ่าสังหารฉีเจิ้นลงมันย่อมเป็นเรื่องใหญ่โตมหาศาล
หากพวกเขาไปหาเรื่องเผ่ากิเลนเข้าแล้วและทำให้อีกฝ่ายออกมาสู่โลกภายนอกกันหมดสิ้นมันอาจจะทำให้เผ่าอสูรทั้งหลายต้องสั่นคลอน
แม้ว่านามรองมหาปราชญ์ของเย่หยวนมันจะใหญ่โต แต่สุดท้ายตัวเขาก็ยังเป็นแค่เทพถ่องแท้
กงหยางเลี่ยนั้นเคารพต่อมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลที่มอบนามนี้ให้เย่หยวน มิใช่เคารพต่อตัวเย่หยวนโดยตรง
กับตัวเย่หยวนแล้วกงหยางเลี่ยย่อมจะไม่ได้รู้สึกเคารพใด ๆ มากมาย
ไม่ว่าเย่หยวนจะมีความเก่งกาจมากมายปานใดสุดท้ายแล้วเขาก็ยังอยู่ในขั้นเติบโต เป็นแค่อัจฉริยะคนหนึ่ง
ไม่ว่าอย่างไรตัวเขาก็ย่อมแตกต่างจากจักรพรรดิเทพสวรรค์อย่างเขา
เย่หยวนที่ได้ยินก็หัวเราะขึ้นมาก่อนที่จะปลดปล่อยคลื่นพลังออกจากร่างกายรุนแรงขึ้น
เพียงแค่ว่าต่อหน้าพลังของจักรพรรดิเทพสวรรค์แล้ว เย่หยวนย่อมจะดูอ่อนแอไปถนัดตา
สุดท้ายดาบกระดูกของเขานั้นก็ไม่อาจจะขยับเคลื่อนได้
กงหยางเลี่ยได้แต่ส่ายหัวออกมา “ท่านรองมหาปราชญ์พอเถอะ กำลังของจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันมิใช่สิ่งที่ท่านจะเอาตัวไปเทียบได้! จักรพรรดิผู้นี้จะไม่ปล่อยให้ท่านลงมือทำเรื่องราวที่ใหญ่เกินแก้หรอก”
แต่ในเวลานั้นเองมันกลับเกิดลายสีฟ้าค่อย ๆ ไหลออกมาจากร่างกายของเย่หยวน
พร้อม ๆ กันนั้นดวงตาของเย่หยวนมันก็เริ่มสูญสิ้นอารมณ์กลายเป็นความเย็นเยือกไร้สุด
ภายใต้พลังของลายสีฟ้านี้ พลังที่กงหยางเลี่ยปล่อยออกมามันย่อมจะแตกสลายลงทันที!
กงหยางเลี่ยถึงกับต้องเบิกตากว้าง คิดอยากลงมืออีกครั้งแต่มันก็สายเกินไปแล้ว
ฉัวะ!
ดาบกระดูกที่จ่ออกของฉีเจิ้นอยู่ขยับออกไปอีกครั้งพุ่งผ่านทำลายอวัยวะภายในของฉีเจิ้นด้วยแนวคิดแห่งดาบที่แสนรุนแรง
พลังของเทพสวรรค์นั้นเหนือล้ำปานใด? แต่หากเทียบมันกับลายพระเจ้าแล้วเล่า?
จนถึงเวลาตายฉีเจิ้นเองก็ยังต้องเบิกตากว้างอย่างไม่คิดอยากเชื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้า
มีหรือที่เทพถ่องแท้คนหนึ่งจะทำลายลายพระเจ้าของจักรพรรดิเทพสวรรค์ไปได้?
ในเวลานี้จิตใจของเขามันจึงล้นเปี่ยมไปด้วยความเสียใจ
หากเขานั้นยอมก้มหัวให้เย่หยวนตามที่ควร เรื่องราวมันคงไม่จบลงเช่นนี้ใช่หรือไม่?
ศักดิ์ศรี สิ่งเดียวนี้ที่ทำให้เขาต้องตายลง
“นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไร? ท่านรองมหาปราชญ์…กลับสลัดลายพระเจ้าของท่านกงหยางลงได้”
“บนร่างท่านรองมหาปราชญ์นั้นมันคือสิ่งใด? หรือว่า…ลายพระเจ้า?”
“เทพถ่องแท้…ใช้ลายพระเจ้าได้อย่างไรกัน? หรือนี่ตาข้าฝาดไปแล้ว?”
…
ภายในโถงนั้นเกิดเสียงร่ำร้องขึ้นตาม ๆ กัน
ความตกตะลึงของพวกเขาทั้งหลายนี้มันเหนือล้ำจนไม่อาจทำใจเชื่อ
เพราะสิ่งที่ค่อย ๆ คืบคลานออกมาจากร่างของเย่หยวนนั้นมันคือลายพระเจ้า!
แต่เหตุใดลายพระเจ้าที่แม้แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์ครึ่งก้าวก็ยังไม่อาจใช้ได้มันกลับถูกเทพถ่องแท้ใช้ออกมากัน?
แน่นอนว่าคนที่ตกตะลึงที่สุดมันย่อมจะเป็นกงหยางเลี่ย
ตัวเขาที่เป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์นี้ย่อมจะเข้าใจถึงลายพระเจ้าดี
เพราะนี่มันคือพลังของเต๋าสวรรค์อย่างแท้จริง!
เมื่อก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้แล้วเท่านั้นที่คนผู้หนึ่งจะเริ่มบ่มเพาะลายพระเจ้าไว้ในตัวได้ ทำให้เกิดการโจมตีสะเทือนฟ้าดิน
แต่เย่หยวนที่เป็นแค่เทพถ่องแท้นี้กลับใช้ลายพระเจ้าออกมาได้?
เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกหล้า
ในเวลานี้เย่หยวนค่อย ๆ เก็บดาบกระดูกกลับไปและลุกดันตัวขึ้นพร้อมลายพระเจ้าที่จางหาย
ดวงตาของเขาในเวลานี้มันเย็นเยือกจนทำให้แม้แต่กงหยางเลี่ยก็ยังต้องสั่นสะท้าน
นี่มันคือสายตาอะไรกัน!
“เจ้า…เจ้ากลับใช้ลายพระเจ้าได้! นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?” กงหยางเลี่ยถามเย่หยวนขึ้นมาด้วยความมึนงง
ตอนนี้หัวใจของเขานั้นมันล้นเปี่ยมไปด้วยความไม่เข้าใจในทุกสิ่งอย่าง
“หากข้า เย่หยวนนี้ต้องการสังหารใคร มันก็ไม่มีใครจะห้ามข้าได้! ต่อให้เจ้าจะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ก็มิอาจห้ามข้า!” เย่หยวนคำรามบอกด้วยน้ำเสียงกึกก้อง
สภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันแทบจะกลายเป็นคนละคนกับก่อนหน้า
ตอนนี้ความผ่อนคลายสบาย ๆ บนสีหน้าของเขามันหายไปสิ้น สิ่งที่หลงเหลือไว้มันมีเพียงความเย็นเยือกถึงขั้นกระดูก
แต่ครั้งนี้มันต่างจากตอนที่เขาใช้ออกมาในสนามรบเทพโบราณ เพราะเย่หยวนในเวลานี้ยังพอจะแยกแยะเหตุผลผิดชอบได้
ด้วยประสบการณ์จากครั้งก่อนทำให้ครานี้เย่หยวนไม่ได้ใช้พลังของลายพระเจ้าออกมาอย่างเต็มที่
หากกงหยางเลี่ยไม่เข้ามายุ่ง ตัวเขาก็ไม่คิดจะใช้มันออกมาเสียด้วยซ้ำ
กงหยางเลี่ยหน้าซีดขาวลง เพราะในเวลานี้เขาก็รับรู้ถึงความจริงที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้แล้ว
มันเป็นเรื่องใหญ่แล้ว!
“เย่หยวน!”
กงหยางเลี่ยร้องลั่น “เจ้าคิดว่าแค่พวกเราเรียกเจ้าว่ารองมหาปราชญ์แล้วเจ้าจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบหรือ? เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าสร้างปัญหาใหญ่หลวงแค่ไหนขึ้นมา!”
เย่หยวนหันไปมองกงหยางเลี่ย “เจ้าคิดว่าที่ข้า เย่หยวนมายืนเป็นรองมหาปราชญ์ให้เจ้าได้ตรงนี้เพราะข้าพึ่งพาบารมีมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล? เจ้าคิดผิดมหันต์แล้ว! ฝ่ายที่พึ่งพาข้ามันคือมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล มิใช่ข้าไปพึ่งพาเขา!”
“โอหัง! ช่างโอหังนัก! ต่อให้เจ้าจะเป็นรองมหาปราชญ์เจ้าเองก็ไม่อาจจะเทียบเคียงมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลท่านได้ในเวลานี้ แต่สิ่งที่เจ้าทำในตอนนี้มันคือการลากทั้งเผ่าอสูรลงสู่ขุมนรก!” กงหยางเลี่ยร้องลั่น
เย่หยวนตอบกลับมาด้วยดวงตาเย็นเยือกนั้น “หากเผ่ากิเลนมันมา ข้าก็จะจัดการพวกมันลงเอง! พวกเจ้าไม่ต้องกังวลถือเป็นธุระของตนไป!”
พูดจบเย่หยวนก็เดินจากไปทิ้งคนทั้งหลายให้อ้าปากค้าง
ไม่มีใครคิดว่าเรื่องราวมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้ปานนี้
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้มันเกินมือกว่าที่จะแก้ไขใด ๆ ได้แล้ว
เมื่อได้เห็นเงาหลังของเย่หยวนเดินห่างออกไปทางกงหยางเลี่ยก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
เขาเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่าแม้ตัวเองจะลงมือหยุดแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถจะหยุดเย่หยวนได้
รองมหาปราชญ์ที่ท่านมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลแต่งตั้งขึ้นมาเองนี้มันไม่ธรรมดาเสียจริง ๆ!
…
ไม่นานนักฉีเฉินก็ได้รับรู้ถึงข่าวการตายลงของฉีเจิ้น ตัวเขาทั้งตื่นตะลึงและโกรธแค้น
“ซินหลัว เทพสวรรค์ผู้นี้จะไปฆ่าเย่หยวนมันบัดเดี๋ยวนี้ เจ้าอย่าได้คิดหยุดข้าอีก! ต่อให้มันจะเป็นรองมหาปราชญ์ใด ๆ การมาสังหารยอดอัจฉริยะโอสถของเผ่ากิเลนข้าเช่นนี้ มันก็จะต้องตายอย่างไม่มีที่กลบฝัง!” ฉีเฉินร้องบอกต่อหน้าซินหลัว
แต่ทางซินหลัวกลับแค่ส่ายหัวออกมาด้วยรอยยิ้มขื่นขม “ข้าไม่ห้ามหรอก เพียงแค่ว่าต่อให้เจ้าจะไป ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะสังหารท่านรองมหาปราชญ์ลงได้!”
………………