Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2128 เงื่อนไขการเป็นยอดคนที่แท้จริง
“จีโม เจ้าเดินทางไปอาณาจักรวิญญาณประจิมครานี้คิดอย่างไรบ้าง?” มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย
เมื่อเย่หยวนจัดการแก้หมากกระดานนั้นแล้วเสร็จทางจีโมก็รีบออกเดินทางกลับมาหามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลตามสั่งทันที
ในเวลานี้ศิษย์ทั้งสิบเอ็ดของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลต่างอยู่กันพร้อมหน้า
เพียงแค่ว่าสีหน้าของทุกผู้คนนั้นมันดูไม่สู้ดีนัก โดยเฉพาะมหานักบวชขนแดง
จีโมได้แต่ยิ้มตอบกลับมาอย่างอับอาย แต่เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงวงล้อหยินหยางของเย่หยวนแล้วตัวเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทางชื่นชมออกมา
เขานั้นก้มหัวลงตอบ “ท่านอาจารย์ จีโมเชื่อสนิทใจแล้ว! รองมหาปราชญ์นั้นเป็นยอดคนที่จะเติบใหญ่กลายเป็นมหาวีรบุรุษอย่างแน่นอนในวันหน้า!”
จีโมพูดออกไปด้วยท่าทางสุดเคารพ
น้ำเสียงของเขาที่พูดถึงเย่หยวนนั้นมันเหมือนเขากำลังพูดถึงผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง
หากผู้คนภายนอกมาเห็นท่าทางนี้ของมหานักบวชเคลื่อนดาราพวกเขาคงแทบจะเป็นลมแน่
ยี่หัวเราะลั่นตอบลับมาเมื่อได้ยิน “พวกเจ้าศิษย์พี่น้องทั้งหลายนี้ต่างล้วนวางตัวเหนือท่าน ไม่คิดยอมก้มหัวให้แก่ผู้คน นอกจากตัวอาจารย์นี้แล้วพวกเจ้าไม่เคยคิดยอมสยบให้ใคร ข้าไม่นึกเลยว่าออกไปครั้งนี้เจ้ากลับจะยอมคิดเคารพเย่หยวนขึ้นมา!”
จีโมได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ตอบกลับมา “หากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองแล้วข้าก็คงไม่คิดอยากเชื่อว่าโลกใบนี้มันจะมียอดคนมากพรสวรรค์เช่นนี้อยู่! รองมหาปราชญ์ท่านนั้นเกิดมาเพื่อเต๋าโอสถ เวลาแค่พันกว่าปีหลังจากลืมตาดูโลกก็สามารถก้าวขึ้นมาได้ถึงระดับนี้และเริ่มเข้าถึงแก่นแท้ของเต๋า ใครได้เห็นก็คงต้องยอมรับชื่นชมสิ้น!”
เรื่องราวครึ่งปีที่ผ่านมานี้จีโมรู้สึกราวกับว่ามันยังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าตน
แต่ละดัชนีที่เย่หยวนชี้ออกมานั้นมันเหมือนชี้ลงกลางจิตวิญญาณของตัวเขา
ยี่ยิ้มออกมาพร้อมหันหน้าไปหามหานักบวชขนแดง “หยานหุย เจ้ายัง…คิดไม่พอใจอยู่อีกหรือไม่?”
มหานักบวชขนแดงได้แต่ก้มหัวลงด้วยท่าทางอับอาย “กราบเรียนท่านอาจารย์ หยานหุย…ยอมรับแล้ว! เพียงแค่ว่าหยานหุยไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดตัวเขาที่เป็นแค่นักบวชหกดาวถึงได้เก่งกาจปานนี้?”
ยี่หุบยิ้มลงก่อนจะตอบ “แท้จริงแล้วเรื่องราวในครั้งนี้มันก็ทำให้อาจารย์ของเจ้าตื่นตะลึงอยู่ไม่น้อย! เมื่อของอย่าถามนี้อาจารย์เจ้าเองก็ศึกษามันมานับสินล้านปีแต่ก็ยังไม่อาจจะหลอมรวมเต๋าให้เป็นหนึ่ง แต่ตัวเขา…กลับทำได้! ดูท่าแล้ววันที่อาจารย์เจ้าจะได้ประลองกับเขามันคงมาถึงในไม่ช้านี้!”
ตอนที่ตัวเขาสั่งจีโมให้เอาอย่าถามออกไปนั้น ตัวยี่เองก็ไม่ได้คิดว่าเย่หยวนจะคลายปริศนาอันนี้ลงได้
ต่อให้มันจะมีพลังแค่ครึ่งหนึ่งแต่การคลายปริศนานั้นมันก็มิใช่สิ่งที่พลังของเย่หยวนในเวลานี้จะทำได้เลย
แต่เย่หยวนกลับทำให้เขาต้องตื่นตะลึงสุดหัวใจ
เพราะเย่หยวนนั้นกลับแก้ปริศนาสิบล้านปีนี้และสร้างโลกใบใหม่ขึ้นมา
มันเป็นผลลัพธ์ที่ทำให้โลกต้องตะลึง
แน่นอนว่าตัวเขา มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนี้เองก็เช่นกัน
“หรือว่าแท้จริงเขาจะมีความเข้าใจต่อเต๋าโอสถที่เหนือล้ำท่านอาจารย์ไปแล้ว?” หยานหุยบอกขึ้นมาด้วยใบหน้ามึนงง
ยี่ที่ได้ยินก็ส่ายหัวกลับมา “การจะเหนือล้ำอาจารย์เจ้าไปนั้นมันย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ การที่เขาทำเรื่องราวได้ถึงขั้นนี้เองมันก็มีเทคนิคทุ่นแรงเล็กน้อยมากมายแฝงไว้ด้วย แต่สิ่งที่แน่นอนคือเวลานี้ตัวเขาได้เลือกเดินเส้นทางเต๋าของตนเองแล้ว นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด!”
“เส้นทางเต๋าของตนเอง?” ศิษย์ทั้งหลายต่างหันมาสนใจคำพูดนี้
ยี่จึงได้ยิ้มตอบกลับไป “ตอนนั้นที่พวกเจ้าทั้งหลายเข้าท้าทายอย่าถาม พวกเจ้าต่างยอมก้มหัวเป็นแค่หมากตัวหนึ่งภายใต้การควบคุมของข้านี้ นั่นมันย่อมจะหมายความว่าพวกเจ้านั้นได้เลือกเดินตามเส้นทางที่อาจารย์เลือกไว้ให้ เพราะฉะนั้นต่อให้เวลาจะผ่านไปนับล้าน ๆ ปี เส้นทางเดินของพวกเจ้ามันก็จะเป็นแค่เส้นทางที่แยกออกไปจากเส้นทางของอาจารย์เท่านั้น หากคิดอยากก้าวไปให้เหนือล้ำกว่าอาจารย์แล้วมันย่อมจะเป็นไปไม่ได้! และหากมองดูทั่วมหาพิภพถงเทียนนี้ยอดคนที่แท้จริงผู้ยืนเหนือล้ำโลกนั้นต่างก็มีเส้นทางเต๋าของตนเองทั้งสิ้น”
เมื่อเหล่าศิษย์ทั้งหลายได้ยินพวกเขาก็ได้แต่หน้าเปลี่ยนสีไปตาม ๆ กัน
เพราะนี่มันเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินถึงเงื่อนไขในการเป็นยอดคนเหนือฟ้าอย่างแท้จริง
คำพูดของยี่นี้มันทำให้เกิดคลื่นความลังเลขึ้นมาในใจพวกเขาทั้งหลาย
หลายต่อหลายปีมานี้พวกเขาต่างก้มหัวกราบอาจารย์เป็นเหมือนเทพเจ้า แต่วันนี้พวกเขากลับได้รับรู้ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาทำได้แค่เดินตามรอยเท้าอาจารย์
“อาจารย์ เรื่องนี้…” ศิษย์พี่ใหญ่เลี่ยหยูร้องขึ้นมาด้วยท่าทางลังเล
เมื่อยี่ได้ยินจึงหันหน้าไปบอก “อาจารย์เจ้ารู้ดีว่าพวกเจ้าคิดอะไรกันอยู่ แต่เรื่องนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้! เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะมีความกล้าพอที่จะทิ้งสิ่งที่เรียนรู้มาทั้งหมดและไปเริ่มต้นเส้นทางใหม่ของตน!”
เลี่ยหยูผงะไปทันทีก่อนจะต้องถอนหายใจยาวออกมา
ยี่ยิ้มขึ้น “พวกเจ้าคงโทษอาจารย์ที่ไม่ยอมบอกแต่เนิ่น ๆ แล้ว?”
เลี่ยหยูรีบบอกปัดทันที “ศ-ศิษย์ไม่กล้า!”
ถึงปากจะพูดเช่นนั้นแต่หัวใจของพวกเขาทั้งหลายต่างก็เกิดความลังเลสงสัยขึ้นตาม ๆ กัน
ยี่เองก็ย่อมจะเข้าใจถึงมันได้และพูดกล่าวออกมา “ยอดคนที่อยู่เหนือล้ำสวรรค์ทั้งหลายนั้นพวกเจ้าคิดว่าในมหาพิภพถงเทียนนี้มันจะมีสักกี่คน? ตั้งแต่วันที่พวกเจ้ายอมก้มหัวให้แก่อย่าถาม เส้นทางชีวิตของพวกเจ้ามันก็ได้ถูกกำหนดลงแล้ว หากคิดอยากเป็นยอดคนที่แท้พวกเจ้าต้องมีทั้งความดื้อรั้น เจตจำนงแรงกล้า พรสวรรค์ จะขาดสิ่งใดไปไม่ได้! พวกเจ้าลองถามตนเองเถอะว่าหากได้มีโอกาสใช้ชีวิตอีกครั้งเจ้าจะก้าวไปถึงจุดที่เย่หยวนยืนได้หรือไม่?”
เหล่าศิษย์พี่น้องทั้งหลายได้แต่หันไปมองหน้ากัน จนสุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งหลายต่างก็ได้แต่ก้มหัวยอมรับอย่างพร้อมเพรียง
เพราะคำตอบที่ออกมามันคือ ไม่มีทาง
พวกเขาเข้าใจอย่าถามดี!
หากไม่ยอมก้มหัว มันก็คือความตาย!
เจตจำนงของยอดคนนั้นมันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจต้านได้
แต่เย่หยวนกลับทำได้!
เวลาหลายสิบล้านปีมานี้มันมีเพียงแค่เย่หยวนเท่านั้นที่สามารถขึ้นมานั่งแทนที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลและท้าทายอย่าถามอย่างแท้จริง ขึ้นไปนั่งเผชิญหน้ากับโอสถบรรพกาล
แค่เรื่องนี้พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าตนเองไม่อาจจะก้าวเหนือล้ำไปได้
ส่วนการท้าทายอย่าถามครั้งที่สองนั้นเย่หยวนก็ยิ่งทำให้เกิดเรื่องสะเทือนฟ้าดิน เผชิญหน้ากับเจตจำนงของสองยอดคนด้วยตัวคนเดียว เรื่องนั้นมันเหนือล้ำเสียยิ่งกว่าที่พวกเขาจะคาดคิดถึง
เวลานี้พวกเขาจึงได้แต่ถูกทิ้งห่างไว้อย่างไม่เห็นฝุ่นเสียด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงเป็นรองมหาปราชญ์ได้ ส่วนพวกเขาไม่อาจเป็น!
ความหมายของยี่นั้นมันง่ายดาย นั่นก็คือพวกเขาขาดพรสวรรค์ที่จะเป็นยอดคนอย่างแท้จริงนั่นเอง
แค่ก้าวขึ้นมาถึงจุดที่ยืนในทุกวันนี้ได้มันก็นับว่ามีโชคแล้ว
ยอดอัจฉริยะมันมีมากมายในโลกหล้านี้ แต่คนที่จะเดินเส้นทางหาเต๋าของตัวเองได้จนกลายเป็นยอดคนที่แท้นั้นมันย่อมมีอยู่เพียงแค่หยิบมืออย่างแท้จริง
“คิดเดินตามเส้นทางเต๋าผู้อื่นมันง่าย! แต่การจะบุกเบิกเส้นทางเต๋าของตนเองนั้นมันสุดแสนจะยากเย็น! การที่อาจารย์ของเจ้าก้าวเดินมาถึงจุดนี้ได้มันก็ย่อมจะต้องได้พบเจอเรื่องราวที่พวกเจ้าไม่อาจคาดคิดและการที่เย่หยวนจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ด้วยอายุเพียงเท่านี้มันย่อมจะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าชีวิตของเขานั้นมันต้องเจอเรื่องราวเหนือล้ำเสียยิ่งกว่าเหล่ายอดคนทั้งหลายในมหาพิภพถงเทียนนี้เสียอีก!” นี่กล่าว
จีโมเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะถามขึ้น “เช่นนั้นแล้วกงล้อหยินหยางของเย่หยวนนั้นคือเต๋าของเขา?”
ยี่พยักหน้ารับ “แม้ว่าเต๋าของเขามันจะเพิ่งอยู่ในช่วงตั้งต้นแต่เจ้ากงล้อหยินหยางนั้นมันก็ทำให้อาจารย์รู้สึกดั่งได้นั่งอยู่กลางทะเลลึก เต๋ายุทธนั้นมันยากเย็นแต่เต๋าโอสถนั้นยากกว่า! ที่สำคัญไปกว่านั้นข้ายังรู้สึกได้ว่าอนาคตวันหน้าของเย่หยวนจะก้าวล้ำเหนือเสียยิ่งกว่าตัวข้าหรือตัวโอสถบรรพกาลด้วยซ้ำ!”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่ได้ยินต่างสั่นสะท้านไปทั้งกายใจ ได้แต่มองดูใบหน้าของอาจารย์อย่างไม่คิดอยากเชื่อ
การคาดเดานี้มันสูงล้ำเกินไป!
เพราะตัวโอสถบรรพกาลนั้นอยู่ห่างจากอาณาจักรเต๋าบรรพกาลแค่เส้นผม
หรือเวลานี้อาจารย์ของพวกเขากำลังจะบอกว่าวันหน้าเย่หยวนจะก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรเต๋าบรรพกาลได้?
หยานหุยได้แต่กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าสั่นเทา “เช่นนั้นแล้ว มันจะไม่เป็นการเลี้ยงศัตรูไว้ในบ้านหรือท่านอาจารย์?”
“ฮ่า ๆ ๆ …เลี้ยงศัตรูไว้ในบ้าน? ทุกผู้คนต่างคิดหวาดกลัวการแพ้พ่าย ยิ่งเก่งกาจก็ยิ่งเกรงกลัวจะผิดพลาด! แต่คนทั้งหลายคงลืมไปว่าความผิดพลาดนี่แหละคือต้นตอแห่งความสำเร็จของตน! โอสถบรรพกาลนั้นกลัวที่จะแพ้จึงได้พยายามกดดันข้ามาตลอด เขาจึงต้องเสียกำลังความคิดไปกับข้าอย่างไรประโยชน์ ไม่คิดให้ข้าได้เงยหน้าสู้ แต่เมื่อขึ้นมาถึงระดับของอาจารย์เจ้านี้ คิดอยากจะพัฒนามันสุดแสนยากเย็น! ที่อาจารย์เจ้าต้องการคือคู่ปรับ คือศัตรู! ที่สำคัญความพ่ายแพ้นั้นอาจารย์เจ้าอยู่กับมันมานับสิบ ๆ ล้านปี! ต่อให้ข้าจะแพ้พ่ายแก่เย่หยวนอีกสักคนมันจะเป็นไรไป? สุดท้ายเขาก็คงต้องไปท้าทายโอสถบรรพกาลต่อ! ถึงเวลานั้นได้เห็นฝ่ายใดแพ้มันก็เป็นเรื่องสุดแสนจะชื่นบาน เหตุใดข้าต้องหวาดกลัวใด ๆ ด้วย?” ยี่หัวเราะลั่น
………………