Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2129 เมืองบูรพาโลกเสมือน
“ไม่ได้! เจ้าจะไปกราบเขาเป็นอาจารย์ไม่ได้! หากเจ้าไปกราบเขาเป็นอาจารย์แล้วข้าก็ต้องกลายเป็นคนรุ่นหลังเขาไปสิ?”
“ข้าต้องกราบรองมหาปราชญ์เป็นอาจารย์ให้ได้! โอกาสนี้พลาดไปแล้วชาตินี้คงไม่อาจหาได้อีก!”
“ข้าบอกว่าไม่ ก็คือไม่! หากเจ้ายังคิดไปกราบเขาอีกข้าจะร้องไห้จริง ๆ แล้วด้วย!”
“เจ้านี่มันรั้นไม่ยอมหยุดเสียที!”
“เจ้าต่างหากที่ไม่ยอมฟังเหตุผล! หึ่ม!”
ภายในวิหารนักบวชนั้นมีสองเงาร่างกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่อย่างดุดัน หนึ่งพยายามรั้งหนึ่งพยายามไป แน่นอนว่าทั้งสองนี้คือหลงเสี่ยวไห่และหลงเสี่ยวฉุนสองพี่น้องแล้ว
ส่วนที่ด้านหลังของคนทั้งสองนั้นมีหลงฉือกำลังยืนส่ายหัวอยู่
หลงเสี่ยวฉุนนางนี้ช่างน่าปวดหัวจริง ๆ
ซินหลัวนั้นออกมาจากโถงในเพื่อต้อนรับแขก แต่เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าตัวเขาก็อดไม่ได้ที่อมยิ้มออกมา “โปรดรอสักครู่ เวลานี้ท่านฉือเซียวกำลังปรึกษาขอความรู้จากท่านรองมหาปราชญ์อยู่ อีกไม่นานท่านรองมหาปราชญ์คงออกมาพบพวกท่านได้”
หลงฉือพยักหน้ารับ
ตัวเขานั้นเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์แน่นอนว่าย่อมจะไม่คิดวางตัวสุภาพใด ๆ ต่อหน้าซินหลัว
เวลานี้เย่หยวนได้ย้ายเข้ามาอยู่ภายในวิหารนักบวชประจำเมืองและมีเหล่านักบวชทั้งหลายคอยรับใช้บูชาราวกับเขาเป็นเทพเจ้า
ทุก ๆ วันจะมีเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเข้ามาพบปะเขาเสมอด้วยท่าทางสุดเคารพ
ฉือเซียวเองก็เป็นหนึ่งในคนทั้งหลายนั้น ตัวเขาทิ้งศักดิ์ศรีใด ๆ ที่เคยค้ำคอและเข้ามาขอความรู้จากเย่หยวนทุก ๆ วัน ถามถึงความรู้ด้านโอสถที่ตนยังไม่เข้าใจ
และในทุก ๆ วันเขาจะได้กลับไปพร้อมความรู้ล้นสมอง
ไม่นานนักเย่หยวนก็ได้เดินออกมาจากโถงในโดยมีฉือเซียวและกู้หงสองเทพสวรรค์นั้นเดิมตามมาด้วยท่าทางราวคนรับใช้
เมื่อหลงเสี่ยวฉุนได้เห็นเย่หยวนนางก็รีบพุ่งตัวเข้ามาชี้หน้าเย่หยวนทันที “เย่หยวน เจ้าห้ามรับพี่เสี่ยวไห่เป็นศิษย์นะ! ไม่เช่นนั้นแล้วเราสองคนขาดกัน!”
เย่หยวนได้แต่ยืนงงอยู่ตรงนั้นอย่างไม่เข้าใจว่านางกำลังว่ากล่าวเรื่องใด
แต่หลงเสี่ยวไห่ก็วิ่งตามมาดึงตัวหลงเสี่ยวฉุนไปทันทีก่อนจะกล่าวว่าขึ้น “เสี่ยวฉุน เจ้าอย่าได้มายุ่ง! ท่านรองมหาปราชญ์ หลงเสี่ยวไห่คิดอยากกราบท่านเป็นอาจารย์!”
พูดไปหลงเสี่ยวไห่ก็ก้มหัวลงคุกเข่ากราบเย่หยวน
เย่หยวนที่ได้เห็นต้องรีบเข้าไปประคองตัวเขาทันที “พี่เสี่ยวไห่อย่าได้ทำเช่นนี้! หากท่านมีเรื่องใดสงสัยในการโอสถก็มาถามมาคุยกับข้าเอาเถอะ แต่อย่าได้พูดถึงเรื่องการกราบอาจารย์ใด ๆ เลย เย่ผู้นี้นับท่านและเสี่ยวฉุนนั้นเป็นดั่งพี่น้อง มีหรือที่จะรับพี่น้องเป็นศิษย์ได้? ที่สำคัญไปกว่านั้นอย่าได้เรียกข้าว่ารองมหาปราชญ์ใด ๆ อีกเลย แค่เรียกนามของข้าก็พอแล้ว”
หลงเสี่ยวฉุนที่ได้ยินก็รีบเข้ามาตบบ่าของเย่หยวนทันทีด้วยเสียงหัวเราะ “ฮ่า ๆ เจ้าเข้าใจข้าจริง ๆ! หากหลงเสี่ยวไห่นี้กราบเจ้าเป็นอาจารย์แล้ว ข้าก็คงได้กลายเป็นคนรุ่นหลังเจ้ากันพอดีใช่หรือไม่? เจ้าได้ยินหรือไม่หลงเสี่ยวไห่?”
เย่หยวนเองก็ไม่รู้ต้องตอบอย่างไร ความคิดของนางผู้นี้มันแปลกกว่าผู้คนจนเกินกว่าจะเข้าใจจริง ๆ
หลงเสี่ยวไห่ร้องขัดขึ้นมาด้วยท่าทางหนักใจ “แต่…อีกไม่นานเราจะต้องกลับไปยังเผ่ามังกรแล้ว! ถึงเวลานั้นข้าจะมาหาท่านได้อย่างไรเล่า?”
ตอนนี้หลงฉือที่เงียบอยู่นานก็ทำใจได้ ก้มหัวลงต่อเย่หยวนในที่สุด “หลงฉือขอคารวะท่านรองมหาปราชญ์”
เขานั้นไม่สนใจซินหลัวได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่หยวนผู้ยืนอยู่เคียงทั้งมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลและโอสถบรรพกาลแล้ว ตัวเขาก็ได้แต่ต้องเก็บศักดิ์ศรีของจักรพรรดิเทพสวรรค์ใด ๆ ลงกระเป๋า
เมื่อได้เห็นความสามารถของเย่หยวนนี้ต่อให้จะเป็นหลงฉือหรือฉีซือซูก็ต่างต้องเข้าใจความสำคัญของเย่หยวนต่อมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล
หากมันเกิดเรื่องร้ายใด ๆ ต่อเย่หยวนขึ้น ทางมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลคงไม่พอใจพร้อมที่จะประกาศสงครามศักดิ์สิทธิ์ในทันทีแน่!
เรื่องเช่นนั้นมันไม่มีใครจะทนรับได้
เพราะฉะนั้นแม้ทางเผ่ากิเลนจะอยากได้กระดูกจักรพรรดิกิเลนจนตัวสั่น แต่ก็ยังไม่อาจจะกล้าทำอะไรเย่หยวนอีก
ส่วนเรื่องการตายของฉีเจิ้นใด ๆ นั้นมันย่อมจะไม่มีค่าอีก
มีหรือที่จะเอาคนอย่างฉีเจิ้นมาเทียบเคียงกับรองมหาปราชญ์แห่งเผ่าอสูรได้?
เย่หยวนพยักหน้ารับออกมา “จักรพรรดิเทพสวรรค์หลงฉือท่านสุภาพเกินไปแล้ว เชิญนั่งเถอะ”
ทุกผู้คนจึงได้ค่อย ๆ จัดแจงที่นั่งแขกและเจ้าบ้านลงโดยทางฉือเซียวนั้นได้จัดที่นั่งของตนไม่ต่างจากกู้หง เขายืนรับใช้อยู่ที่ด้านข้างของเย่หยวนเหมือนเป็นศิษย์คนหนึ่ง
“จักรพรรดิเทพสวรรค์หลงฉือ ท่านเองเดินทางมาถึงวิหารนักบวชนี้เองก็คงมีเรื่องสำคัญจะถามเย่ผู้นี้ใช่หรือไม่?” เย่หยวนถามด้วยรอยยิ้ม
หลงฉือหรี่ตาลงก่อนจะพยักหน้ารับ “รองมหาปราชญ์นั้นใช้เจตจำนงกิเลนออกมาจากกระดูกจักรพรรดิกิเลนที่ท่านพกติดตัว มันไม่แปลกใด ๆ แต่เจตจำนงมังกรฟ้านั้น…มันมาจากไหนกัน?”
หลายวันมานี้หลงฉือย่อมจะติดใจสงสัยเรื่องนี้อย่างมาก
เพราะเย่หยวนนั้นกลับใช้เจตจำนงมังกรฟ้าที่บริสุทธิ์ขนาดนั้นออกมาได้ทั้งยังมีวิชาวรยุทธเผ่ามังกร หรือว่าแท้จริงเขาจะเป็นสมาชิกเผ่ามังกรแล้ว?
เจตจำนงมังกรฟ้าที่เย่หยวนปล่อยออกมานั้นมันแตกต่างจากเจตจำนงกิเลนสิ้นเชิง!
เพราะเจตจำนงมังกรฟ้านั้นมันถูกปล่อยออกมาจากจิตวิญญาณมังกร
ในเวลานั้นที่มังกรร่ำร้องพุ่งทะยานฟ้า ในฐานะคนเผ่ามังกรแล้วหลงฉือย่อมจะสัมผัสถึงมันได้อย่างชัดเจน!
เย่หยวนยิ้มตอบกลับมา “หากข้าบอกว่าข้านั้นเป็นคนเผ่ามังกรท่านจะเชื่อหรือไม่?”
หลงฉือเบิกตากว้างร้องตอบกลับมาอย่างมึนงงสงสัย “รองมหาปราชญ์อย่าได้ล้อเล่น มันจะ…ท่านจะเป็นมังกรไปได้อย่างไร?”
เย่หยวนส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยิน “ข้าไม่ได้ล้อเล่นใด! เย่ผู้นี้มีฤทัยแห่งฟานจู้หลง ที่สำคัญมันยังตื่นขึ้นมากว่าครึ่งแล้ว ทั้งวรยุทธบ่มเพาะหรือวรยุทธต่อสู้เผ่ามังกรล้วนมิใช่ความลับใด ๆ ต่อข้าเลย”
หลงฉือสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างไม่คิดอยากเชื่อ “ฤทัยแห่งฟานจู้หลง! ท่านกลับมีฤทัยแห่งฟานจู้หลง! แม้แต่ในเผ่ามังกรเองฤทัยแห่งฟานจู้หลงเองก็ยังเกิดขึ้นได้แค่หนึ่งในล้าน! เช่นนั้นแล้ว…ท่านเป็นสมาชิกเผ่ามังกรจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “แท้จริงอย่างแน่นอน!”
หลงฉือตื่นตะลึงอย่างมาก ฤทัยแห่งฟานจู้หลงนั้นมันเป็นจิตวิญญาณมังกรอันยิ่งใหญ่
รองมหาปราชญ์ผู้นี้มิใช่แค่มีวิชาเหนือโลกหล้า แต่เขายังมีจิตมังกรที่เหนือล้ำกว่าเผ่ามังกรทั้งหลาย เป็นตัวตนที่รวบรวมโชคชะตาไว้อย่างแท้จริง!
ตอนนี้แม้แต่หลงเสี่ยวฉุนก็ยังได้แต่อ้าปากค้างมองดูเย่หยวนอย่างไม่คิดอยากเชื่อสายตา
“จ-จ-เจ้า…เจ้ากลับมีฤทัยแห่งฟานจู้หลง! นี่มันสุดยอดของสุดยอดสมบัติสืบทอด ตราบเท่าที่เจ้าปลุกมันขึ้นไปเรื่อย ๆ เจ้าก็จะมีกำลังเหนือฟ้าดินอย่างไม่ต้องบ่มเพาะใด ๆ เลย!” หลงเสี่ยวฉุนร้องขึ้น
“ข้าแค่ไม่ทราบว่า…บรรพบุรุษของท่านรองมหาปราชญ์เป็นใครกัน เผ่ามังกรเรานั้นเก็บตัวตัดขาดจากโลกภายนอกมาแสนนาน ข้าไม่เคยได้ยินเลยว่ามีใครออกไปใช้ชีวิตนอกโลกเสมือน” หลงฉือบอกขึ้น
เย่หยวนที่ได้ยินก็ส่ายหัวออกมาตาม “เรื่องนั้นข้าก็ไม่ทราบได้ ความทรงจำที่ข้าได้รับสืบทอดมามันไม่มีเรื่องราวนั้นอยู่เลย บางทีมันอาจจะถูกฝังไว้ในความทรงจำช่วงสุดท้าย แต่…ข้าคิดว่าบรรพบุรุษของข้านี้คงไม่ได้เป็นเกินกว่าเทพสวรรค์แน่ คงมิใช่ยอดคนที่ใดมา”
เพราะหลังจากปลุกระดับหกให้ตื่นขึ้นได้เย่หยวนก็รู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณมังกรของเขานั้นมันกลับจะถึงขั้นสุดเต็มที
จากที่คาดเดา ปลุกขึ้นอีกครั้งมันก็คงถึงขีดจำกัดแล้ว
ที่สำคัญมังกรที่จะมาติดตามจอมเทพสวรรค์นิรันดร์นั้นมันย่อมจะไม่มีทางมีฝีมือเหนือล้ำกว่าตัวเขา
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียจอมเทพสวรรค์นิรันดร์ก็เป็นแค่เทพสวรรค์ขั้นสุด
หากเป็นเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ของเผ่ามังกรจริง พวกเขาก็คงไม่คิดจะหันมาสนใจจอมเทพสวรรค์นิรันดร์ใด ๆ แน่
ที่ด้านข้างหลงเสี่ยวไห่นั้นเบิกตากว้างกล่าวพรวดขึ้น “เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร? พี่เย่เดินทางไปเมืองบูรพาโลกเสมือนกับเราสิ! บางทีหลังไปเจอเผ่ามังกรแล้วท่านอาจจะได้เจอต้นกำเนิดตระกูลของตน ที่สำคัญระหว่างทางเรายังจะได้คุยเรื่องเต๋าโอสถไปด้วย”
เมื่อหลงเสี่ยวฉุนได้ยินข้อเสนอนี้นางก็รีบปรบมือขึ้นเสริม “ดี ๆ ๆ! ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดครั้งแรกที่ข้าเห็นเย่หยวนมันก็เหมือนได้เห็นพี่น้อง บางทีแล้วเราอาจจะมีสายเลือดใกล้เคียงกันก็ได้นะ?”
แต่หลงฉือนั้นกลับหรี่ตาลงทันทีด้วยท่าทางเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ต้องกลืนมันลงคอไป
ให้คนแปลกหน้าไปยังเผ่ามังกร มันเป็นเรื่องที่เขากังวลไม่น้อย
แต่เมื่อเย่หยวนได้ยินข้อเสนอนี้เขาก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นทันที
เพราะตัวเขาเองก็สงสัยในที่มาของตนไม่น้อย เพียงแค่ว่าที่อยู่ของสี่สัตว์เทวะนั้นมันเป็นสิ่งที่แม้แต่หวู่เฉินเองก็ยังไม่อาจทราบได้
มันเหมือนว่าหวู่เฉินนั้นถูกลบล้างความทรงจำส่วนนี้ออกไป
ดูท่าแล้วจอมเทพสวรรค์นิรันดร์คงยังมีความลับเก็บซ่อนไว้อีกมากมาย
…………….