Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2133 เลิกทำตัวอับอายขายขี้หน้าเสียที!
หลงหยู่นั้นได้แต่ยืนนิ่งไม่อาจจะตัดสินใจลงได้
ในเวลานี้เองที่มันปรากฏอีกเงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากความว่างเปล่า
เมื่อได้เห็นผู้มาถึงหลงหยู่ก็เหมือนได้เห็นเรือช่วยชีวิตรีบร้องเรียกเขาขึ้นทันที “ท่านพ่อ!”
ผู้มาถึงนี้มันคือจักรพรรดิเทพสวรรค์หลงจื่อนั่นเอง!
จักรพรรดิเทพสวรรค์หลงจื่อมองดูเย่หยวนด้วยดวงตาเย็นเยือก
แม้ว่าเมืองบูรพาโลกเสมือนนั้นมันจะเป็นดินแดนของเผ่ามังกรมีมังกรอยู่นับไม่ถ้วนแต่เรื่องนี้มันก็ต้องใช้เวลาในการสั่งสมประชากรมานานแสนนานกว่าที่พวกเขาจะมีจำนวนมากมายอย่างทุกวันนี้ได้
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นปราการมังกรพิรุณแห่งนี้มันก็ยังดูเล็กกว่าเมืองของมนุษย์ไปถนัดตา
ในความจริงแล้วประชากรเผ่ามังกรนั้นมันน้อยกว่ามนุษย์ไปมาก น้อยจนไม่อาจจะเอาไปเทียบกับอสูรเผ่าอื่นได้เสียด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นหลงจื่อหรือหลงหยู่ พวกเขาต่างก็ย่อมจะให้ความสำคัญกับลูกหลานเป็นอย่างมาก
แต่เวลานี้ลูกหลานของพวกเขากลับตายลงด้วยน้ำมือเย่หยวน มีหรือที่พวกเขาจะทนปล่อยมันผ่านไปได้?
“มันนั้นเป็นเผ่ามังกร!” จักรพรรดิเทพสวรรค์หลงจื่อกล่าว
นั่นทำให้ผู้คนทั้งหลายต่างต้องผงะไปตาม ๆ กันกับคำพูดของจักรพรรดิเทพสวรรค์หลงจื่อนี้
ทางหลงฉือที่ได้ยินก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงได้ร้องถามออกไปทันที “หลงจื่อ เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
หลงฉือนั้นได้ขึ้นไปรายงานกับเบื้องบนถึงตัวตนอันน่าประหลาดของเย่หยวนแล้ว
ด้วยตำแหน่งความเป็นผู้อาวุโสพิทักษ์เช่นเดียวกัน หลงจื่อเองก็ย่อมจะได้ยินเรื่องของเย่หยวนมาแล้ว
หลงจื่อจึงร้องตอบกลับมา “ในเมื่อมันเป็นเผ่ามังกร เช่นนั้นก็ต้องจัดการตามแบบแผนของกฎระเบียบของเผ่ามังกร”
หลงฉือที่ได้ยินต้องหรี่ตาลงมองทันที “หลงจื่อ! เจ้าคิดจะทิ้งให้เผ่ามังกรเราตกสู่ห้วงสงครามศักดิ์สิทธิ์หรือ?”
“หลงฉือ คำว่า ‘สงครามศักดิ์สิทธิ์’ นี้มันทำให้เจ้าหวาดกลัวจนหัวหดเช่นนี้เลย? เผ่ามังกรเรานี้อยู่เหนือล้ำเผ่าพันธุ์ใด ๆ ในโลกหล้า! เราไปกลายเป็นเผ่าพันธุ์ขี้กลัวหัวหดเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“แต่ถึงจะเป็นเช่นไรเราก็จะทำให้ทั้งเผ่าพันธุ์ต้องฉิบหายเพราะหลานของเจ้าคนเดียวไม่ได้! หรือว่าเจ้าจะบอกว่าหลงห่าวมันนี้มีค่ากว่าคนเผ่ามังกรทั้งหลายทั้งสิ้น?”
หลงจื่อเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบสวนกลับมา “หากเป็นเช่นนั้นก็เรียกประชุมผู้อาวุโสเถอะ! จักรพรรดิผู้นี้ไม่ยอมปล่อยเรื่องมันผ่านไปง่าย ๆ แน่”
พูดจบหลงจื่อก็เดินหายไป
คนเผ่ามังกรทั้งหลายได้แต่จ้องมองภาพตรงหน้าอย่างเงียบงัน เดิมทีพวกเขาย่อมจะคิดว่าเย่หยวนได้ตายแน่แล้ว แต่ทั้งเทพสวรรค์หลงหยู่ ทั้งจักรพรรดิเทพสวรรค์หลงจื่อก็ไม่ได้ฆ่าสังหารเขาลงใด ๆ
เรื่องนี้มันคงนับได้ว่าเป็นครั้งแรกในปราการมังกรพิรุณทีเดียว
แต่ทุกผู้คนต่างก็เข้าใจดีว่าเรื่องราวในวันนี้เมื่อมันไปถึงที่ประชุมผู้อาวุโสแล้ว มันคงจบไม่สวยนัก
หลงฉือหันมามองเย่หยวนด้วยความโกรธและความผิดหวังในเวลาเดียวกัน “เจ้านี่นะ ช่างหาเรื่องใส่ตัวเก่งจริง ๆ!”
แต่เย่หยวนกลับตอบไปอย่างเรียบเฉย “มิใช่ข้า เป็นพวกมันต่างหากที่คิดสร้างปัญหา!”
เมื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดไป ทางหลงฉือเองก็ไม่อาจจะกล่าวว่าใด ๆ ได้อีก
เจ้าพวกหลงห่าวทั้งหลายนี้จะหาเรื่องใครไม่หา กลับมาหาเรื่องยอดคนอย่างเย่หยวน จะบอกว่าสมควรตายแล้วก็คงไม่ผิด
ตัวเย่หยวนนั้นย่อมไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นหลานผู้อาวุโสพิทักษ์ใด ๆ คิดท้าทายตัวเขา มันย่อมจบลงด้วยความพิโรธที่ตามมา
เจ้าหนุ่มคนนี้ไม่กลัวแม้จะต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลาย มีหรือที่จะมาหดหัวเกรงกลัวเด็กน้อยอย่างหลงห่าวใด ๆ?
ตอนนั้นเขาใช้พลังกระดูกจักรพรรดิกิเลนสั่งจักรพรรดิเทพสวรรค์เช่าหยุนทั้งหลายคุกเข่าลงต่อหน้า และเขาก็ได้ทำมันอย่างไม่มีท่าทีคิดเกรงกลัวใด ๆ ด้วย!
“เฮ้อ! เจ้าฆ่าสังหารมันได้คงสาแก่ใจแล้ว แต่ที่แห่งนี้มันมิใช่โลกภายนอก! เรื่องนี้ทางหลงจื่อมันคงไม่ปล่อยผ่านไปง่าย ๆ ดูท่ามันจะต้องหาทางลงโทษสังหารเจ้าให้ได้!” หลงฉือถอนหายใจ
“มันมาไม้ไหนก็ตอกมันกลับไปด้วยไม้นั้น จะไปเกรงกลัวใดเล่า?” เย่หยวนตอบกลับไปอย่างไม่แยแส
แต่ในเวลานี้ลู่เอ๋อและหยางเฟยเอ๋อได้แต่ทำหน้ารู้สึกผิด
ลู่เอ๋อกล่าวขึ้น “นายน้อย มันเป็นความผิดของลู่เอ๋อแท้ ๆ ที่สร้างปัญหาให้ท่าน”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เจ้าไปสร้างปัญหาที่ใดกันเล่า? ปัญหาต่างหากที่มันเข้ามาหาเจ้า โลกหล้านี้มันย่อมจะมีพวกโง่ไร้สมองทำการอย่างไม่ดูหน้าดูหลังอยู่เสมอ”
ลู่เอ๋อพยายามจะเถียงออกมา “แต่…”
“ไม่มีแต่ใด ๆ ทั้งสิ้น เจ้ายังไม่เข้าใจความสามารถของนายน้อยเจ้าหรือ?” เย่หยวนพูดตัดบท
…
ภายใต้การนำของหลงฉือนั้นเย่หยวนก็ได้เดินมาถึงบ้านหินหลังหนึ่ง
เมื่อเข้ามาถึงเขาก็รู้สึกได้ว่าตนกำลังเข้าสู่ห้วงมิติอื่น
บนท้องฟ้าภายในนั้นมันมีเงาร่างมังกรยักษ์ห้าตนกำลังนั่งรออยู่ ทำให้ผู้พบเห็นต้องรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งกาย
“วางท่าอวดดีแสดงอำนาจ!” เย่หยวนมองดูเงาร่างทั้งหลายและบ่นออกมา
เงามังกรยักษ์ตัวซ้ายสุดจึงได้ร้องขึ้นมา “เย่หยวน เจ้าเองก็เป็นเผ่ามังกร เหตุใดเห็นพวกเราแล้วยังไม่คิดคุกเข่าอีก!”
เย่หยวนมองดูที่เงาร่างนั้นด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “คิดจะให้ข้าคุกเข่ามันก็ย่อมได้ เพียงแค่ว่าเจ้าคงต้องใช้พลังสายเลือดกดข้าลงเท่านั้น”
ไม่ต้องถามใด ๆ เลย เจ้าเงาร่างมังกรตนนี้มันย่อมจะเป็นหลงจื่อแล้ว
เย่หยวนนั้นย่อมจะไม่ได้มองหลงจื่อว่าเป็นคนดีงามใด ๆ
เลี้ยงดูคนนิสัยอย่างหลงห่าวขึ้นมาได้นี้ มีหรือที่จะเป็นคนดีไปได้?
แน่นอนว่าคำพูดแรกที่กล่าวออกมามันก็คิดจะกดดันเย่หยวนลงทันที
ดูท่าเจ้าหมอนี่เวลาพูดกับใครก็คงมีท่าทางเช่นนี้
“หึ! เจ้ากล่าวมันเอง! เช่นนั้นก็คุกเข่าลง!”
หลงจื่อร้องออกมาพร้อมใช้คลื่นพลังสายเลือดมังกรอันรุนแรงกดลงยังร่างของเย่หยวนเหมือนภูเขาใหญ่ร่วงลงกดทับ
แม้ว่าตัวเขาจะรู้ว่าเย่หยวนไม่ธรรมดามีที่พึ่งอยู่มาก แต่ตัวเขานั้นเป็นใคร? มีหรือที่หลงจื่อนี้จะยอมให้มังกรหกดาวตนหนึ่งมาข่มตนได้?
ด้วยความเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ แน่นอนว่าสายเลือดของเขามันย่อมจะสุดแสนรุนแรงบริสุทธิ์ มันพัฒนาขึ้นไปจนถึงจุดสุดยอดของเผ่ามังกร
มีหรือที่คนอย่างเย่หยวนจะทนทานรับมันได้?
เพียงแค่ว่าเมื่อหลงฉือที่เดินมากับเย่หยวนได้เห็นภาพนี้ ตัวเขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมา
ตอนที่เขากลับมารายงานเรื่องราวนั้น มันย่อมจะไม่อาจเล่ารายละเอียดทั้งหลายทั้งสิ้นออกไปได้หมด
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายนี้รู้แค่ว่าเย่หยวนเป็นทายาทเผ่ามังกร แต่ไม่ได้รู้เลยว่าสายเลือดของเย่หยวนนั้นมันบริสุทธิ์และสูงส่งปานใด
การจะปะทะกับมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้นั้น เจตจำนงมังกรฟ้าของเขามันย่อมจะมิใช่ของธรรมดาที่จะพบได้ทั่วไป
ความบริสุทธิ์ของสายเลือดนั้นมันแทบจะไม่เกี่ยวใด ๆ กับการบ่มเพาะ ตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งมีสายเลือดสูงส่งมากพอพวกเขาก็จะสามารถกดหัวจักรพรรดิเทพสวรรค์ลงได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าทางเย่หยวนที่เห็นคลื่นพลังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาพร้อมปลดปล่อยพลังสายเลือดออกจากกาย
คลื่นพลังรุนแรงพุ่งทะยานชนเข้ากับแรงกดดันของหลงจื่ออย่างแรง
ปัง!
สองคลื่นพลังนี้เข้าปะทะกับจนทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน
หลงจื่อต้องเบิกตากว้าง “บ้าน่า! สายเลือดเจ้ามันจะสูงส่งไปกว่าข้าได้อย่างไร?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับมาด้วยสีหน้าสุดเหยียดหยาม “นี่คือพลังสายเลือดของเจ้า? ดูท่าตัวเจ้าคงหมดอนาคตไม่อาจพัฒนาตนได้อีกแล้ว!”
ปะทะกันครั้งเดียวนี้เย่หยวนก็สามารถจะสัมผัสได้ถึงพลังสายเลือดของหลงจื่อ
การที่เขาพัฒนาจนมาจนถึงเวลานี้ได้ มันก็แทบจะเรียกได้ว่าเป็นจุดสูงสุดที่สายเลือดของเขาจะส่งถึงแล้ว
เพียงแค่ว่าคำพูดนี้ของเย่หยวนมันกลับไปจี้ใจดำของหลงจื่อเข้าอย่างแรง
เย่หยวนนั้นเห็นอย่างชัดเจนว่าที่มุมปากของมังกรยักษ์นี้มันกระตุกขึ้น ดูท่าคงไม่พอใจอย่างมาก
บนฟ้ากว้างนั้นหลงจื่อจึงได้ร้องกล่าวขึ้น “ท่านทั้งหลาย เจ้าเด็กคนนี้มันโอหังเหลือเกิน ไม่คิดเคารพผู้อาวุโสอย่างเรา ๆ! ทุกท่านช่วยกันสั่งสอนมันเสียหน่อยเถอะ!”
หลงจื่อนั้นไม่อาจจัดการเย่หยวนได้ด้วยตัวคนเดียวจึงคิดหันไปชวนพวกมาร่วมวง
แต่ก่อนที่คนทั้งหลายจะได้ลงมือใด ๆ ทางหลงฉือก็ร้องกล่าวขึ้นมาก่อน “เลิกทำตัวอับอายขายขี้หน้าเสียที! ต่อให้จะเป็นท่านเจ้ามังกรก็คงไม่อาจจะกดหัวเย่หยวนลงได้!”
“หะ? บ้าน่า!”
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ข้าไม่เชื่อหรอก!”
“หลงฉือ เจ้าพูดจาเหลวไหลใดกัน?”
…
เหล่าผู้อาวุโสพิทักษ์ทั้งหลายต่างกล่าวขัดขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อคำของหลงฉือ ความสงสัยไม่คิดเชื่อนั้นมันล้นเปี่ยมเต็มใบหน้า
จะบอกว่าแม้จักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายลงมือพร้อมกันมันก็ไม่อาจกดหัวมังกรหกดาวคนหนึ่งลงได้?
หลงฉือที่ได้ยินก็หัวเราะลั่นขึ้นมา “พูดจาเหลวไหล? มันเป็นเพราะว่าพวกเจ้าทั้งหลายไม่เห็นว่าเขาคลี่คลายหมากล้อมนิรันดร์อย่าถามลงด้วยวิธีใดต่างหาก! เขานั้นโค่นโอสถบรรพกาลลงด้วยเจตจำนงแห่งดาบ รับฝ่ามือมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลด้วยเจตจำนงมังกรฟ้า พร้อมใช้เจตจำนงกิเลนปิดฉากเอาชนะและทำลายโลกที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลและโอสถบรรพกาลทั้งสองท่านนั้นสร้างลงในที่สุด! เจ้าคิดว่าตัวเองนั้นเหนือล้ำกว่าโอสถบรรพกาลหรือมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลอย่างนั้นหรือ?”
……………………