Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2143 แสดงตัวอย่างพรสวรรค์!
“น-นายท่าน เราไปไกลกว่านี้ไม่ไหวแล้ว! ออกจากเขตแดนนี้ไปมันจะเป็นถิ่นของมารนรกระดับเจ็ดแล้วนะท่าน!”
“ใช่แล้วท่านเย่ ท่านนั้นเก่งกาจอาจรอดมือของพวกมารนรกระดับเจ็ดได้จริง แต่…แต่พวกเราทำไม่ได้!”
ระหว่างที่วิ่งตามเย่หยวนมาทั้งหลงซุนและหลงจ้าวเทียนต่างก็ได้แต่ร่ำร้องขึ้นด้วยร่างกายสั่นกลัว
หลงเสี่ยวฉุนจึงพูดขึ้นมาด้วยท่าทางภาคภูมิ “จะกลัวสิ่งใด? ย่าทวดเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว มีหรือที่ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าตายไปง่าย ๆ?”
“พระเจ้าช่วย ย่าทวดข้า พวกมารนรกระดับเจ็ดนั้นมันเก่งกาจเหนือคนทั้งหลายในระดับเดียวกันไปมาก! หากมันแค่พ่นลมหายใจใส่เรา เราก็คงได้ตายลงแล้ว!” หลงซุนร้องกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าซีดขาว
“โฮ่ก!”
เสียงร้องกังวลนั้นยังไม่ทันจางหายก็เกิดเงาร่างหนึ่งสูงราวสี่เมตรปรากฏกายขึ้น
และคลื่นพลังชั่วร้ายที่มันปล่อยออกมาจากร่างกายนั้นมันทำให้คนทั้งหลายต้องหยุดเท้าลงทันที!
“พระเจ้าช่วย พูดยังไม่ทันขาดคำ ทำไมมันถึงได้มาถูกจังหวะเช่นนี้เล่า?”
หลงซุนและหลงจ้าวเทียนนั้นแทบจะฉี่ราดลงตรงนั้น ไม่มีแรงใด ๆ จะวิ่งหนีอีกต่อไป
มารนรกระดับเทพสวรรค์!
เจ้าสัตว์ประหลาดตนนี้มันมีหัวเป็นดั่งเสือและสีตัวเป็นดั่งม้า ฟันเขี้ยวลากยาวออกมานอกปากทำให้ผู้คนที่ได้เห็นต้องอกสั่นขวัญหาย
“หึ ในที่สุดก็มีตัวที่พอมือออกมาเสียที ข้าจะขอใช้เจ้านี่แหละ!”
เย่หยวนสูดหายใจเข้าลึกพร้อมชักดาบกระดูกออกมาตั้งท่าพร้อมรบ
“ห-หะ? นายท่าน ท่านบ้าไปแล้วหรือ? นี่มันมารนรกระดับเทพสวรรค์เชียวนะ!”
หลงซุนร้องขึ้นมาด้วยเสียงสั่น ๆ
มารนรกเทพสวรรค์นั้นเป็นตัวตนที่เหนือล้ำกว่าเทพสวรรค์ทั่ว ๆ ไปมากมาย กำลังของพวกมันนั้นย่อมจะเหนือล้ำกว่าเหล่าเทพสวรรค์ทั่วไปทั้งหลาย
แม้พวกเขาทั้งหลายจะรู้ว่าเย่หยวนมีพลังต่อสู้เหนือล้ำฟ้าดิน แต่หากเจอกับมารนรกเทพสวรรค์แล้วมันก็คงยังไม่มากพอ!
“เย่หยวน เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อนเลย ข้านั้นได้ปะทะกับพวกมารนรกเทพสวรรค์มาไม่น้อยและเกือบเสียท่าไปหลายที จัดการพวกมันด้วยกำลังของเจ้าตอนนี้คงยังยากเกินไป!” หลงเสี่ยวฉุนพูดขึ้นจากด้านข้าง
นางนั้นโลดแล่นล่ามารนรกอยู่ในถ้ำเนตรมังกรมาแสนนาน หลายปีมานี้นางย่อมจะเคยได้ปะทะกับพวกมารนรกระดับเจ็ดที่เข้ามาหากินในแดนของพวกมารนรกระดับหกบ้าง
ตัวหลงเสี่ยวฉุนนั้นมีกายเนื้อที่สุดแสนแข็งแกร่งทำให้ปกติแล้วนางย่อมจะมีพลังฝีมือเหนือล้ำกว่าเทพสวรรค์ทั้งหลายในระดับเดียวกันไปมาก
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นตัวนางก็ยังไม่อาจจะจัดการพวกมันลงได้ แค่นั้นก็แสดงให้เห็นได้แล้วว่าพวกมารนรกเทพสวรรค์ทั้งหลายนี้เก่งกาจปานใด
“หึ หากมันอ่อนแอก็น่าเบื่อสิ ที่สำคัญสิ่งที่ข้าต้องการที่สุดในการบรรลุอาณาจักรเทพสวรรค์นั้นมันก็คือพลังงานชั่วร้ายที่หนาแน่น ตอนนี้พลังงานจากพวกมารนรกระดับเทพถ่องแท้มันไม่พอจะใช้แล้ว”
เย่หยวนกล่าวออกมาพร้อมก้าวเท้าเข้าหามารนรกเทพสวรรค์อย่างไม่เกรงกลัว
“เจ้ามนุษย์จอมโอหัง เจ้าคิดหาเรื่องมารนรกผู้สูงส่งผู้นี้ เทพสวรรค์ผู้นี้จะฉีกเจ้าเป็นชิ้น!” ภายในห้วงความคิดของเย่หยวนมันเกิดเสียงหนึ่งดังส่งเข้ามา
แม้ว่าเหล่ามารนรกทั้งหลายมันจะดุร้ายกระหายเลือด แต่มันก็มิใช่สัตว์ร้ายไร้ความคิด
ตรงกันข้าม พวกมันนั้นมักจะมีความคิดแยกแยะเรื่องราวได้ดี เพียงแค่ว่าภาษาที่ใช้มันแตกต่างทำให้พวกเขาทั้งหลายแทบจะไม่เคยได้พูดคุยแลกเปลี่ยนคำพูดใด ๆ
เมื่อพวกมันทั้งหลายนี้เห็นมนุษย์หรืออสูรแล้ว สิ่งเดียวที่พวกมันคิดก็คือสังหาร!
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “หึ ๆ เจ้าโง่ไม่รู้ประมาณตน วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้รู้เองว่าตนเองนั้นต่ำต้อยปานใด!”
“หึ แค่มนุษย์กลับกล้าทำปากดีไม่กลัวฟ้าดิน! สักวันหนึ่งพวกเราจะออกไปจากที่แห่งนี้และเข้ายึดครองมหาพิภพถงเทียนไว้ให้จงได้! แต่เวลานี้ เจ้าจงมาเป็นอาหารของเทพสวรรค์ผู้นี้เสียเถอะ! คมนรก!”
เจ้ามารนรกนั้นยกกรงเล็บฟาดออกมาด้านหน้าส่งคลื่นพลังอันเฉียบคมหลายเส้นออกมา
เจ้าคลื่นพลังทั้งหลายนี้มันเฉียบคมจนแทบจะตัดขาดมิติออกจากกัน
เมื่อได้เห็นคลื่นพลังอันดุดันนั้นทั้งหลงซุนและหลงจ้าวเทียนต่างก็หน้าซีดขาว ตอนนี้แม้แต่ตัวหลงเสี่ยวฉุนยังมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ดาบสลักกลวง!”
ด้วยกำลังของเย่หยวนในเวลานี้แล้วการจะปล่อยดาบสลักกลวงออกมานั้นมันย่อมจะมิใช่เรื่องใหญ่ใด ๆ อีก
คลื่นพลังรุนแรงหนักหน่วงพุ่งทะยานออกไปรับกับคมนรกนั้น
เจ้ามารนรกต้องเบิกตากว้างมองดู ดูท่าแล้วมันเองก็คงไม่คิดว่าเย่หยวนจะมีกำลังต่อต้านได้ถึงปานนี้
คมนรกของมันนั้นต่อให้จะเป็นมนุษย์เทพสวรรค์มา มันก็คงไม่อาจแก้ไขลงได้ง่ายดายปานนี้ แต่นี่กลับถูกเทพถ่องแท้ผู้หนึ่งแก้ลงได้
“หึ ๆ มันก็เท่านี้! ดูนี่เถอะ!”
“ดาบสลักกลวงแท้!”
“ฝ่ามือล้ำจักรวาล!”
“กิเลนฟ้ากลืนมิติ!”
ด้วยพลังของทั้งสามกระบวนท่านี้มันได้ทำให้เย่หยวนสามารถปะทะกับเจ้ามารนรกนี้ได้อย่างไม่เสียเปรียบ
ที่ด้านข้างพวกหลงซุนทั้งหลายต่างได้แต่เปิดปากอ้าค้าง
“น-น-นี่มัน…ตาข้าเพี้ยนไปแล้วหรือ?” หลงจ้าวเทียนร้องขึ้น
“เทพถ่องแท้ปะทะกับเทพสวรรค์ได้ เรื่องราวเช่นนี้มันไม่เคยจะเกิดขึ้นมาก่อนแน่! ที่สำคัญเจ้ามารนรกนี้มันย่อมจะเก่งกาจกว่าเทพสวรรค์ทั่วไปทั้งหลาย พวกมันมีฝีมือเหนือล้ำคนระดับเดียวกันไปมาก! เช่นนั้นมันย่อมหมายความว่าหากที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้เป็นเทพสวรรค์หนึ่งดาวแล้ว พวกเขาจะไม่พ่ายแพ้ให้แก่นายท่านหรอกหรือ?” หลงซุนร้องขึ้นพร้อมสูดหายใจลึกลงอก
พลังฝีมือที่เย่หยวนประสานออกมานี้มันทำให้พวกเขาแทบคลั่ง
แม้ว่าคนทั้งสามจะรู้ดีแก่ใจว่าเย่หยวนมีฝีมือเหนือล้ำฟ้าดิน พอที่จะฆ่าสังหารเทพถ่องแท้ขั้นสุดลงได้ง่าย ๆ แต่เมื่อเห็นเย่หยวนเอาจริงแล้ว คนทั้งหลายก็ยังอดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง
นี่มันย่อมจะมิใช่พลังฝีมือการต่อสู้ที่มนุษย์จะมีได้เลย!
เจ้ามารนรกทั้งหลายนั้นเก่งกาจปานใด?
แต่เย่หยวนนั้นกลับสามารถกระโดดข้ามอาณาจักรต่อสู้กับมารนรกนี้ได้อย่างไม่มีเสียเปรียบ!
“แข็งแกร่ง! แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! จะอัจฉริยะมาจากไหน จากเป็นผู้ถูกสวรรค์เลือกใดมันย่อมเป็นได้แค่กองขยะต่อหน้าท่านเย่!” หลงจ้าวเทียนร้องขึ้นมาอย่างชื่นชม
“อ่า! เจ้ามนุษย์บ้า เจ้าทำให้เทพสวรรค์ผู้นี้โกรธแล้ว! เทพสวรรค์ผู้นี้จะฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ!”
หลังจากปะทะกันอย่างยาวนานในที่สุดทางมารนรกตัวนั้นก็ร้องขึ้นอย่างแค้นเคือง
ปัง!
เจ้ามารนรกเทพสวรรค์นั้นเปิดปากออกกว้างพร้อมดึงดูดคลื่นพลังชั่วร้ายอันมหาศาลไปรวมไว้ที่ปาก
นั่นทำให้สีหน้าของคนทั้งหลายซีดลงอีกครั้ง พร้อมหลงเสี่ยวฉุนที่ร้องขึ้นมา “เย่หยวน ถอยก่อน! อย่าไปปะทะกับมันตรง ๆ!”
แต่เย่หยวนกลับหัวเราะลั่นออกมา ดูท่าแล้วเขาไม่คิดจะหลบเลี่ยงใด ๆ “ฮ่า ๆ เยี่ยม!”
“หนี? เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีโอกาสได้หนีหรือ? เจ้าจะต้องถูกเป่าจนหายไม่เหลือแม้แต่ซาก! นรกเหือด!”
มารนรกเทพสวรรค์นั้นร้องร่ำพร้อมคลื่นพลังที่ทำให้ฟ้าดินมืดดับลง
ตอนนี้มันเหมือนว่ามิติโดยรอบถูกตัดขาดกลายเป็นกรงขังเย่หยวนไว้ ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้หลบหนีออกไป
เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นภาพนี้พวกเขาก็หน้าเปลี่ยนสีไป
จนถึงตอนนี้พวกเขานั้นยังไม่เคยจะเห็นมารนรกเทพสวรรค์ตัวใดปล่อยพลังเช่นนี้ออกมาได้ พวกเขาจึงไม่ได้รู้ถึงความน่ากลัวของท่าไม้ตายนี้มาก่อนเลย
แต่พลังตรงหน้านี้มันเป็นพลังที่จะลบล้างทุกสิ่งลงได้!
“เย่หยวน ให้ข้าช่วย!” หลงเสี่ยวฉุนคิดจะพุ่งตัวออกมาพร้อมยกหมัดขึ้นพร้อมรบ
“เสี่ยวฉุน อย่าได้เข้ามา! เจ้ามารนรกนี้ข้าจะจัดการมันเอง!” เย่หยวนตะโกนกลับมา
“เจ้าโง่แสนโอหัง เทพสวรรค์ผู้นี้อยากเห็นเหลือเกินว่าเจ้าจะมีปัญญาหรือไม่!”
“หึ ๆ เจ้าคิดว่ามีแค่ตนเองหรือที่มีไม้ตาย? วันนี้นายน้อยผู้นี้จะให้เจ้าได้เห็นถึงส่วนหนึ่งของกำลังข้าเอง!”
เย่หยวนหรี่ตาลงพร้อมกระตุ้นกล้ามเนื้อบนร่างกายจนสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง คลื่นพลังรุนแรงพุ่งทะยานฟ้า
เมื่อได้เห็นภาพนี้คนทั้งหลายก็ต้องเบิกตากว้าง
เพราะคลื่นพลังที่เย่หยวนกำลังปล่อยออกมานี้มันมิใช่แค่คลื่นพลังหนึ่งอย่าง แต่มันเป็นคลื่นพลังถึงสามอย่าง!
ปราณเทวะ พลังกายเนื้อและพลังจิตวิญญาณ!
พลังทั้งสามนี้มันพุ่งสูงขึ้นเรื่อยอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดจนทำให้ฟ้าดินต้องเปลี่ยนสีไป
ในเวลาแค่เสี้ยววินาทีนั้นก็เกิดลมบ้าคลั่งขึ้นพัดทั้งผมทั้งเสื้อผ้าและร่างกายของเย่หยวน ราวกับว่าตัวเขานี้เป็นเทพสวรรค์ที่ลงมาจุติบนโลกหล้า
พร้อม ๆ กันนั้นคลื่นพลังทั้งสามอย่างบนร่างของเย่หยวนมันก็ค่อย ๆ ผสานรวมกันเป็นหนึ่งจนทำให้เกิดแสงสว่างจ้า
กรงมิติใด ๆ ที่เคยถูกสร้างขึ้นมาด้วยคลื่นพลังชั่วร้ายนั้นแตกสลายลงราวกับเป็นแค่กระดาษแผ่นบาง ๆ
“ม-มันคือวิชาใดกัน? บ้าน่า! เป็นไปไม่ได้! ในโลกหล้านี้มันจะมีใครผสานพลังปราณ พลังกายและพลังจิตเข้าด้วยกันได้?!”
เจ้ามารนรกเทพสวรรค์นั้นได้แต่ยืนสั่นสะท้านอยู่ตรงนั้นด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว
……………….