Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2149 ย่าทวด
เมื่อสัมผัสถึงแรงระเบิดที่ออกมาจากร่างนี้ตัวเย่หยวนก็ต้องอมยิ้มขึ้นมาอย่างพึงพอใจ
ทุกขจุติระดับเจ็ดนี้มันเป็นฝันร้ายกับผู้บ่มเพาะร่างกายจริงๆ
หากไม่มีเจตจำนงที่แน่วแน่แล้ว คนทั้งหลายคงไม่อาจทนรอดมาได้
เพียงแค่ว่าเรื่องนี้มันเป็นจุดแข็งของเย่หยวน
กระบวนการนี้มันสุดแสนเจ็บปวด แต่หากผ่านไปได้มันก็จะมีรางวัลอันหอมหวานรออยู่
ด้วยกายทองคำสัมบูรณ์ระดับเจ็ดนี้ พลังกายและสายเลือดของเขามันย่อมจะพุ่งทะยานสูงล้ำฟ้าดินขึ้นไปอีก
เย่หยวนนั้นรู้สึกได้เลยว่าต่อให้จะไม่ใช้ปราณเทวะใดๆ แต่เขาก็พอจะจัดการพวกมารนรกเทพสวรรค์ทั้งหลายลงได้ด้วยหมัดเดียว
“หึๆ บรรลุครั้งนี้มันเหนือคาดเสียจริงๆ! ปราณ กาย จิตสามเส้นทางจุติพร้อมๆ กันทำให้พลังฝีมือข้าในเวลานี้พุ่งสูงขึ้นไปอีกขั้น!” เย่หยวนกล่าวขึ้นมา
“ปราณ กาย จิตผสานเป็นหนึ่งมันช่างน่ากลัวเสียจริงๆ! น่าเสียดายที่นอกจากเจ้าแล้วมันไม่มีใครในมหาพิภพถงเทียนทำได้เช่นนี้!” หวู่เฉินเองก็พูดขึ้นตามด้วยความชื่นชม
เย่หยวนพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มก่อนจะสัมผัสได้ถึงตรามังกรที่หว่างคิ้วจนทำให้เขาต้องขมวดคิ้วแน่น
“ดูท่า…ผู้อาวุโสท่านนั้นจะลึกล้ำเสียจริงๆ ถึงขั้นทิ้งตราเช่นนี้ไว้ได้โดยข้าไม่รู้ตัว! แต่ว่า…เจ้าตรานี้มันเหมือนเป็นดั่งไข่มีพลังมากล้นแฝงอยู่ภายใน รอให้ข้าฟูมฟักมัน”
เรื่องของตรานี้เย่หยวนรู้สึกได้ทันทีว่ามันเป็นฝีมือของไป่เชิน
การที่จะฝังตราเช่นนี้ลงบนร่างของเขาได้โดยเขาไม่ทันรู้ตัวนี้ นอกจากไป่เชินผู้นั้นแล้วในที่นี้มันจะยังมีใครทำได้?
ที่สำคัญเวลานี้ตัวเขายังไม่อาจสัมผัสถึงความอันตรายใดๆ จากตรานี้ ทำให้เขาเลือกที่จะไม่กังวลกับมันให้มากความ
“เย่หยวน!
“ท่านเย่!”
…
จู่ๆ มันก็เกิดเสียงร่ำร้องขึ้นมาจากที่ห่างไกล แน่นอนว่ามันย่อมเป็นพวกหลงเสี่ยวฉุนทั้งหลายแน่แล้ว
“ข้านึกแล้วเชียวว่าเจ้าต้องรอด!”
หลงเสี่ยวฉุนมองดูภาพตรงหน้าอย่างสบายใจ แต่จู่ๆ นางก็ต้องเบิกตากว้างออกมา “เจ้า…เจ้าบรรลุแล้ว?”
เย่หยวนพยักหน้า “หึ ผสานปราณ กาย จิตสามเส้นทางเข้าด้วยกันนี้มันทำให้ข้าได้เจอทุกขจุติอย่างไม่คาดคิด เดิมทีเจ้าผลึกมารดำที่เก็บมาไว้มันคงไม่พอ แต่ใครจะไปคิดว่าเหล่ามารนรกเทพสวรรค์ทั้งหลายมันจะเอาพลังมาวางให้ถึงหน้าบ้านเช่นนี้ ช่วยแก้ปัญหาให้ข้าได้มากทีเดียว”
เมื่อทุกผู้คนได้ยินพวกเขาต่างก็ต้องอ้าปากค้าง
การคิดกับมารนรกเทพสวรรค์เป็นดั่งสิ่งของเช่นนี้ มันคงมีแต่ท่านเย่คนนี้เท่านั้นที่ทำได้
ทางหลงเสี่ยวฉุนจึงอมยิ้มออกมาด้วยสีหน้าชั่วร้าย ก่อนจะใช้ทีเผลอต่อยหมัดเข้ามาหาเย่หยวน
คลื่นพลังที่รุนแรงนี้มันหนักหน่วงจนมิติแตกร้าว
ทางเย่หยวนที่เห็นก็ต่อยหมัดสวนออกมา
ปัง!
ร่างของหลงเสี่ยวฉุนลอยปลิวกลับออกไปหลายก้าวกว่าที่จะลุกขึ้นยืนกลับมาได้
ส่วนเย่หยวนยังยืนมั่นอยู่กับที่
ได้เห็นภาพนี้เหล่าหลงซุนทั้งหลายต่างก็ต้องอ้าปากค้างอีกครั้ง
พวกเขานั้นรู้ดีว่าหลงเสี่ยวฉุนนี้เก่งกาจปานใด นางนั้นเก่งพอที่จะปะทะกับมารนรกเทพสวรรค์หนึ่งดาวซึ่งๆ หน้าได้
แต่สาวน้อยผู้เก่งกาจคนนี้กลับถูกเย่หยวนต่อยจนลอยลิ่ว!
ที่สำคัญไปกว่านั้นดูท่าแล้วเย่หยวนจะยังไม่ได้ออกแรงต่อยเสียด้วยซ้ำไป
เย่หยวนนั้นเพิ่งบรรลุขึ้นมาหมาดๆ ย่อมจะยังมีอาณาจักรที่ไม่หนักแน่นมากมาย แต่เขากลับเก่งกาจได้ถึงปานนี้!
“เก่งเสียจริงๆ! สมชื่อเป็นกายทองคำสัมบูรณ์ระดับเจ็ด! หากเจ้าลงมือจริงๆ แล้วข้าว่าเจ้าคงมีพลังไม่แพ้เทพสวรรค์สองดาวแน่!” หลงเสี่ยวฉุนบอก
เย่หยวนจึงตอบกลับมาด้วยท่าทางสบายๆ “หากมันเป็นแค่เทพสวรรค์สองดาวข้าคงชนะได้ไม่ยากนัก”
นี่คือความเก่งกาจของกายทองคำสัมบูรณ์ระดับเจ็ด!
การบรรลุขึ้นระดับเจ็ดมานี้ มันได้ช่วยทำให้เขามีฝีมือเพิ่มขึ้นไปอีกไม่รู้กี่พันเท่า
รวมกับวรยุทธบ่มเพาะที่เหนือล้ำและวรยุทธต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม การจะก้าวข้ามดาวไปต่อสู้มันจึงมิใช่เรื่องยากเย็นเลย
“ตัวประหลาด!” หลงเสี่ยวฉุนร้องบอก
นางนั้นถูกยกย่องเป็นยอดอัจฉริยะแห่งเผ่ามังกรเสมอมา
แต่ต่อหน้าเย่หยวนแล้วนางกลับไม่อาจจะหาสิ่งที่ตนเหนือกว่าได้เลย
เจ้าหมอนี่มันสัตว์ประหลาดโดยแท้!
เย่หยวนได้แต่หันไปมองหน้าหลงเสี่ยวฉุนด้วยสีหน้าหนักใจ
หลงเสี่ยวฉุนที่ได้เห็นจึงถามเย่หยวนกลับออกมาด้วยขนที่ลุกซ่านไปทั้งกาย “จ-เจ้ามองอะไร มีเรื่องอะไรหรืออย่างไร?”
เย่หยวนได้แต่ส่ายหัวออกมา “ข้าบรรลุระดับเจ็ดครั้งนี้ ฤทัยแห่งฟานจู้หลงของข้าจึงได้ลืมตาตื่นเต็มตาไปด้วย”
หลงเสี่ยวฉุนจึงร้องถามขึ้นอีกครั้ง “แล้ว?”
เย่หยวนจึงยิ้มแห้งๆ ตอบกลับมา “ที่แท้แล้วบรรพบุรุษเผ่ามังกรที่ติดตามจอมเทพนิรันดร์ไปนั้นมันคือพี่ชายของแม่เจ้า…”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวสีหน้าของหลงเสี่ยวฉุนมันก็เปี่ยมไปด้วยความมึนงง
แต่จู่ๆ นางก็ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมา
“ฮ่าๆๆ…มาๆๆ! เรียกข้าว่าย่าทวดเร็ว! ฮ่าๆๆ…ข้าจะท้องแข็งตายแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ…”
หลงเสี่ยวฉุนหัวเราะลั่นจนตัวกลม พยายามสุดตัวที่จะหายใจเข้าดูท่าทรมานเป็นอย่างมาก
ที่ด้านข้างพวกหลงซุนทั้งหลายเองก็พยายามกลั้นเสียงหัวเราะของตนไว้ตั้งแต่วินาทีที่ได้ยิน
แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่อาจทนไหวต้องหัวเราะตามขึ้นมา
พวกเขานั้นไม่เคยจะนึกจะฝันว่าแท้จริงแล้วเย่หยวนกับหลงเสี่ยวฉุนจะมีสายสัมพันธ์เช่นนี้อยู่ด้วย
เย่หยวนเองก็ได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างไม่รู้จะพูดอะไร เพราะตั้งแต่ที่พบกันเขาก็ถือหลงเสี่ยวฉุนเป็นเหมือนน้องสาวมาตลอด
แต่หลังจากฤทัยแห่งฟานจู้หลงตื่นขึ้นมานี้ เขากลับได้รับรู้ถึงความทรงจำส่วนหนึ่งของบรรพบุรุษมังกรที่ติดตามจอมเทพนิรันดร์ไป
ที่แท้แล้วบรรพบุรุษมังกรผู้นั้นมันคือพี่ชายของเจ้ามังกรแห่งปราการมังกรพิรุณในปัจจุบัน
เรื่องนี้ช่วยอธิบายได้อย่างดีว่าเหตุใดเขาถึงรู้สึกผูกพันกับหลงเสี่ยวฉุนนัก
หลายล้านปีก่อนบรรพบุรุษมังกรผู้นั้นได้ถูกขนานนามว่าเป็นยอดอัจฉริยะและเดินทางลงมาสู่ถ้ำเนตรมังกรด้วยตัวคนเดียว
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าสุดท้ายเขาจะได้มาเจอเหตุวิกฤตในถ้ำเนตรมังกรนี้
ส่วนทางจอมเทพนิรันดร์นั้นได้ไปเจอร่องมิติและเข้ามายังถ้ำเนตรมังกรจากมันนั้น พร้อมได้เข้าช่วยเหลือบรรพบุรุษมังกร หลงฉินและบรรพบุรุษของสี่สัตว์เทวะ
เหล่าสัตว์เทวะทั้งหลายนั้นได้เลือกจะติดตามจอมเทพนิรันดร์ออกไปเพื่อตอบแทนบุญคุณที่ช่วยเหลือชีวิต
และสี่สัตว์เทวะนี้เองก็ได้ไปสร้างตระกูลครอบครัวของตนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ใครจะไปคิดว่าหลังจากนั้นเมื่อจอมเทพนิรันดร์ตายลงแล้วข่าวคราวของสี่สัตว์เทวะนี้จะหายลับไปด้วย
แต่ความทรงจำของบรรพบุรุษเผ่ามังกรนี้มันได้บอกเย่หยวนว่าตัวเขานั้นมีน้องสาวนามว่าหลงซีเยว่ และตัวนางนั้นก็คือเจ้ามังกรแห่งปราการมังกรพิรุณนั่นเอง
เท่านี้มันก็ย่อมจะหมายความว่าเย่หยวนนั้นมีรุ่นต่ำกว่าหลงเสี่ยวฉุนไปมาก
จะเรียกอีกฝ่ายว่า ‘ย่าทวด’ มันก็คงไม่เกินไป
แต่หากจะให้เย่หยวนเรียกนางเช่นนั้นแล้ว ตัวเขาคงไม่อาจรับได้
เท่านี้ความอาวุโสใดๆ ก็จางหายไปสิ้น
“เย่หยวน รีบเรียกเร็ว! ไม่เช่นนั้นย่าทวดจะไม่พอใจแล้วนะ เรียกย่าทวดแล้วเดี๋ยวย่าทวดให้ขนมนะ! ฮ่าๆๆๆๆ…” หลงเสี่ยวฉุนยังคงหัวเราะอย่างไม่คิดจะหยุดยั้ง
เย่หยวนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมา เท่านี้ตัวเขาคงไม่อาจจะโงหัวขึ้นสูงหลงเสี่ยวฉุนได้อีกต่อไป
แต่แน่นอนว่าจะให้เขาเรียกหลงเสี่ยวฉุนว่าย่าทวดนั้นมันย่อมเป็นไปไม่ได้
“เอาล่ะ เลิกไร้สาระกันเสียที! เวลามันก็ล่วงเลยไปป่านนี้แล้ว เราควรออกไปได้แล้ว!” เย่หยวนบอก
แน่นอนว่าคำพูดเดียวนี้มันได้ทำให้คนทั้งหลายหุบยิ้มกลับมาทำหน้าจริงจังทันที
“นายท่านพูดจริง? นายท่านพาเราออกไปได้จริงๆ?” หลงซุนร้องถามขึ้น
คนอื่นๆ เองก็หันมามองตามด้วยความคาดหวัง เพราะสถานที่เช่นนี้มันไม่ได้ต่างไปจากนรกเลยสำหรับคนทั้งหลาย
เย่หยวนนั้นแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ “แน่นอน! แนวคิดแห่งห้วงมิติของข้านั้นบ่มเพาะมาจนถึงหกดาวแล้ว มีหรือที่แค่มองหาร่องมิติจะเป็นเรื่องยากใด? ที่สำคัญไปกว่านั้นในความทรงจำที่ข้าปลุกขึ้นมานี้มันยังมีตำแหน่งร่องมิติบันทึกไว้ไม่น้อยด้วย”
ก่อนที่จะบรรลุขึ้นอาณาจักรพิภพโกลาหลนี้การที่เย่หยวนจะออกตามหาร่องมิติมันยังนับได้ว่าเป็นเรื่องยากเย็น
แต่ระหว่างการบรรลุที่ผ่านมานี้สติของเย่หยวนได้ผสานเข้ากับพื้นที่โดยรอบอย่างลึกลับ เวลานี้ตัวเขาเข้าใจถึงพื้นที่ของผนึกชั้นสามนี้ราวกับว่ามันเป็นสวนหลังบ้าน
ตำแหน่งร่องมิติที่เขาพบเองมันก็มีอย่างน้อยๆ ห้าจุด
หลงเสี่ยวฉุนเองก็รีบพูดกล่าวขึ้นมาหลังได้ยินเย่หยวนบอก “เช่นนั้นจะรออะไรเล่า? รีบๆ ออกไปเสียทีเถอะ! ที่เช่นนี้ข้าไม่อยากจะอยู่ต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียวแล้ว!”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “เช่นนั้นก็ตามข้ามา”
…………………