Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2178 นี่คือสิ่งที่เจ้าจะให้ข้าดู?
“หืม? ท่านว่าเย่หยวนมาหรือ?”
เมื่อหลินฉางชิงได้ยินนามนั้นเขาก็รีบกระโดดลุกขึ้นทันทีพร้อมด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้า
ก่อนหน้านั้นเขาเองก็ไม่พอใจเย่หยวนเป็นอย่างมากจึงได้หมั่นบ่มเพาะอย่างไม่ขาดตลอดเวลาที่ผ่านนี้
ในเวลาแค่พันปีนี้ตัวเขาสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์สองดาวมาได้!
ความเร็วอันเหนือล้ำนี้มันทำให้เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายต้องอ้าปากค้าง
เจิ้งหยูเฟิงพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว! เวลานี้เขารออยู่ที่ยอดตะวันลับ!”
หลินฉางชิงจึงหัวเราะลั่นขึ้น “เจ้าเด็กคนนั้นมันคงมาเพื่อก้มหัวร้องขอความเมตตาแล้วใช่หรือไม่? แต่ทว่ามันกล้ามาล่อล่วงศิษย์น้องเมิ่งลี่ มันต้องตาย!”
เจิ้งหยูเฟิงที่ได้ยินก็แสดงสีหน้าหนักใจออกมา “ดูท่าแล้วเขาคงไม่ได้มาเพื่อก้มหัวขอร้องใด!”
หลินฉางชิงที่ได้ยินจึงยกมือขึ้นมาโบกปัด “มันต้องมาก้มหัวขอร้องสิ! เวลาสองพันปียังไม่ถึงดีจะมีเหตุผลใดให้มันมาวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิงเรา? ตอนนั้นที่ข้าเจอมัน ตัวมันนั้นยังไม่ก้าวขึ้นถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ด้วยซ้ำ จะบอกว่ามันบ่มเพาะขึ้นถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ในเวลาพันปีหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจิ้งหยูเฟิงเองก็ต้องประหลาดใจขึ้นมา
เย่หยวนที่อยู่ต่อหน้าเขานั้นมันเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ตัวเขาไม่อาจมองออกได้เลยว่าอีกฝ่ายมีพลังหรือไม่กันแน่
ระหว่างที่พูดไปนั้นเองเย่หยวนก็ทำให้เขารู้สึกถึงความลึกลับอย่างไม่อาจคาดเดา
เดิมทีเขานั้นยังคิดว่าเย่หยวนคงเป็นเทพสวรรค์เหมือนๆ กันแล้ว
แต่เมื่อได้ยินคำของหลินฉางชิงนี้มันก็ย่อมไม่มีทางที่เย่หยวนจะเป็นเทพสวรรค์ไปได้
ในโลกหล้านี้มันจะมีสัตว์ประหลาดใจบ่มเพาะจากอาณาจักรนภาสวรรค์ขึ้นถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้ด้วยเวลาแค่พันปีกัน?
เขาจึงได้คิดว่าเย่หยวนอาจจะมาข่มขู่ผู้คนด้วยตำแหน่งอันใหญ่โตเท่านั้น
เจิ้งหยูเฟิงนั้นยังกล่าวไม่ทันจบใดๆ หลินฉางชิงก็รีบหัวเราะขึ้นมาพร้อมเดินจากไป
“ศิษย์พี่ข้า จะยังยืนอยู่เพื่อการใดเล่า? ตามมาดูข้าสั่งสอนเจ้าเด็กคนนี้เถอะ!”
เขานั้นรอไม่ไหวแล้วที่จะบดขยี้เย่หยวนลง
เพราะตอนนั้นเขาต้องอับอายเพราะเจ้าเด็กคนนี้ไว้มาก!
เวลานี้เมื่ออีกฝ่ายมามอบตัวถึงหน้าประตูบ้าน มีหรือที่เขาจะปล่อยไปได้โดยไม่บดขยี้อีกฝ่ายลง?
…
ยอดตะวันลับนั้นเป็นยอดแรกของเทือกเขาก่วมร่วงและยังเป็นที่ที่เรียกได้ว่าเป็นประตูสู่วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิง
เย่หยวนนั้นยืนรออยู่กลางลานกว้างพร้อมสัมผัสถึงพลังวิญญาณที่หนักแน่นรอบๆ กายจนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาขึ้น
วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิงนี้มันน่าจะเป็นหนึ่งในจุดตาพลังของมหาพิภพถงเทียน
การได้บ่มเพาะในที่แบบนี้มันย่อมจะทำให้พัฒนาได้ถึงสองเท่าด้วยความพยายามเท่าเดิม!
แต่ระหว่างที่เย่หยวนกำลังชื่นชมคลื่นพลังรอบๆ กายไปนั้นมันก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งที่มาถึงด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
“ฮ่าๆๆ… เย่หยวน เจ้าคิดจะมาขอความเมตตาจากเทพสวรรค์ผู้นี้หรือ? เทพสวรรค์ผู้นี้จะบอกเจ้าให้ว่ามันไม่มีทาง!” หลินฉางชิงก้าวเท้าออกมาพร้อมเสียงหัวเราะลั่น
เย่หยวนเองก็เงยหน้าขึ้นมองดูหลินฉางชิง
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงตอนนั้นที่หลินฉางชิงไปยังเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ เขาก็นึกถึงความรุนแรงหนักหน่วงและความอ่อนแอของตนขึ้นมา
หากมิใช่เพราะว่าเจ้าหมูสมบัติมันจามจนทำให้เขาผู้นั้นถอยร่นไป บางทีเย่หยวนคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้และถูกหลินฉางชิงนี้สังหารไปแสนนานแล้ว
ต่อให้เวลานั้นเย่หยวนจะมีวิธีการรับมือผู้คนมากมายปานใด ต่อหน้าพลังที่เหนือล้นนั้นเขาก็ทำได้แค่มองดู
แต่เวลาผ่านไปหนึ่งพันปี เวลานี้หลินฉางชิงกลับบ่มเพาะจนบรรลุอาณาจักรเทพสวรรค์สองดาวขึ้นมาได้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเย่หยวนก็ยังไม่ได้คิดตื่นตกใจใดๆ
เพราะด้วยกำลังของเย่หยวนในตอนนี้ เทพสวรรค์สองดาวนั้นมันอ่อนแอเหมือนกระดาษ
ไม่ว่าจะเป็นเทพสวรรค์สองดาวที่เก่งกาจปานใดก็ตาม!
เมื่อได้เห็นหน้าของหลินฉางชิงอีกครั้งเย่หยวนเองได้แต่แสดงสีหน้าท่าทางสงสารออกมา
“หลินฉางชิง ไม่ได้เจอกันมาพันปีเจ้ากลับทำให้ข้าผิดหวังมากแล้ว” เย่หยวนส่ายหัวออกมา
หลินฉางชิงนั้นหัวเราะลั่นขึ้น “อะไรเล่า? เจ้าคิดจะรักษาหน้าก่อนตายหรือ? ไม่มีประโยชน์! เวลาพันปีมานี้ข้าได้พัฒนาฝีมือขึ้นไปอย่างเหนือล้ำจนเจ้าไม่อาจจะจินตนาการได้! รับรู้มันไว้ให้ดีเถอะ!”
พูดจบคลื่นพลังในกายของหลินฉางชิงมันก็ปะทุขึ้นอย่างไม่มีปกปิดอีก
บนยอดตะวันลับนั้นคนทั้งหลายต่างต้องหันมามองเขาไปตามๆ กัน
“ท่านลุงฉางชิงบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์สองดาวแล้ว! เขาจะไม่บ่มเพาะเร็วจนเกินไปหรืออย่างไร?”
“นี่มัน…นี่มันพลังของสามแนวคิด ท่านลุงฉางชิงกลับผสานแนวคิดสามอย่างเข้าด้วยกันได้!”
“แล้วนั่นมันใครกัน? กลับกล้ามาท้าทายท่านลุงฉางชิง มันเบื่อชีวิตแล้วหรือ?”
…
หลินฉางชิงนั้นนับเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิง แน่นอนว่าพรสวรรค์ของเขาเองก็เหนือล้ำอย่างมาก
เขานั้นไม่ได้ปรากฏกายต่อสายตาผู้คนมานานนับพันปี เวลานี้เมื่อได้แสดงพลังออกมาเขาก็ย่อมจะทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายต้องร่ำร้องขึ้นด้วยความชื่นชม
ในเวลานี้เองที่เจิ้งหยูเฟิงได้ตามมาถึงพร้อมเห็นหลินฉางชิงปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่จนต้องเบิกตาค้าง
“ศิษย์น้องฉางชิง…จะเหนือล้ำจนเกินไปแล้ว!”
หากวัดกันแค่ที่พรสวรรค์หลินฉางชิงนี้ย่อมจะเป็นที่หนึ่งในหมู่ศิษย์ทั้งหลาย
ความเร็วในการบ่มเพาะของเขานั้นเหนือล้ำจนเวลานี้แทบจะตามเหล่าศิษย์พี่ทั้งหลายทันแล้ว
ในเวลาหนึ่งพันปีมานี้หลินฉางชิงเข้าสู่การเก็บตัวยาวและแทบไม่ออกมาให้ใครเห็น
ก่อนที่เขาจะเริ่มเก็บตัวนั้นเขาสามารถผสานสองแนวคิดเข้าด้วยกันได้
เจิ้งหยูเฟิงเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่าเวลาผ่านไป เขากลับจะผสานสามแนวคิดเข้าด้วยกันได้!
การผสานสองแนวคิดและผสานสามแนวคิดนั้นมันเป็นสิ่งที่แตกต่างกันสิ้นเชิง
หากพวกเขาทั้งหลายเป็นอัจฉริยะแล้ว หลินฉางชิงก็คงเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ!
เขานั้นสามารถเอาชนะศิษย์พี่ทั้งหลายไปได้ไกลโข!
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่หลินฉางชิงปล่อยออกมาเย่หยวนเองก็ตกใจไม่น้อย
หากดูเท่าที่เห็นนี้แล้วหลินฉางชิงอาจจะมีพรสวรรค์เหนือล้ำกว่าเฟิงเทียนหยางแห่งแดนเหนือด้วยซ้ำ!
สมชื่อว่าเป็นยอดอัจฉริยะในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์! ศิษย์ทั้งหลายของสถานที่เช่นนี้มันย่อมจะเหนือกว่าผู้คนภายนอกมาก
เพียงแค่ว่าเย่หยวนนั้นสามารถจัดการเฟิงเทียนหยางได้ด้วยพลังบ่มเพาะที่ต่ำกว่ามาก
เวลานี้เมื่อเขามีพลังบ่มเพาะเทียบเท่ากับหลินฉางชิงได้ เย่หยวนยังจำเป็นต้องเอาจริงใดๆ?
ที่สำคัญเวลานี้ไม้ตายของเย่หยวนนั้นมันมากล้ำจนเกินนับ!
“ฮ่าๆๆ เห็นหรือไม่? มีเพียงอัจฉริยะอย่างเทพสวรรค์ผู้นี้เท่านั้นที่จะเหมาะสมกับศิษย์น้องเมิ่งลี่ มดปลวกเช่นเจ้ามันย่อมทำได้แค่ฝันหวาน คิดอยากเทียบเคียงความยิ่งใหญ่กับข้าหรือ? เอาสิ ก้มหัวขอร้องข้าสิ! บางที…ข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้าไปก็ได้!” หลินฉางชิงหัวเราะลั่นขึ้นมา
เพราะสิ่งที่เขาทำไว้กับเย่หยวนมันคือพันธะจิตศักดิ์สิทธิ์มิใช่การสาบานต่อเต๋าสวรรค์
หากทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ มันก็สามารถจะคลายพันธะออกได้
แต่แน่นอนว่ามันจะเกิดขึ้นได้เมื่อทั้งสองฝ่ายยินยอม หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมรับแล้วพันธะนี้มันก็จะยังอยู่ต่อไป
เจิ้งหยูเฟิงได้แต่มองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
‘รองมหาปราชญ์แล้วทำไม?’
‘ทายาทมังกรสวรรค์แห่งเผ่ามังกรแล้วทำไม?’
‘ศิษย์น้องฉางชิงนี้คือยอดอัจฉริยะที่ล้านปีจะเกิดขึ้นมาได้สักครั้ง!’
ต่อให้เย่หยวนจะสามารถก้าวล้ำศิษย์น้องฉางชิงนี้ได้ในวันหน้า เขาก็คงไม่มีเวลาทำเช่นนั้นแล้ว!
เวลาสองพันปีนี้มันย่อมจะไม่มากพอให้เย่หยวนตามติดศิษย์น้องฉางชิงของเขาทัน
เพราะเมื่อเย่หยวนพัฒนา ตัวศิษย์น้องฉางชิงของเขาก็พัฒนาเช่นกัน!
แต่เมื่อเย่หยวนได้ยินเขากลับอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น “หลินฉางชิง ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจเช่นนั้นมาจากไหน ครั้งหนึ่งเจ้าเคยบอกอ้างว่าตนเป็นยอดอัจฉริยะต่อหน้าข้า แต่วันนี้เวลาผ่านไปพันปีเจ้ากลับแสดงพลังเท่านี้ให้ข้าเห็น? ที่น่าหัวเราะไปกว่านั้นก็คือเจ้ายังหลงเชื่อว่าตัวเองเหนือกว่าผู้คนอยู่!”
หลินฉางชิงที่ได้ยินก็กล่าวตอบมาอย่างเย็นเยือก “เด็กน้อย เจ้านี่มันไม่รู้จักรับเรื่องเวลาคนอื่นไว้หน้าจริงๆ! คิดอวดอ้างตนเองเช่นนี้! เจ้าคิดว่าแค่มีสมบัติที่ปกปิดพลังจากสายตาผู้คนแล้วจะหลอกลวงให้คนอย่างเทพสวรรค์ผู้นี้หลงเชื่อได้หรือ? หากมันมิใช่เพราะเวลาสองพันปียังไม่มาถึง เทพสวรรค์ผู้นี้ก็คงสังหารเจ้าด้วยฝ่ามือเดียวไปแล้ว!”
“สมบัติที่ปกปิดพลัง? หลอกผู้คนหลงเชื่อ?”
มุมปากของเย่หยวนจึงต้องเผยยิ้มขึ้น “เช่นนั้นก็เบิกตาถั่วๆ ของเจ้ามองดูให้ดีแล้วกันว่าข้าใช้สมบัติใดหรือไม่!”
…………………