Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2182 มารร้ายปรากฏกาย
เจ้าเงาสีดำนั้นมันรวดเร็วอย่างเหนือล้ำรีบพุ่งตัวหลบหวังมุดเข้าสู่ห้วงมิติทันที
เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งสามนั้นตื่นตะลึงกับภาพตรงหน้าจนไม่อาจตั้งสติรับมือทัน
แต่ทางเย่หยวนนั้นเตรียมการรับมือมันมาตั้งแต่ที่ตรวจพบเขาจึงรีบเปิดปากพูดกล่าว
“หยุด!”
เย่หยวนพูดกล่าวคำนี้ออกมาทำให้ห้วงมิติเวลารอบๆ หยุดนิ่งลง
เจ้าแมลงสีดำนั้นมันยังไม่ทันจะหนีหายไปไหน กลับหยุดลงเสียกลางอากาศ
เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งสามต้องเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างไม่คิดอยากเชื่อและลืมไปว่าจะต้องลงมือใดๆ
“จะยังยืนนิ่งกันทำไมอีก?” เย่หยวนหันมาตะโกนบอก
ลั่วเฟิงนั้นเป็นคนแรกที่ตั้งสติขึ้นมาได้และรีบชี้นิ้วออกมายังเจ้าแมลงตัวนั้น กักขังมันไว้ในห้วงพลังไม่ให้หนีไปไหนได้อีก
เจ้าแมลงสีดำนี้มันมีพลังระดับเทพสวรรค์ ด้วยกำลังของเย่หยวนมันย่อมจะเป็นการยากหากต้องจับกุม เขาจึงต้องหันไปร้องบอกให้จักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายช่วยลงมือ
เย่หยวนจ้องมองไปยังเจ้าแมลงสีดำนั้นอย่างครุ่นคิด แต่เวลานี้จักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งสามต่างจ้องมองมาที่เย่หยวนอย่างกับว่าได้เห็นสัตว์ประหลาดใด
เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้มันเหนือล้ำจินตนาการของพวกเขาไปมากล้ำ!
มิติและเวลามันกลับถูกหยุดลง!
เวลานั้นแม้แต่จุนหมิงซินเองก็ยังถูกพลังของเวลาชะงักนี้หยุดไว้ ไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้ราวครึ่งวินาที
ส่วนทางด้านลั่วเฟิงและตันยี่นั้นย่อมไม่ได้รับผลใดๆ
คนทั้งสองนั้นมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำจนเกินกว่าที่จะรับผลจากมันได้
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรความตื่นตะลึงมันก็ยังเกิดขึ้น!
“คำบัญชาเต๋าสวรรค์! มันเป็นคำบัญชาเต๋าสวรรค์! เทพสวรรค์กลับสามารถใช้คำบัญชาเต๋าสวรรค์ออกมาได้!” ลั่วเฟิงร้องบอกขึ้นอย่างตื่นตะลึง
“เจ้าเด็กคนนี้มันบรรลุคำบัญชาเต๋าสวรรค์ได้อย่างไร?” ตันยี่ร้องขึ้นตาม
“ช่างเป็นคำบัญชาเต๋าสวรรค์ที่รุนแรงนัก! เมื่อสักครู่นี้แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังต้องชะงักลง!” จุนหมิงซินร้องขึ้นด้วยอีกคน
เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดสนใจและไม่ได้หันมาสนใจ เวลานี้เขาได้แต่จ้องมองดูเจ้าแมลงสีดำนั้นอย่างหนักใจ
เพราะคลื่นพลังที่เจ้าแมลงสีดำนี้มันปล่อยออกมานั้น มันช่างคุ้นตาเสียเหลือเกิน!
“นี่มัน… หืม? มองอะไรกันหรือ?” เย่หยวนที่กำลังคิดจะหันมาพูดคุยกับคนทั้งสามต้องสะดุ้งตัวขึ้นหลังเห็นสายตาเบิกกว้างของคนทั้งหลาย
เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?
เจ้าทำเรื่องเหนือสวรรค์แต่กลับมาตกใจที่พวกเราตื่นตะลึง?
จักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งสามได้แต่ยืนนิ่งไม่รู้ต้องตอบอย่างไร
ความอวดดีที่น่ากลัวที่สุดมันคือความอวดดีที่ไม่ได้จงใจ!
“เมื่อสักครู่นี้ เจ้าใช้วิชาใดออกมาหรือ?” ลั่วเฟิงร้องถาม
เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ต้องผงะไป “ท่านพูดถึงเวลาชะงัก? มันคือทักษะเทวะภายในของเผ่ามังกร! หรือว่าเจิ้งหยูเฟิงนั้นจะไม่ได้ไปรายงานพวกท่านว่าข้าเป็นทายาทมังกรสวรรค์แห่งเผ่ามังกร?”
เย่หยวนนั้นแสดงสีหน้าท่าทางสุดแสนธรรมดาจนทำให้คนทั้งหลายที่ตื่นตะลึงนี้กลายเป็นดั่งคนโง่เง่า
เมื่อเขาพูดกล่าวนามนี้ออกมาแล้วเขาย่อมจะมิใช่แค่คนเผ่ามังกรทั่วๆ ไป การจะมีทักษะเทวะภายในสักอย่างสองอย่างมันย่อมเป็นเรื่องธรรมดามิใช่หรือ?
เพียงแค่ว่าคนทั้งหลายนั้นไม่ได้คิดสนใจตำแหน่งใดๆ นั้นมาตั้งแต่แรก
“เวลาชะงัก… ทายาทมังกรสวรรค์แห่งเผ่ามังกร…” ลั่วเฟิงได้แต่ต้องทวนคำที่ได้ยินอย่างไม่อาจเข้าใจได้ว่าทายาทมังกรสวรรค์นี้มันหมายถึงอะไรกันแน่
เผ่ามังกรนั้นเป็นหนึ่งในอสูรที่มีสายเลือดเหนือล้ำ เหล่าเผ่าอสูรที่มีสายเลือดสูงส่งเหนือล้ำทั้งหลายนั้นย่อมจะไม่เป็นที่รู้จักของคนภายนอกมากมายนัก
ในมหาพิภพถงเทียนนี้ต่อให้จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายเอง พวกเขาก็ไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงความลับทุกอย่างบนโลกหล้า
นามของรองมหาปราชญ์นั้นถูกประกาศกว้างไกลทำให้มันกดทับนามทายาทมังกรสวรรค์ของเผ่ามังกรไปสิ้น
แต่เวลานี้เมื่อได้เห็นเช่นนี้ลั่วเฟิงก็รู้ได้ทันทีว่าทายาทมังกรสวรรค์นี้มันคงเป็นตำแหน่งที่ไม่ด้อยไปกว่ารองมหาปราชญ์!
เพียงแค่วิชานี้กระบวนท่าเดียวมันก็มากพอจะพิสูจน์!
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้คือสัตว์ประหลาดอย่างไม่ต้องสงสัย!
เยวี่ยเมิ่งลี่นั้นต้องมีสายตาที่เฉียบคมปานใด? ถึงกลับไปเจอสัตว์ประหลาดเช่นนี้มาได้?
ด้วยความสามารถของเย่หยวนแล้วมันจะยังมีใครเทียบเคียงได้?
คิดมาถึงตรงนี้ลั่วเฟิงก็ได้แต่ต้องรู้สึกสงสารศิษย์ตัวน้อยของเขาจับใจ
แต่เย่หยวนกลับยกมือขึ้นมาโบกปัด “เรื่องนั้นมันไม่ได้สำคัญใด! ที่สำคัญก็คือ… เจ้าแมลงสีดำนี้มันแปลก!”
คำพูดนี้ดึงสติของลั่วเฟิงกลับมาพร้อมถามขึ้นอย่างจริงจัง “หืม? มันแปลกอย่างไร?”
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “เจ้าสิ่งนี้มันเรียกว่ามารนรก!”
ใช่แล้ว! คลื่นพลังที่เจ้าแมลงสีดำนี้ปล่อยออกมานั้นมันตรงกับมารนรกทั้งหลายนั้นอย่างไม่มีผิดเพี้ยน!
เย่หยวนเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่าตนเองจะได้มาเจอมารนรกในที่แบบนี้
เจ้ามารนรกนั้นมันควรจะถูกสะกดไว้ในถ้ำเนตรมังกรด้วยพลังของเหล่ายอดฝีมือเผ่ามังกรหรือ?
หรือว่า… ลี่เอ๋อจะไปพบเจอกับสถานที่สุดอันตรายเข้าแล้ว?
คิดมาถึงตรงนี้เย่หยวนก็แทบอยากจะพุ่งตัวไปให้ถึงถ้ำนิลเพลิงที่ว่าทันที
“มารนรก? ไม่เคยได้ยินมาก่อน!” ลั่วเฟิงจึงตอบกลับมาด้วยสีหน้ามึนงง
เย่หยวนหันหน้ากลับไปทำลายเจ้ามารนรกแมลงสีดำนั้นลงก่อนจะตอบกลับไป “ท่านไม่ต้องรู้ให้มากหรอก รู้เพียงแค่ว่ามันคือสิ่งที่สุดแสนอันตรายก็เพียงพอ! หากเจ้ามารนรกทั้งหลายนี้ได้ออกมาสู่โลกภายนอกแล้วผู้คนจะต้องบาดเจ็บล้มตายกันอย่างทรมาน!”
การผนึกมารนรกนั้นไว้คือความลับของเผ่ามังกร แน่นอนว่ากับผู้คนจากโลกภายนอกแล้วเย่หยวนย่อมจะไม่คิดเปิดเผยเรื่องราวให้มากมาย
แต่ในเมื่อจู่ๆ มันปรากฏตัวขึ้นในมหาพิภพถงเทียนเช่นนี้ มันก็ย่อมจะมิใช่สัญญาณที่ดีนัก
ได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของคนทั้งสามก็เปลี่ยนสีไป แต่เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดสนใจใดๆ หันหน้ากลับไปใช้เคล็ดดาราสวรรค์บัญชาสารทิศรักษาต่อทันที
เคล็ดดาราสวรรค์บัญชาสารทิศของเขานั้นมันเป็นเคล็ดวิชาที่สามารถทำได้รอบด้าน จะบอกว่ามันคือผลของความรู้ความเข้าใจต่อเต๋าโอสถของเขาก็ว่าได้ การจะรักษากระดูกหรือเนื้อหนังที่หักฉีกเองมันก็มิใช่เรื่องยากเย็น
ภายใต้พลังของเคล็ดดาราสวรรค์บัญชาสารทิศนี้ทุกสิ่งอย่างมันไม่อาจจะหลบซ่อนได้ ทำให้สุดท้ายเย่หยวนจึงได้พบว่าเจ้าแมลงสีดำนี้มันซ่อนตัวอยู่ในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของจั่วหยวนจืออย่างมิดชิด
ไม่แปลกเลยว่าทำไมแม้แต่ตันยี่ จอมเทพโอสถแปดดาวผู้นี้เองก็ไม่อาจจะตรวจพบมัน
หลังจากผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ร่างเน่าๆ ของจั่วหยวนจือก็ค่อยๆ ฟื้นกลับขึ้นมาเป็นปกติ
คลื่นพลังที่เหมือนคนใกล้ตายของเขานั้นมันค่อยๆ ฟื้นกลับขึ้นมา
เมื่อตันยี่ได้เห็นเรื่องราวดวงตาของเขาก็ต้องเบิกกว้าง!
“ช่างเป็นวิชาโอสถที่เหนือล้ำฟ้าดิน กลับสามารถทำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้เช่นนี้! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลผู้ยิ่งใหญ่นั้นจึงได้ตั้งเขาเป็นรองมหาปราชญ์!”
หลังผ่านไปได้อีกสองวันในที่สุดจั่วหยวนจือก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
เมื่อได้เห็นภาพชายแปลกหน้าตรงหน้านี้จั่วหยวนจือก็รู้สึกราวกับว่าเขายังฝันไป
“จั่วหยวนจือ ข้าขอถามเจ้า ลี่เอ๋อเป็นอย่างไรบ้าง?” เมื่อจั่วหยวนจือตื่นขึ้นมาเย่หยวนก็รีบยิ่งคำถามที่สงสัยที่สุดออกไปทันที
จั่วหยวนจือนั้นยังมีสภาพมึนงงของคนไข้เพิ่งฟื้นสติจึงได้แต่ร้องถามกลับมา “ล-ลี่เอ๋อ?”
เย่หยวนจึงร้องถามขึ้น “ข้าถามถึงเยวี่ยเมิ่งลี่! พวกเจ้าเข้าไปยังถ้ำนิลเพลิงด้วยกันมิใช่หรือ? นางอยู่ที่ใดแล้ว? เวลานี้นางยังมีชีวิตหรือไม่?”
จั่วหยวนจือได้แต่เบิกตากว้างเหมือนจะเริ่มฟื้นสติขึ้นมาจากฝัน
เพียงแค่ว่าพอเขาเริ่มนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น สีหน้าและดวงตาของเขามันก็เริ่มแสดงอาการผิดปกติ
“อ่า! อย่าเข้ามา! อย่าเข้ามา! ข้า… ข้าจะฆ่าพวกเจ้า!”
จั่วหยวนจือนั้นเหมือนจะนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวสุดน่าหวาดกลัวจนร้องคลั่งราวคนเสียสติพร้อมผลักฝ่ามือออก
คลื่นพลังหนักหน่วงนั้นถูกปล่อยออกมาในห้องแคบๆ มันย่อมจะทำให้ผู้คนที่สัมผัสได้ขนลุกชัน
แต่แม้เขาจะรวดเร็วปานใด เย่หยวนก็ยังเร็วกว่าเสมอ!
จั่วหยวนจือนั้นยังไม่ทันจะได้ใส่แรงใดๆ ออกมาในฝ่ามือนั้นเย่หยวนก็ชี้นิ้วออกมาสะกดร่างของเขาลงทันที
จากนั้นมันก็มีคลื่นพลังจิตศักดิ์สิทธิ์หนักหน่วงพุ่งถาโถมลงใส่ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของจั่วหยวนจือ
“เย่หยวน เจ้าคิดจะทำอะไรกัน?” ลั่วเฟิงนั้นร้องขึ้นมาอย่างตกตะลึงและไม่พอใจ
การค้นจิตนั้นมันย่อมจะทำให้เกิดความเสียหายกับเป้าหมายไม่น้อย
แต่เรื่องราวนี้มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขานั้นก็ไม่อาจจะหยุดห้ามไว้ได้ทันเช่นกัน
หากถึงเวลานี้แล้วเขาไปใช้กำลังดึงตัวเย่หยวนกลับออกมา มันจะยิ่งเป็นการทำให้จิตของจั่วหยวนจือเสียหายหนักกว่าเก่า
“หุบปาก! เขาไม่เป็นไรหรอก!” เย่หยวนตะคอกกลับมา
จากนั้นภาพเรื่องราวต่างๆ นานา มันก็ไหลเข้าในหัวสมองของเย่หยวน
หลังจากที่เขาได้ผสานปราณ กายและจิตเข้าด้วยกันแล้ว พลังจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนนั้นมันก็แข็งแกร่งหนักหน่วงขึ้นกว่าเก่ามาก
ภายใต้สภาพคลุ้มคลั่งของจั่วหยวนจือนี้เขาย่อมจะไม่มีสติมาขัดขืนการค้นจิตใดๆ การค้นจิตของเย่หยวนนี้จึงจะไม่สร้างความเสียหาย
เว้นเสียแต่ว่าในสายตาของลั่วเฟิงแล้วเรื่องราวตรงหน้านี้มันย่อมจะเป็นเรื่องราวสุดแสนร้ายแรง
…………….