Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2208 เจ้านี่มันต้องได้รับแรงกระตุ้น!
“นายน้อย? แม่นางท่านจำคนผิดหรือไม่?” เย่หยวนอดไม่ได้ที่จะถามกลับมา
แต่คำพูดนี้มันกลับทำให้สีหน้าของลู่เอ๋อซีดขาวลงพร้อมร่างที่สั่นเทา “นายน้อย นี่ลู่เอ๋อเอง ท่าน… ท่านลืมลู่เอ๋อไปแล้วหรือ?”
เวลากว่าหกสิบปีมานี้ลู่เอ๋อได้เดินทางไปเกือบทั่วทั้งแดนกลางจนสุดท้ายก็ได้มาเจอกับเย่หยวนเข้าในวันนี้
แต่ใครจะไปคิดฝันว่าแม้ได้เจอหน้ากัน เย่หยวนจะกลับไม่อาจจดจำนางได้อีกแล้ว!
มันต้องเป็นเรื่องราวที่สั่นสะท้านหัวใจนางปานใด?
ลู่เอ๋อนั้นแทบสิ้นสติลงเมื่อได้ยินคำของเย่หยวน
แต่ทางเย่หยวนก็ได้แต่ต้องขมวดคิ้วแน่น พยายามที่จะนึกจดจำใบหน้านี้
เพราะแม้เขาจะไม่อาจจดจำเรื่องราวใดๆ ได้แต่เขากลับรู้สึกว่าในหน้าของนางตรงหน้านี้มันดูคุ้นตาเสียเหลือเกิน
“แม่นางรู้จักข้าหรือ? ขอโทษด้วยจริงๆ แต่ข้านั้นเสียความทรงจำไปจึงไม่อาจจะจดจำเรื่องราวใดๆ ก่อนหน้าได้เลย” เย่หยวนได้แต่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
แต่ทางอาซิ่วนั้นกลับขมวดคิ้วแน่นราวกับได้พบศัตรูคู่แค้น
หรือว่าแม่นางผู้นี้จะเป็นคนรักของอาหนิง?
หากเป็นเช่นนั้นแล้ว… ตัวนางจะมีหวังใดๆ ไปสู้ได้?
ต่อหน้ารู้ร่างหน้าตาของลู่เอ๋อนี้ตัวอาซิ่วไม่มีความมั่นใจใดๆ ในตัวเองแม้แต่น้อย
“นั่นสินะ! หากมันไม่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมีหรือที่นายน้อยจะไม่กลับไปหาข้า?” ลู่เอ๋อพูดปลอบตัวเองด้วยรอยยิ้มแสนขมขื่น
“เย่หยวน เจ้าบ้านี่! ข้าอุตส่าห์ฝากให้เจ้าดูแลศิษย์น้องเมิ่งลี่! แต่นอกจากเจ้าจะไม่ได้พานางออกมาแล้วเจ้ากลับลืมเลือนแม้แต่ตัวตนของเจ้าเองไปหรือ? แค่นึกย้อนถึงวันนั้นที่เจ้ามาเรียกศิษย์น้องเมิ่งลี่ว่าลี่เอ๋อๆ ข้าก็ชักขัดใจขึ้นมาแล้ว วันนี้เจ้ากลับจะบอกว่าตนเองนั้นลืมเลือนนางไปสิ้นหรือ?” ชายที่มากับลู่เอ๋อระเบิดเสียงตวาดลั่น
แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นหลินฉางชิงแล้ว!
แต่หลินฉางชิงคนนี้เองก็มีความรักต่อเยวี่ยเมิ่งลี่ที่ลึกล้ำมาก
เวลาที่ผ่านมานี้คนทั้งหลายย่อมไม่มีใครคิดว่าเย่หยวนจะยังมีชีวิตรอด
แต่หลินฉางชิงนั้นกลับไม่ยอมแพ้คิดตามหาเย่หยวนเพื่อสอบถามข่าวของเยวี่ยเมิ่งลี่
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจเดินทางออกมากับลู่เอ๋อไปทั่วแดนกว่าหกสิบปีเพื่อหาข่าวของเย่หยวน
สิ่งเดียวที่พวกเขาทั้งสองพอจะตั้งความหวังได้คือเรื่องของแสงสีทองที่บินหายไปทางตะวันออกนั้น
เพราะฉะนั้นคนทั้งสองจึงได้ออกเดินทางตามแม่น้ำโกรธาต่ำไปทางตะวันออก ค้นหาแต่ละเมืองๆ ไปเรื่อย
ในระหว่างการเดินทางนี้คนทั้งสองย่อมจะได้ยินข่าวที่น่าสนใจหลายอย่าง แต่สุดท้ายมันก็มีแต่ความผิดหวังรอพวกเขาอยู่
เมื่อความหวังใดๆ มันเริ่มจางหายลงทางหลินฉางชิงก็ได้แต่ต้องเดินทางไปอย่างไม่คิดหวังว่าจะเจอกันอีก
มีเพียงความดื้อรั้นของลู่เอ๋อเท่านั้นที่ทำให้การเดินทางหกสิบปีนี้ยังคงดำเนินต่อมาได้
และก็อย่างที่คนโบราณว่า ‘สวรรค์มีตา’ แม้จะต้องเจอความยากลำบากและผิดหวังไปมากแต่สุดท้ายวันนี้พวกเขาก็ได้มาพบเจอเย่หยวน
แต่สุดท้ายมันก็กลับกลายมาเป็นสภาพเช่นนี้
เมื่อหลินฉางชิงได้เห็นสภาพของเย่หยวน ความคับแค้นใจในเวลาหลายปีนี้มันจึงได้ปะทุขึ้น
เมื่อเย่หยวนได้ยินคำว่า ‘เมิ่งลี่’ สองคำนั้น ดวงใจของเขากลับปวดร้าวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“นี่! พวกเจ้าเป็นใคร! กล้ามาตวาดใส่อาหนิงกลางหมู่บ้านตระกูลเฉินเรา เจ้าไม่รู้หรือว่าที่นี่คือที่ใด?” อาซิ่วรีบเดินเข้ามาขวางหน้าเย่หยวนไว้
หลายปีมานี้คนที่มายังหมู่บ้านตระกูลเฉินย่อมต้องแสดงท่าทีนอบน้อม ไม่มีใครกล้าทำตัวโอหังเช่นนี้ต่อหน้าเย่หยวนทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้นคนหมู่บ้านตระกูลเฉินเอง รวมไปถึงตัวอาซิ่วนั้นจึงได้เริ่มเชื่อว่าตนเองอยู่เหนือผู้คนไปด้วย
เมื่อได้เห็นหลินฉางชิงตวาดลั่นออกมาเช่นนั้นอาซิ่วจึงอดไม่ได้ที่จะเข้ามาด่าว่า
“ไสหัวไป! เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเจ้า!”
หลินฉางชิงนั้นสะบัดฝ่ามือผลักร่างของอาซิ่วลอยลิ่วไปไกล
แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้เห็นคนโหดเหี้ยมใดๆ แม้ว่าฝ่ามือนี้มันจะทำร้ายอาซิ่ว แต่ก็มิใช่บาดแผลที่สาหัสใดๆ
“อาซิ่ว!” เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าหลินฉางชิงอย่างดุดัน
หลินฉางชิงเองก็จ้องหน้าเย่หยวนกลับพร้อมกล่าวบอก “ในเมื่อเจ้าจำไม่ได้ ข้าก็จะกระทืบเจ้าจนกว่าเจ้าจะจำได้เอง!”
ปัง!
คลื่นพลังรุนแรงจากร่างของเขาปะทุออกจนทำลายเรือนรับรองนี้กระจุยเป็นทั่วทิศ
เรื่องราวนี้ทำให้ชาวบ้านทั้งหลายต่างต้องหันมาสนใจมองดูเรื่องราวตามๆ กัน
“นี่มัน… เป็นคลื่นพลังที่รุนแรงอะไรปานนี้! เจ้าหนุ่มคนนี้มีพลังระดับใดกัน?”
“หรือว่า… อาณาจักรเทพถ่องแท้?”
“ฉิบหายแล้ว! กำลังของอาหนิงนั้นมันพอที่จะจัดการนภาสวรรค์แต่เทพถ่องแท้คงเกินกำลังไปมาก!”
…
ชาวบ้านทั้งหลายต่างไม่ใช่คนโง่บ้านนอกทั่วๆ ไปอีก
พวกเขานั้นได้เข้าใจระดับพลังของนักยุทธในมหาพิภพถงเทียนนี้มากขึ้น
หลายปีมานี้พวกเขาก็ได้เห็นยอดฝีมือมากมาย แม้แต่นภาสวรรค์เองก็มีให้เห็นไม่น้อย
แต่มันไม่เคยจะมีใครที่ปลดปล่อยคลื่นพลังได้รุนแรงปานนี้
ในกิโลเมตรรอบๆ นั้นพวกเขาแทบไม่อาจลุกขึ้นยืนได้!
ปัง!
หลินฉางชิงไม่กล่าวใดๆ อีกพร้อมยกมือต่อยเข้าที่หน้าเย่หยวน
เย่หยวนที่ไม่ทันตั้งตัวต้องถูกหมัดนี้ซัดจนลอยลิ่วไป!
“ฮ่าๆๆ ไหนว่าเก่งกาจมากไงเล่า? ก่อนหน้านั้นเจ้ามาอวดอ้างบอกว่าตนเองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับข้ามิใช่หรือ? อวดเก่งในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิงมากมิใช่หรือ? ตอนนี้เล่า? เจ้ามองดูตนเองเถอะ ไม่ต่างจากหมาใกล้ตาย! หากข้าไม่ได้ออมมือแล้วหมัดนั้นคงสังหารเจ้าลงไปแล้ว!” หลินฉางชิงร้องบอกด้วยเสียงหัวเราะ
แต่แท้จริงในใจของเขานั้น เขาได้ยอมแพ้ต่อเย่หยวนอย่างราบคาบไปแสนนานแล้ว
เมื่อได้เห็นฝีมือของเย่หยวนในด้านต่างๆ เขาย่อมไม่โง่พอที่จะยังวางตัวเหนือท่านได้!
ที่ดื้อรั้นมาจนถึงวันนี้มันก็เพราะว่าเขาไม่อาจปล่อยเรื่องความเป็นความตายของเยวี่ยเมิ่งลี่ไปได้จริงๆ จึงคิดอยากถามหาเรื่องราวจากปากของเย่หยวนให้จงได้
แต่เขาก็ไม่ได้คาดคิดว่าเย่หยวนจะกลับกลายเป็นเช่นนี้ไป
เย่หยวนค่อยๆ ลุกกลับขึ้นมาด้วยใบหน้าเย็นเยือก
“ทุกคนถอยไป!” เย่หยวนสั่งบอก
ชาวบ้านทั้งหลายจึงได้แต่วิ่งไปหลบตามๆ กัน
หลินฉางชิงหัวเราะขึ้นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า “อ่า? ไม่พอใจหรือ? แต่เวลานี้เจ้านั้นพิการ ไม่มีปราณเทวะแม้แต่น้อย ส่วนกายเนื้อเองก็คงฟื้นมาได้ราวสามสิบถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น กำลังแค่นี้เจ้าตะจะจัดการเทพสวรรค์ผู้นี้ลงได้?”
ลู่เอ๋อได้แต่ต้องขมวดคิ้วแน่น “หลินฉางชิง!”
แต่ทางหลินฉางชิงกลับหันมาส่ายหัวอธิบายเรื่องราวให้ “วางใจเถอะน่า ข้าไม่สังหารมันหรอก! เจ้าหมอนี่มันแค่ต้องการแรงกระตุ้น!”
ลู่เอ๋อเปิดปากคิดเถียงออกมา แต่เมื่อลองคิดดูสุดท้ายนางก็ไม่ได้กล่าวขัดใดๆ
บางทีวิธีการเช่นนี้มันก็อาจจะช่วยรักษาได้
ที่ด้านข้างเหล่าชาวบ้านทั้งหลานนั้นต่างตื่นตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า!
เทพสวรรค์ผู้นี้!
อาณาจักรเทพสวรรค์!
คนที่จะเรียกตัวเองว่าเทพสวรรค์ได้ย่อมจะมีแต่เทพสวรรค์เท่านั้น!
ชายหนุ่มคนนี้กลับเป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรเทพสวรรค์!
น่ากลัวเกินไป
ต่อให้พวกเขาจะไม่ได้เป็นแค่ชาวบ้านสามัญชนอีกต่อไปแล้วแต่ตัวตนของเทพสวรรค์นั้นมันก็ยังเกินกว่าที่พวกเขาจะคิดฝันถึง
หรือว่าเทพสวรรค์ผู้นี้จะเป็นคนรู้จักของอาหนิง?
หลินฉางชิงได้แต่หัวต้องหัวเราะขึ้น “วันนี้เทพสวรรค์ผู้นี้จะเหยียบเจ้าให้เละคาดิน!”
ฟุบ!
หลินฉางชิงไม่คิดกล่าวพูดจาใดๆ อีกยกมือขึ้นต่อยออกมาอีกครั้ง
ปัง!
มิติสั่นสะเทือน ร่างกายของเย่หยวนลอยลิ่วหายไป!
แต่กลับกัน ทางตัวหลินฉางชิงเองก็ต้องถอยหลังกลับมาหลายก้าว
เขาได้แต่ต้องร้องขึ้นมาด้วยดวงตาเบิกกว้าง “ค่ายกลฉับพลัน! เป็นไปได้อย่างไรกัน? เจ้าหมอนี่มันไม่มีปราณเทวะเหลือในร่างแล้วด้วยซ้ำ แต่กลับยังจะวางค่ายกลฉับพลันได้หรือ?”
ในเสี้ยวพริบตานั้นเย่หยวนได้วาดค่ายกลลงมารับการโจมตีของหลินฉางชิงไว้
แน่นอนว่ามันเป็นเพราะตัวหลินฉางชิงไม่ได้ต่อยออกมาด้วยกำลังที่แท้จริงด้วย
เย่หยวนจ้องมองดูหลินฉางชิงพร้อมกล่าว “ต่อให้เจ้าจะเคยรู้จักข้าแต่เจ้าก็อย่าได้มารังแกอาซิ่ว! เรื่องนี้ไม่ว่าจะอย่างไรข้าก็ต้องเอาคืนให้นาง!”
หลินฉางชิงจึงได้แต่ต้องยิ้มรับ “ข้ารังแกนางแล้วเจ้าทำอะไรได้? หึๆ เจ้ามันไม่ธรรมดาจริงๆ! สภาพเช่นนี้ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะยังมีกำลังได้มากถึงปานนี้! วันนี้เทพสวรรค์ผู้นี้อยากจะรู้ว่าค่ายกลฉับพลันของเจ้ามันจะมีปัญญาสักเท่าใด!”
ปัง!
หลินฉางชิงปลดปล่อยคลื่นพลังออกมาอีกครั้งทำให้ฟ้าดินแทบเปลี่ยนสี
“ฮ่าๆ ระวังตัว! เทพสวรรค์ผู้นี้จะเข้าไปแล้ว!”
หลินฉางชิงพุ่งทะยานปล่อยคลื่นพลังเข้ากดตัวเย่หยวนในทันที
พลังที่เขาใช้ออกมาในเวลานี้มันขึ้นมาถึงระดับของเทพถ่องแท้แล้ว
แล้วมีหรือที่ชาวบ้านทั้งหลายจะเคยพบเห็นพลังรุนแรงเช่นนี้? เวลานี้พวกเขาทั้งหลายต่างต้องยืนนิ่งอ้าปากค้าง ได้แต่ต้องกังวลว่าเย่หยวนจะเป็นอันตรายไป
………………………